เจาะลึกชีวิต "พลอย" พริตตี้เน็ตไอดอลมาแรง สื่อไต้หวันหยิบไปรายงานข่าว

เจาะลึกชีวิต "พลอย" พริตตี้เน็ตไอดอลมาแรง สื่อไต้หวันหยิบไปรายงานข่าว

เจาะลึกชีวิต "พลอย" พริตตี้เน็ตไอดอลมาแรง สื่อไต้หวันหยิบไปรายงานข่าว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พลอย ธีรดา พริตตี้สาวไทยกลายเป็นเน็ตไอดอลที่ได้รับความสนใจมากที่สุดอีกคนหนึ่งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังถูกสื่อออนไลน์ไต้หวันนำรูปไปเผยแพร่จนทำให้มียอดผู้ติดตามผลงานของเธอทุกช่องทางทางโลกออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วรวมถึงงานต่างๆก็เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่าโดยอ้างว่าเป็นสาวไทยที่ถูกสื่อออนไลน์ของไต้หวันนำรูปไปเผยแพร่

ทีมข่าวมติชนออนไลน์ติดต่อสัมภาษณ์ทำความรู้จักกับเธอ เจาะลึกวิถีชีวิตและมุมมองต่างๆ ของเน็ตไอดอลที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคนหนึ่ง

แนะนำตัวหน่อยครับ?

ชื่อพลอย นางสาวธีรดา โมกขศักดิ์ อายุ 21 ปี ตอนนี้ศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 คณะศิลปศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จากจังหวัดปราจีนบุรีค่ะ

เริ่มต้นเข้าวงการเอ็มซี / พริตตี้ ได้อย่างไร?

เริ่มต้นจากพี่ชายที่รู้จักและสนิทกัน พี่เขาเป็นเอ็มซีอยู่แล้วที่ปราจีนบุรีและทำงานตรงนี้มานานแล้ว เขาก็เห็นแววเราเลยมาทาบทามว่าสนใจไหม เขาบอกว่ามีงานที่ปราจีนบุรี 3 วัน วันละ 500 บาท ช่วงนั้นอยู่ ม. 6 เงิน 500 บาทต่อวัน ทำงาน 6 โมงถึง 2 ทุ่มมันก็เยอะอยู่ เลยลองทำดูเป็นประสบการณ์เก็บเป็นโปรไฟล์เผื่อวันข้างหน้า ก็เลยไปทำงานและพี่เขาก็บอกว่าถ้าทำดีเขาจะจ้างต่ออีก 3 วัน เราก็เลยโอเค ถามเขาว่าให้เป็นพริตตี้อย่างเดียวใช่ไหม เขาบอกต้องโฟนด้วย งานแรกก็ให้เป็นเอ็มซีเลย พี่เขาบอกว่าเดี๋ยวเป็นด้วยกันจะได้ช่วยสอนไปด้วย

นี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นคือเริ่มจากการเป็นเอ็มซีก่อนพริตตี้แทบจะไม่ต้องทำอะไรเราก็รู้หน้าที่อยู่แล้วเราเริ่มจากการโฟนสินค้าซึ่งเป็นอะไรที่ยากแต่ก็ผ่านมาได้แล้วเขาก็จ้างต่อมันก็ทำให้เรารู้สึกว่าเราก็ทำได้เขาถึงจ้างเราต่อ

หลังเข้าสู่การเป็นเอ็มซีเต็มตัวแล้วเราทำอะไรบ้างฝึกฝนอย่างไรให้ชำนาญเพื่อให้มีงานเยอะแบบทุกวันนี้?

ที่จริงพลอยจะทำหลายอย่างพลอยมีทักษะการพูดมาตั้งแต่เด็กแล้วเพราะว่าหนึ่งคุณพ่อเป็นพิธีกรเป็นโฆษกเป็นดีเจด้วยด้วยความใกล้ชิดเราเห็นพ่อทำตั้งแต่เด็กเราก็รู้ว่าสายบันเทิงนี้คือสิ่งที่เราชอบพลอยจะไปจัดรายการช่วงดีเจกับพ่อตั้งแต่ตอนป.4ป.5 เราไปกับเขาตตลอด เลยเหมือนซึมซับทุกวันและสานต่อมาตั้งแต่ตอนนั้น เมื่อตอนเป็นเด็กเราก็ทำกิจกรรมของโรงเรียนที่เกี่ยวกับการพูดบ้าง เช่น พูดสุนทรพจน์ เราเหมือนฝึกมาตลอด และพลอยไม่เคยไปเรียน ไม่เคยเข้าคอร์สพิธีกร แต่จะใช้ประสบการณ์หรือดูจากทีวีให้ซึมซับเอา และเราก็เคยไปประกวดพิธีกรของ Oishi MC Search เมื่อปีที่แล้ว ปรากฏว่าเข้ารอบ 40 คนสุดท้าย ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีมากเพราะได้อะไรหลายๆ อย่าง เราได้เพื่อนได้ประสบการณ์ เรารู้ว่าเราควรจะพูดตรงไหน อะไรควรแก้ไข อันนั้นเป็นคอร์สที่ดีมากเพราะเหมือนเป็นคอร์สแรกที่เราได้เข้าไปร่วมแก้ไขการพูดของเรา มันทำให้ได้พัฒนามาเรื่อยๆ ส่วนเรื่องงาน จริงๆ พลอยไม่ค่อยได้รับงานเหมือนพริตตี้คนอื่นๆ ที่มีงานทุกวันหรือมีงานตลอด เพราะพลอยจะเน้นเรื่องเรียนมากกว่า

เมื่อเราได้เข้าไปทำงาน เราเห็นคนสวยๆ แล้วมีความรู้สึกอยากสวยขึ้นบ้างไหม ?

เรื่องนั้นคือจุดเริ่มต้นของการอยากทำศัลยกรรมให้ตัวเองสวยขึ้น จากที่ผ่านมาตอนแรกที่เราเป็นเด็กเรารู้สึกว่าพอแล้วแค่นี้ ถ้าเราอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีคนสวยกว่าเป๊ะกว่า เราจะรู้สึกว่าแค่นี้ก็สวยแล้ว แต่พอวันนึงที่เราก้าวไปสู่การแข่งขันที่มากขึ้น หน้าตารูปลักษณ์เป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุดในการทำงาน และที่สำคัญที่สุดคือสมองที่เราไม่สามารถศัลยกรรมได้ เรากล้าพูดได้เลยว่าเรามีสมอง เพราะการเป็นพริตตี้-เอ็มซี ไม่ใช่ว่าหน้าตาสวยอย่างเดียวแล้วจะสามารถไปยืนพูดข้อมูลทุกสิ่งอย่างได้เป๊ะหรือทำให้ผู้จ้างพอใจ

เพราะฉะนั้นการพัฒนารูปลักษณ์จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากและต้องทำไม่อย่างนั้นเราจะเอาอะไรไปแข่งนอกเสียจากว่าเราจะมีซิกเนเจอร์หรือความเป็นเอกลักษณ์ที่เด่นชัดของเราเองอย่างเช่นโอปอลล์เขาอาจจะไม่ได้สวยแต่เขามีลักษณะเฉพาะตัวแตกต่างไปจากคนอื่นแต่เราเองก็ยังหาไม่เจอว่าซิกเนเจอร์ของเราคืออะไรเราก็ต้องพัฒนาในสิ่งที่เราทำได้ก่อนวันนี้เพื่อที่จะมีทุนในการพัฒนาตัวเองต่อไปพลอยเลยเริ่มทำจากจมูกทำนู่นทำนี่ไปเรื่อยๆแต่ไม่ได้คิดว่าจะทำไปจนวันตายเพียงแค่ช่วงนี้ที่เรายังไหวยังมีแรงพลอยก็พยายามทำไปและเก็บตรงนี้ให้ได้มากที่สุด

ทำอะไรต่อไปอีกบ้าง ?

คือพลอยทำจมูกครั้งแรกด้วยความที่เราไม่รู้มันเลยไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ แต่เราก็อดทนกับจมูกนั้นมา 1 ปีเต็มๆ พอช่วงหลังจากเรียนปี 1 ก็ได้เก็บเงินจากที่ได้ทำงานเป็นเอ็กซ์ตร้าละครเยอะมาก เขาซีนหนึ่งสองซีนก็ได้รับ 1,000-2,000 เราก็เก็บมาเรื่อยๆ จนมีเงินไปแก้จมูกใหม่ เมื่อจมูกเราสวยหน้าเราเปลี่ยนแล้วเราก็รู้สึกดีขึ้นมา ตรงนี้นิดตรงนี้หน่อยอีกดีกว่า คือเราก็หาข้อบกพร่องตัวเอง เราก็ดูจากคนที่เขาได้งานเขาหน้าตาเป็นอย่างไร เขาสวยเขาหน้าเรียวเขามีคางนิดๆ ตาโต เราดูเขาเป็นตัวอย่างในการนำมาพัฒนาตัวเองต่อไป จริงๆ พลอยทำแทบทั้งหน้า หน้าคือสิ่งที่พัฒนามาหมดแล้ว มีทำจมูก ทำปาก ทำตาสองชั้น โบท็อกซ์ทำให้หน้าเรียว แล้วก็ฉีดคาง แต่จัดฟันก็เพิ่งมาจัดทีหลัง

จากที่สื่อไต้หวันนำภาพของเราไปเผยแพร่ มีความเป็นมายังไง ?

คือจริงๆแล้ว พลอยก็งงเหมือนกัน ตอนที่รู้ครั้งแรกก็รู้สึกช็อค เพราะอยู่ๆ ไปถึงไต้หวันได้ยังไง แต่คือเราเป็นคนที่ชอบเล่นโซเชียลอยู่แล้ว อยู่มาวันนึงยอดติดตามในอินสตาแกรมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งปกติจะขึ้นวันละประมาณ 100 คน กลายเป็นเพิ่มขึ้นวันละประมาณ 500 คน ก็เลยรู้สึกงงๆ ว่ายอดติดตามมาจากไหน ก็เลยไปดูรายชื่อผู้ติดตามใหม่ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ชายที่มีชื่อภาษาจีน ก็เลยเข้าไปดูและระบุไว้ว่าเป็นชาวไต้หวัน และได้คอมเมนท์ไปถามว่ารู้จักพลอยได้ยังไง ไปเอาชื่อบัญชีอินสตาแกรมมาจากไหน ซึ่งก็ทราบว่ามีเว็บไซต์ไต้หวันนำไปลงในคอลัมน์ Cute Girls จึงขอลิงค์เข้าไปดูในเว็บไซต์ดังกล่าว และลองแปลบทความดู ซึ่งเขาก็ไม่ได้เขียนในเชิงเสียหาย แต่เป็นคำชมมากกว่าว่า เป็นของดีจากเมืองไทย เราก็เลยไม่ได้ซีเรียสอะไร แล้วพอวันรุ่งขึ้นก็มีกระทู้จากเว็บไซต์ Kapook เอาไปเขียน จากนั้นก็มีข่าวออกมาอย่างต่อเนื่อง

หลังจากมีกระแสออกไปมีผลตอบรับยังไงบ้าง ?

หลังจากที่มีกระแสออกไป ก็มีงานติดต่อเข้ามาให้รีวิวสินค้าประมาณ 10 ตัวภายในวันเดียว ซึ่งจากปกติก็จะมีเข้ามาเรื่อยๆ แต่ไม่ได้เข้ามาบ่อย แต่นี่คือเยอะมาก ทั้งติดต่อเข้ามาในแชทเฟซบุ๊ก แล้วก็ในแอพพลิเคชั่นไลน์ ทำให้มีงานเยอะขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า

มีมุมมองอย่างไรที่จะทำให้เขาเปลี่ยนความคิดว่าศัลยกรรมมันไม่ได้เลวร้ายแต่กลับเป็นประโยชน์มากกว่า?

พลอยคิดว่าตรงนี้เราต้องแบ่งสังคมออกเป็น2ประเภทคือหนึ่งกลุ่มคนที่คิดว่าชีวิตใครชีวิตมันไปสนใจชีวิตคนอื่นทำไมก็ทำตัวเองให้ดีกับคนอีกกลุ่มหนึ่งคือคนที่ชอบติชอบว่าคนอื่นหรือคนที่ไม่ยอมรับในสิ่งที่โลกใบนี้มันเปลี่ยนไปคือพ่อพลอยตอนแรกเป็นคนที่ไม่ชอบเรื่องอะไรพวกนี้และเป็นคนที่ไม่ค่อยเข้าใจวัยรุ่นหรือโลกในปัจจุบันแต่พลอยก็รู้สึกว่าวันหนึ่งพ่อเปลี่ยนไปเขาเริ่มยอมรับความเป็นปัจจุบันและยอมรับโลกาภิวัตน์จากคนที่หัวโบราณจนวันหนึ่งพ่อกลายเป็นคนที่เข้าใจทุกอย่างเราเลยรู้สึกว่าพ่อเรายังเปลี่ยนได้เลย ทำไมคนอื่นไม่ลองปรับทัศนคติดูบ้างว่าโลกใบนี้มันเปลี่ยนไปถึงไหน

ถ้าคนที่เขาไม่ทำเขาก็อาจจะมีความสุขในตรงนั้น ส่วนคนที่เขาทำเขาก็อาจจะมีความสุขในการที่เขาได้ทำ เพราะฉะนั้นถ้าเรามีธรรมะในจิตใจคือการที่เราร่วมยินดีกับความสุขของคนอื่น มันน่าจะทำให้ชีวิตของคุณมีความสุขกว่าการที่จะไปแอนตี้เขาหรือเปล่า ถ้าสมมติวันหนึ่งคุณเดินไปเจอคนที่ทำศัลยกรรม ฉันรู้สึกว่าไม่ชอบเลยแอนตี้จังเลย กับยินดีด้วยนะเธอสวยขึ้น การได้รับคำชมมันต่างกัน คนที่ได้รับคำชมมีความสุข คุณชมเขาคุณก็มีความสุข แต่ถ้าคุณแอนตี้ คนนี้ไม่ชอบคุณคุณก็ไม่ชอบเขา มันทำให้โลกใบนี้ไม่น่าอยู่ เราจะมาแอนตี้คนด้วยกันเองเพื่ออะไร เราคือคนที่มีความสุขที่ทำเราก็มีความสุขต่อไปโดยที่ไม่ต้องแคร์เขาเท่านั้นเอง เพราะเขาด่าเราแอนตี้เราเขาก็ไม่ได้ลงทุนอะไร เราก็ไม่ต้องไปลงทุนอะไรกับเขาดีกว่าแค่นั้นเอง

เราทำอย่างไรให้พ่อเราเปิดรับเรื่องแบบนี้ ?

พลอยไม่ได้ทำอะไรเลย แม่จะเป็นคนพูดกับพ่อตลอดว่าลูกโตแล้ว เราเลี้ยงเขาได้แต่ตัว เรื่องอนาคตจะเป็นอย่างไรก็ให้เขาเลือกเอง พลอยไม่รู้ว่าพ่อกับแม่คุยกันยังไง มารู้สึกอีกทีคือตอนที่พ่อเริ่มเปลี่ยนไป เริ่มเปิดใจยอมรับในสิ่งเหล่านี้ ทุกวันนี้พอมีใครชมว่าลูกสาวเขาสวยเขาก็ดีใจ เราก็ดีใจ แต่เราก็รู้ตัวเองด้วยว่าเราไม่ได้สวยอย่างเดียวแล้วกัน ถ้าทำให้พ่อแม่ภูมิใจด้วยมันไม่ใช่แค่ความสวยอย่างเดียวแน่นอน

มีมุมมองอย่างไรกับคนที่บอกว่า "เน็ตไอดอล" สมัยนี้ แค่ถ่ายรูปเซ็กซี่ลงโซเชียลก็ได้เป็นกันแล้ว ?

เน็ตไอดอล ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นไอดอล คือคนที่เป็นตัวอย่างให้กับคนที่มาตามเราได้ คนคนนั้นจะต้องมีเอกลักษณ์ มีอะไรน่าติดตามเป็นแบบอย่างได้ คำว่าเน็ตไอดอลมันไม่สามารถใช้ได้กับทุกคน สำหรับตัวพลอยเองถ้าใช้คำว่าเน็ตไอดอลอยากให้น้องๆ ที่ติดตามมองในเรื่องของการเรียนการทำงานและความกตัญญูดีกว่า ส่วนเรื่องอะไรที่มันไม่ดีพลอยเชื่อว่าทุกคนมีวิจารณญาณแยกได้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี อะไรควรทำตามหรือไม่ควรทำตาม บางอย่างเอาเป็นเยี่ยงได้แต่อย่าทำตามอย่าง การที่บอกว่าถ่ายรูปโชว์นมแต่งตัวเซ็กซี่ได้ไลค์เยอะแล้วจะเป็นเน็ตไอดอลเหมือนเป็นความคิดที่ผิดหรือใช้มาตรฐานที่ผิดเพราะจริงๆแล้วการที่มีผู้ติดตามเยอะมันก็ไม่ได้แปลว่าคุณจะเป็นเน็ตไอดอลเพราะว่าคนที่เข้ามาตามมาตามเพราะอะไรมีดีอะไรให้เขาตามถ้าคุณมีดีให้เขาตามนั่นอาจจะเรียกว่าคุณเป็นเน็ตไอดอลได้ถ้าสังคมยอมรับแต่เด็กสมัยนี้เขาคิดกันผิดที่ต้องทำตัวเซ็กซี่ต้องเต้นยั่วยวนหรือทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง สังคมไทยก็อาจจะออกมาว่ากันเยอะว่าเน็ตไอดอลสมัยนี้ทำแบบนี้ก็ได้เป็นแล้วหรือ พลอยไม่รู้ว่าเขาเห็นหรือถูกปลูกฝังอะไรมา แต่พลอยคิดว่าการเป็นคนดีดีกว่าเป็นคนดัง

เราเคยโดนคอมเมนต์ต่อว่าเกี่ยวกับการลงรูปเซ็กซี่บนโลกออนไลน์บ้างมั้ย ?

ตั้งแต่เล่นเฟซบุ๊กมาก็ยังไม่เคยโดนรีพอร์ตเป็นรูปโป๊เปลือย เรารู้ว่ามีขอบเขตของเราเพราะเราเป็นผู้หญิง ถ้าจะโชว์ก็อาจจะเป็นเซ็กซี่เล็กๆ ตามประสา หรือไปเที่ยวทะเลก็อาจจะมีบิกินี่บ้างตามสถานการณ์ตามความเหมาะสม ถ้าเป็นการโป๊เปลือยไม่มีเลย เพราะเวลาเราทำอะไรจะนึกถึงหน้าพ่อแม่ไว้ก่อน เพราะเวลาเราทำอะไรไปคนเขาไม่ได้ด่าแค่เรา แต่จะด่าไปถึงพ่อแม่ว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอนหรอมาทำอะไรแบบนี้ ตัวเราไม่ใช่มาสายลุคเซ็กซี่เป็นหลัก ก็จะมีหลายแนวปนกันไป น่ารักใสๆ อาจจะมีเซ็กซี่บ้างในลักษณะประมาณนี้ ส่วนในเรื่องคอมเมนต์ด่าส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องลามก พลอยก็จะแก้ปัญหาโดยการบล็อกไปเลย คือไม่มีการด่ากันแน่นอน

หลังจากที่เราได้โพสต์รูปลงโซเชียล เป็นส่วนสำคัญหรือเปล่าช่วยสร้างงานให้เรามากขึ้นหรือไม่ ?

แน่นอนสำคัญมาก สิ่งที่ทำให้เราได้งานมากขึ้น นั่นเป็นเพราะมีคนมารู้จักเรามากขึ้น พอรูปเราเยอะขึ้นผู้ติดตามก็กระจายไปเรื่อยๆ บางทีคลิปเราไปลงเพจต่างๆ คนก็มาตามเราเพิ่มขึ้นรวดเร็วมากจากหลายๆ สิ่ง เช่น บางทีลงคลิปร้องเพลงลูกทุ่ง คลิปศัลยกรรมทำตรงนี้ตรงนั้น คลิปลิปซิ้งตลกฮาๆ คนก็แชร์ก็ฟอลโล่เรามากขึ้น งานมันก็เข้ามาเยอะมากจริงๆ

มีรายรับต่อเดือนเท่าไหร่ ?

พลอยเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยขายของไปด้วย แต่ไม่ได้มีหน้าร้านขายในอินสตาแกรม เพราะฉะนั้นจะแบ่งรายได้ออกเป็น 2 ส่วน คือรายได้ที่ได้รับจากการทำงานกับการขายของ ซึ่งรายได้จากการทำงานเฉลี่ยแล้วตกเดือนละประมาณ 3 หมื่นบาทอัพ ส่วนรายได้จากการขายของแต่ละเดือนจะไม่เท่ากันแต่เฉลี่ยแล้วเดือนละประมาณ 2-3 หมื่นบาทสำหรับกำไร

สมัยนี้มีการดึงภาพเน็ตไอดอลมาปลอมใส่บัญชีเฟซบุ๊กใหม่เพื่อหลอกลวงคนอื่น เรามีมุมมองอย่างไรบ้าง ?

เรื่องนี้เจอกับตัว แต่การเอารูปเราไปใช้เราต้องปลงเพราะเราปราบไม่ไหวแน่นอน แต่ที่เอารูปเราไปใช้แล้วเอาไปทำอะไรที่เราปล่อยไว้ไม่ได้แล้วต้องจัดการ ล่าสุดคือเอาไปคุยกับผู้ชายแล้วเขาก็จริงจังด้วย ผู้ชายคนนั้นคิดว่าเป็นเราเพราะรูปเราหมดเลย เขาก็เหมือนจะอกหักที่อยู่ดีๆ ผู้หญิงคนนั้นหายไป ด้วยความที่พลอยรูู้เลยพยายามติดต่อผู้ชายคนนั้นว่าเขาโดนหลอกนั่นรูปเราจริงแต่คนที่คุยไม่ใช่ เขาเอารูปเราไปใช้ แต่เขาก็ไม่เชื่อหาว่าเราโกหก สุดท้ายบัญชีนั้นก็โดนปิดไป และเขาก็หายไป แล้วก็มีอีกบัญชีที่เอาไปขอยืมเงินคนอื่นเป็นแสน แต่สุดท้ายเฟซบุ๊กเขาก็โดนปิดไปเพราะว่าเพื่อนๆพลอยช่วยกันรีพอร์ต แต่ก็ยังมีมาเรื่อยๆ ส่วนใหญ่จะไปหลอกให้ผู้ชายเติมเงินให้หรือเอาไปโพสต์ในกรุ๊ปพวกขายไซด์ไลน์ ในมุมมองคือ ถ้าคนที่เชื่อคุณก็อาจจะใช้ความคิดน้อยไป วิจารณญาณน้อยไป แต่คนที่ไม่รู้เขาก็อาจจะเชื่อก็ได้ แต่พลอยอยากให้ผู้ที่ติดตามสังเกตนิดนึงว่าถ้าเฟซพลอยจริงทำไมเพื่อนไม่แท็กรูปอะไรมา เห็นมีลงแต่รูปตัวเอง อยากให้พยายามแยกแยะเพราะเราเชื่อใครไม่ได้ในโลกออนไลน์อยู่แล้ว

ตอนนี้เราเริ่มมีชื่อเสียงมีคนรู้จักมากขึ้น เราคิดยังไงกับมุมมองที่ว่า ทำไมผู้หญิงสวยทุกคนต้องขายครีม?

ส่วนใหญ่จะเป็นคอมเมนต์จากผู้ชาย พลอยคิดว่าทำไมต้องมาวัดค่ากันตรงนั้น ขอแยกคำก่อนว่า "ผู้หญิงสวยๆ" "ต้องขายครีม" อย่างแรกคือ ผู้หญิงเป็นผู้หญิงที่มีรูปลักษณ์ดีอยู่แล้ว ที่ต้องมีคือความน่าเชื่อถือ ตามสำนวนที่ว่าเสื้อผ้าสวยมันอยู่ที่ไม้แขวน เราเป็นคนหนึ่งที่ขายครีมเหมือนกัน เรียกว่าเรารู้จักใช้ต้นทุนที่เรามีไปในทางที่ถูกต้องดีกว่า เพราะว่ามันก็คือการทำมาหากินที่สุจริต พลอยเชื่อว่าบางคนที่ขายครีมอาจจะขายแล้วรวยไปเลย พลอยก็ไม่รู้ว่าเขาเพื่อหวังผลกำไรหรือขายเพื่อเอาความพึงพอใจจากลูกค้าจริงๆ แต่สำหรับพลอยขายเพื่อเอาความพึงพอใจจากลูกค้าจริงๆ ไม่ได้ทำตามกระแส หรือครีมตามตลาดนัดมาแบ่งขายเป็นกิโล พลอยทำกับแล็ปที่มีคุณภาพแล้วก็ไม่ได้ตีตลาดโดยจ้างดารามาถือเลย คือใช้ความเป็นตัวเอง ความเชื่อใจในการขาย สำหรับคนอื่นทำมายังไงพลอยไม่รู้เขาถึงพูดว่าคนสวยคนดังต้องขายครีม แต่สำหรับตัวพลอยเองพลอยไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าตัวเองดังเหนือคนอื่น แต่พลอยซึมซับการขายของมาตั้งแต่เด็กเพราะที่บ้านขายของ พลอยเลยคิดว่าการขายของเป็นสิ่งที่เราทำได้โดยไม่ต้องมีวุฒิการศึกษา อายุเท่าไหร่เราก็ทำได้ เพราะถ้าเราไม่ขายของเราก็ทำอย่างอื่นควบคู่ไปด้วยอยู่แล้ว อยากให้มองหลายๆ มุมว่าคนเราก็ต้องทำมาหากินกันต่อไป คุณจะซื้อหรือไม่ซื้อก็ได้

ขายมากี่ปี และขายมาตั้งแต่ตอนไหน?

เริ่มขายมาตั้งแต่ปี 2 ที่เริ่มมาสนใจเรื่องการขายเครื่องสำอาง ตอนแรกไม่คิดจะขายด้วยซ้ำเพราะรับงานรีวิวสินค้าก็ได้เงินแล้ว เรียนก็หนักด้วย แต่ได้คุยกับพี่สาวว่าลองไปขายเองดูลูกค้าสนใจซื้อกับพลอยมากกว่า พอเราลองขายปรากฏว่ามันได้ผลเพราะคนอยากจะซื้อกับเรามากกว่าซื้อกับร้านที่เราแนะนำ หลังจากนั้นเราก็ขายมาตลอด เราใช้อะไรเราก็ขาย เขาซื้อเพราะว่าเราใช้ เขาเชื่อใจเราเขาก็ซื้อกับเรา ผลกำไรก็ดีเกินกว่าที่คาดไว้

ตรงนี้ถือเป็นหนึ่งในรายได้หลักของเราหรือเปล่า?

ถือเป็นรายได้หลักเพราะรายได้เข้าทุกวันการขายของเหมือนเราไม่ต้องไปไหนอยู่แค่หน้าจอโทรศัพท์คอยตอบลูกค้าแค่นี้

ฝากผลงานหรือฝากติดตามพลอยได้ทางช่องทางไหนบ้าง?

พลอยฝากทุกคนที่ชื่นชอบในตัวพลอยไม่ว่าจะเป็นการทำคลิปตลกเรื่องร้องเพลงลูกทุ่งหรือเรื่องศัลยกรรมใครที่อยากพัฒนาตัวเองพลอยขอเป็นกำลังใจให้คนเราถ้าไม่สิ้นความพยายามยังไงต้องประสบความสำเร็จแน่นอนใครที่แอนตี้ศัลยกรรมขอให้ทำใจและปรับทัศนคติดีกว่าและสามารถติดตามพลอยได้ทางเฟซบุ๊กPloyTheeradaและอินสตาแกรมpretiiployและขอบคุณมากๆที่มาสนใจติดตามชีวิตของคนคนหนึ่งที่ไม่ได้มีอะไรมากมาย ขอบคุณมากๆ นะคะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook