"อรุณ โชคนานา" ช่างตัดสูทมือดี ดังไกล ฝีมือถูกใจหนุ่มสวิสฯ

"อรุณ โชคนานา" ช่างตัดสูทมือดี ดังไกล ฝีมือถูกใจหนุ่มสวิสฯ

"อรุณ โชคนานา" ช่างตัดสูทมือดี ดังไกล ฝีมือถูกใจหนุ่มสวิสฯ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

ความจริงการตามหาร้านตัดสูทคุณภาพดีใจกลางเมืองหลวง อาจไม่ใช่เรื่องยากลำบาก แค่เปิดอินเทอร์เน็ตพิมพ์ "ร้านตัดสูทในกรุงเทพฯ" บนเสิร์ชเอ็นจิ้น รายชื่อร้านตัดสูทพร้อมรีวิวก็จะพรั่งพรูออกมาให้เลือกมากมาย เพียงแต่ว่าการเห็นผ่านภาพกับของจริงแบบไหนจะดีกว่ากัน หากใครที่ต้องการความมั่นใจ ก็ต้องเช็กกันด้วยตาตัวเอง กับของจริงที่ไม่ใช่ภาพถ่าย แบบนี้ย่อมได้ของที่ถูกใจอย่างแน่นอน

ทว่า ร้านตัดสูทคุณภาพดีมีหน้าร้านกลางกรุงเหล่านั้น กลับมีปัญหาสำคัญอยู่หนึ่งอย่างตรง "ราคา" ที่ค่อนข้างแพงเพียงเริ่มต้นราคาก็ไต่ระดับไปไกลถึงหลักหมื่น จนหลายคนส่ายหัวและหันไปหาชุดสูทสำเร็จแทน นอกเสียจาก "รู้แหล่ง" จึงจะหาของดีราคาไม่แพงมาสวมใส่ได้ แต่อาจจะไม่เป๊ะ...เหมือนตัด

หนึ่งในร้านสูทใจกลางเมืองละแวกย่านราชประสงค์ มีร้านสูทเก่าแก่อยู่หนึ่งร้าน เป็นร้านที่เจ้าของลงมือทำเองชื่อว่า "ร้านกรีนแอปเปิ้ล" อยู่ในบริเวณเดียวกับอาคาร "โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล" ซึ่งร้านนี้มีชื่อเสียงโด่งดังมากในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และเยอรมนี

"ผมคงไม่กล้าพูดว่าสูทของเรามีคัตติ้งที่ดีมาก ๆ เพราะความจริงมันก็ไม่ได้ดีมากถึงขนาดนั้น ถ้าจะให้พูดก็ต้องบอกว่าสูทของเราคุณภาพดีสมราคา ตามโพลิซี่สำคัญของร้านที่ว่า Value for Money เราจะนำเสนอเฉพาะสิ่งที่มันคุ้มค่ากับเงินจริง ๆ ภายใต้เงื่อนไขที่สามารถออฟเฟอร์ลูกค้าได้จริงเท่านั้น"

"อรุณ โชคนานา" เจ้าของร้านตัดสูท "กรีนแอปเปิ้ล" วัย 65 ปี ที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลจากอินเดียมาไทยตั้งแต่อายุเพียง 17 ปี ออกตัวชี้แจงถึงคุณภาพสินค้าและปรัชญาการค้าขายของร้าน ก่อนจะกล่าวว่าสูทมีราคาเฉลี่ยเพียงชุดละ 9,000-10,000 กว่าบาทเท่านั้น

"การตั้งราคาไม่แพงก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดีทั้งหมด เพราะคนไทยบางกลุ่มจะค่อนข้างกลัวการซื้อของถูก ถ้าถูกเขาไม่ซื้อเลย และไปตัดสูทที่แพงกว่านี้แทน เพราะเขามองว่าของแพงน่าจะคุณภาพดีกว่าของถูก ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งเป็นพวกที่กลัวว่าร้านในโรงแรมจะแพง แต่เอาเข้าจริงร้านเราไม่ได้อยู่ในโรงแรมอยู่ในส่วนทาวเวอร์และไม่ได้แพงเลย"

เจ้าของร้านกรีนแอปเปิ้ลกล่าวเพิ่มเติมว่าหากมองจากคุณภาพของสินค้าแล้วตนเองสามารถขึ้นราคาให้แพงขึ้นกว่านี้ก็ได้ แต่การทำแบบนั้นจะเป็นการเอาเปรียบลูกค้าเกินไป เหมือนกับเอาของถูกมาขายในราคาแพง ถ้าทำแบบนั้นก็คงอยู่ได้ไม่นานลูกค้าหายหมด

จากทำเลการตั้งร้านที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกสุดของอินเตอร์คอนติเนนตัล ได้ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า "กรีนแอปเปิ้ลทำอย่างไร ? จึงกลายเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติเช่นทุกวันนี้"

อรุณตอบว่า จุดเริ่มต้นของชื่อเสียงในกลุ่มชาวต่างชาติ เกิดจากการบอกต่อของกลุ่มลูกเรือสวิสแอร์ที่เป็นลูกค้าเก่าแก่กันมา จึงมีลูกค้าชาวสวิสเข้ามาใช้บริการมากขึ้นเรื่อย ๆ จนปัจจุบันกลายเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่สุดไปแล้ว ส่วนรองลงมาจะเป็นชาวเยอรมันและคนไทย

"พอเริ่มมีคนสวิสมาตัดสูทเยอะขึ้น ๆ ผมเลยหาช่องทางบินไปรับออร์เดอร์เองที่สวิตเซอร์แลนด์ โดยการเปิดห้องพักในโรงแรมเป็นเวลา 2 อาทิตย์ทุกปี ปีละ 2 ครั้ง ให้ลูกค้าเดินเข้ามาหาเราเพื่อวัดตัวและเลือกแบบ 2 สัปดาห์ที่ไปวัดตัวลูกค้ามากแทบไม่มีวันหยุดพัก เพราะจะมีลูกค้าที่จองคิวล่วงหน้า และที่ขอนัดคิวเพิ่มเข้ามาในวันหยุดพัก 2 วัน แต่ละครั้งทำยอดได้ประมาณ 7 ล้านกว่า ๆ เลยทีเดียว และตอนนี้ก็เพิ่มขึ้นมาตลอด"

สำหรับราคาของลูกค้าที่บินไปรับออร์เดอร์ถึงต่างประเทศนั้นตกอยู่ที่ชุดละประมาณ 10,000 บาทเพียงเท่านั้น

สูทร้านนี้ได้รับยกย่องในเรื่องฝีมือการวัดตัวและคัตติ้งเนี้ยบถูกใจหนุ่มสวิสเป็นอย่างมาก

อรุณกล่าวถึงสาเหตุที่สูทกรีนแอปเปิ้ลเป็นที่นิยมจากคนต่างชาติว่าราคาเป็นเพียงเหตุผลส่วนหนึ่งเท่านั้นเพราะส่วนสำคัญคือ "บริการอย่างตรงไปตรงมา" กับ "คุณภาพสินค้าที่ดีสมราคา"

"เรามักจะบอกกับลูกค้าอย่างตรงไปตรงมาเสมอว่า ร้านเราใช้ผ้าของจีนแดงทั้งหมด แต่เรื่องคุณภาพนั้นไม่ต่างจากผ้าประเทศอื่นเลย เพราะสมัยนี้โรงงานผลิตผ้าคุณภาพดีมีชื่อเสียงแทบทั้งหมด ถ้าไม่ตั้งอยู่ในจีนก็ต้องเป็นอินเดีย ดังนั้น จึงไม่หนีกันมากสักเท่าไหร่ อีกอย่างถ้าผ้าไม่ดีผมก็ไม่ขาย"

นอกจากผ้ากับราคาแล้ว จุดเด่นของกรีนแอปเปิ้ลที่เจ้าของร้านนำเสนอ คือ "การวัดตัว" ที่ได้มาตรฐานและละเอียด จนทำให้ทางร้านแทบไม่เคยมีปัญหาเรื่องการแก้ไซซ์ให้เวียนหัว เพราะสามารถตัดออกมาได้ใกล้เคียงกับขนาดตัวแบบมาก ๆ บวกกับการตัดเย็บที่ดีจึงทำให้มีการสั่งซ้ำอยู่เสมอ

"ถึงจะเห็นว่าผมแก่แล้ว แต่แบบสูทของร้านเราไม่เชยและทันสมัยมากเลยนะ เพราะเอาเข้าจริงสูทเดี๋ยวนี้ก็มีใส่กันแค่ไม่กี่แบบ ซึ่งผมมักจะแนะนำให้ลูกค้าตัดตามสมัยนิยมแบบฟิต ๆ อยู่เสมอ อีกอย่างผมก็มักจะเสนอแนะแบบสูทที่เหมาะกับลูกค้าอยู่ตลอด ส่วนเขาจะเชื่อหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าเขาไม่เชื่อและสูทออกมาไม่สวย อันนี้ก็เป็นส่วนที่ลูกค้าต้องยอมรับให้ได้เอง"

อีกหนึ่งปัญหาที่อรุณยอมรับว่าร้านตัดสูทมักเจอบ่อยคือลูกค้าอยากให้ตัดสูทตามตัวอย่างแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งในความจริงช่างตัดสูทไม่สามารถทำได้เป๊ะขนาดนั้น ยิ่งตัวอย่างไม่ชัดหรือสีในภาพเพี้ยนก็ยิ่งเป็นไปได้ยาก

"หากเจอเคสแบบนี้ ร้านของเราจะยืนยันอย่างชัดเจนว่าทำได้หรือไม่ได้ ถ้าทำได้ก็ต้องบอกไปเลยว่าเหมือนกี่เปอร์เซ็นต์ เพราะหลักการของผมคือทะเลาะกับลูกค้าก่อนดีกว่า รวมทั้งลูกค้าที่เรื่องมากอยาก วี.ไอ.พี.ลัดคิว ผมก็ไม่รับ ไม่ใช่ว่าไม่ง้อ แต่เพื่อตัดปัญหาการทะเลาะกับลูกค้าภายหลังมากกว่า"

แม้ประโยคข้างต้นจะฟังเหมือนอรุณเย่อหยิ่งแบบ "หล่อเลือกได้" แต่ในความเป็นจริงของการบริการแล้ว เขากลับไม่เคยใช้คำพูดรุนแรงหรือกระโชกโฮกฮากกับลูกค้าเลย

"ผมมักจะพูดนุ่มนวลและสุภาพมาก ๆ กับลูกค้าเสมอ เพราะผมคิดว่าเราต้องบริการลูกค้าให้ดี อย่าทะเลาะกับลูกค้า ไม่งั้นมันจะเสียบรรยากาศและปัญหาเยอะ แต่เอาเข้าจริงแล้วก็เจอลูกค้างี่เง่าไม่บ่อยหรอก ไม่อย่างนั้นผมก็คงเลิกทำไปนานแล้ว" อรุณกล่าวพร้อมหัวเราะปิดท้าย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook