D1 Milano เปิดตัวคอลเลกชันใหม่ I’M NOT A WATCH Spring/Summer 2023

D1 Milano เปิดตัวคอลเลกชันใหม่ I’M NOT A WATCH Spring/Summer 2023

D1 Milano เปิดตัวคอลเลกชันใหม่ I’M NOT A WATCH Spring/Summer 2023
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

D1 Milano เปิดตัวคอลเลกชันใหม่ผ่านแนวคิดที่บ่งบอกถึงความเป็นแบรนด์อย่างแท้จริง “I’M NOT A WATCH” หรือแปลได้เป็น “ฉันไม่ได้เป็นเพียงแค่นาฬิกา” โดยคอลเลกชันนี้ถูกออกแบบโดยคำนึงถึงการเชื่อมต่อระหว่างอดีตและอนาคตเข้าด้วยกัน เป็นการผสมผสานระหว่างความคลาสสิกและช่วงเวลาร่วมสมัย ทำให้เราได้เรียนรู้และเข้าใจถึงแก่นแท้ของความคิดผู้ผลิตนาฬิกาชื่อดังและเบื้องหลังการออกแบบ

อีกทั้ง ยังทำให้เราได้เข้าถึงวัฒนธรรมที่ต่างออกไปของชาวอิตาลีอย่างง่ายดายอีกด้วย จากการเข้าใจสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด เราจะได้เห็นชัดถึงมุมมองของชาวอิตาลีที่มีต่อโลก วิถีชีวิตของประเทศที่เป็นผู้นำด้านงานออกแบบระดับโลก รวมถึงความคิดสร้างสรรค์และสไตล์ที่ไม่เหมือนใคร

ครั้งนี้ D1 Milano ยังมาเพิ่มสีสันและเซอร์ไพรส์แฟนๆ ผ่านการรวบรวมข้อความเกี่ยวกับคอมมูนิตี้ แอมบาสเดอร์ ครีเอทีฟ และการเล่าเรื่อง โดยทุกคนล้วนเป็นส่วนหนึ่งในการทำคอลเลกชันให้สำเร็จ และทำให้ D1 Milano ทำคอลเลกชันที่ทันสมัยและยังคงความสง่างามออกมามากขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง

ประเดิมด้วยนาฬิกาคอลเลกชันใหม่ล่าสุดอย่าง Square Collection ที่มาพร้อมกับนาฬิกาทรงสี่เหลี่ยมขนาด 37 มม. มีสามสีด้วยกัน ได้แก่สีเงิน สีไทเทเนียม และสีแชมเปญ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากความคลาสสิกและคุณสมบัติที่โดดเด่นจากยุควินเทจ นำมาผสมผสานกับรายละเอียดที่ทำให้ดูอ่อนเยาว์และทันสมัย

นาฬิกาจาก Square Collection โดดเด่นด้วยเฉดสีโมโนโครมที่มาเพิ่มความหรูหราและความสง่างาม คงความเป็นเอกลักษณ์ด้วยหน้าปัดนาฬิกาทรงกลมโดยมีกรอบทรงสี่เหลี่ยมอยู่รอบข้าง เสมือนซีดีที่บรรจุอยู่ในกล่องอย่างปราณีต ทั้งนี้ รุ่น Silver Square มีหน้าปัดสีเงิน ส่วนรุ่น Titanium Square มีหน้าปัดสีไทเทเนียม ในขณะที่เข็มนาฬิกาเป็นสีน้ำเงิน ส่วนรุ่น Champagne Square มีหน้าปัดสีแชมเปญและมีเข็มนาฬิกาสีดำ

และรุ่นไฮไลท์สำหรับคอลเลกชัน Spring/Summer 2023 นี้ D1 Milano ขอแนะนำนาฬิการุ่นใหม่ที่ผสมผสานระหว่างรุ่น Polycarbon ที่ขายดีที่สุดตลอดกาล กับรุ่น Chronograph อย่างลงตัว จึงทำให้เกิดรุ่น Polychrono ซึ่งให้ความรู้สึกถึงความสนุกจากสีสันที่มีมากมายแต่ยังคงความเป็น Polycarbon ด้วยกลไกควอตซ์และฟังก์ชั่น Flyback

Polychrono รุ่น 40.5 มม. สี Orange Blast มาพร้อมกับสายนาฬิกาและตัวเรือนสีเทาด้าน ขอบหน้าปัดนาฬิกาสีส้ม หน้าปัดสีเทาพร้อมหน้าปัดย่อยสีเทาเข้ม และรายละเอียดสีส้มสดใส

Polychrono รุ่น 40.5 มม. สี Green Blast มาพร้อมกับสายนาฬิกาและตัวเรือนสีเขียวมิ้นต์รอบด้าน ขอบหน้าปัดนาฬิกาสีขาว หน้าปัดสีเขียวมิ้นต์พาสเทลพร้อมหน้าปัดย่อยสีขาว และรายละเอียดสีชมพูแสนหวาน

Polychrono รุ่น 40.5 มม. สี Blue Blast มาพร้อมกับสายนาฬิกาและตัวเรือนสีน้ำเงินรอบด้าน ขอบหน้าปัดนาฬิกาสีน้ำเงิน หน้าปัดสีฟ้าอ่อนพร้อมหน้าปัดย่อยสีน้ำเงิน และรายละเอียดสีเขียวมะนาว

Polychrono รุ่น 40.5 มม. สี Black Blast มาพร้อมกับสายนาฬิกาและตัวเรือนสีเทาด้าน ขอบหน้าปัดนาฬิกาสีดำ หน้าปัดสีเทาเข้มพร้อมหน้าปัดย่อยสีดำ และรายละเอียดสีขาวสะอาด

 

นอกจากนี้ D1 Milano ยังเพิ่มรุ่นใหม่ทั้งหมดสี่รุ่นให้กับ UltraThin Collection ที่โดดเด่นไปด้วยตัวเรือนสเตนเลสสตีล CNC 316L ขนาด 6 มม. บางเฉียบ ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใส่สวมใส่ได้อย่างพอดี

 

Ultra Thin Bracelet รุ่น 40 มม. สี Salmon เป็นรุ่นแรกของ 40 มม. ที่มีหน้าปัดสไตล์ลินินสีชมพู ออกแบบมาเพื่อความคล่องตัวขั้นสุด หน้าปัดภายในตัวเรือนและสายนาฬิกาทำมาจาก 316L สแตนเลสสตีล และมาพร้อมกับเข็มนาฬิกาและหลักชั่วโมงที่เข้ากันได้อย่างดี

Ultra Thin Bracelet รุ่น 38 มม. สี Ash มาพร้อมกับรายละเอียดที่ไม่เหมือนใครด้วยสีทูโทน ไม่ว่าจะเป็นสีเงินอ่อนหรือสีเงินเข้ม

Ultra Thin Bracelet รุ่น 34 มม. สี Dusk มาพร้อมกับสไตล์หรูหรา ทำให้ผู้สวมใส่ดูสง่างามตลอดเวลา ตัวเรือนมีขนาด 34 มม. หนา 6 มม. ทำให้ผู้ใส่สวมใส่ได้อย่างสบายมือ Ultra Thin Dusk มีหน้าปัดลินินสีฟ้าอ่อนและประดับด้วยคริสตัลแซฟไฟร์ผสานกับเข็มนาฬิกาเคลือบทองและสายนาฬิกาสแตนเลสสตีลสีเงิน

Ultra Thin Bracelet รุ่น 34 มม. สี Emerald มอบความรู้สึกผจญภัยในป่าที่น่าตื่นเต้นให้กับผู้สวมใส่ โดยตัวเรือนมีขนาด 34 มม. หนา 6 มม. ซึ่งเหมาะกับการสวมใส่ในทุกๆ วัน Ultra Thin Emerald มีหน้าปัดลินินสีเขียวเข้มและคริสตัลแซฟไฟร์ ซึ่งมาพร้อมกับเข็มนาฬิกาสีเงินและสายนาฬิกาสแตนเลสสตีลสีทอง

ยิ่งไปกว่านั้น D1 Milano ยังเพิ่มรุ่นใหม่ให้กับ Chronograph Collection ด้วย Chronograph 41.5 มม. Nox โดย Nox โดดเด่นด้วยเฉดสีโมโนโครมสีน้ำเงิน เสริมด้วยสีส้มดั่งแสงพระอาทิตย์ตรงหน้าปัดซึ่งประกอบไปด้วยหน้าปัดย่อยที่บอกชั่วโมงที่สาม วินาทีที่ 6 และนาทีที่ 9 โดยหน้าปัดล้อมรอบไปด้วยสเกลทาคีมิเตอร์พร้อมปุ่มในตัวสำหรับฟังก์ชัน Chronograph Flyback ในสองสีที่ตัดกัน

ปิดท้ายด้วยนาฬิกา D1 Milano รุ่น Polycarbonate Collection ที่ขายดีที่สุดตลอดกาล ในซีซั่นนี้คอลเลกชันนี้โดดเด่นด้วยเฉดสีโมโนโครมสุดไอคอนิก เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวชั้นดีของ D1 Milano ที่ผสานเข้ากับสไตล์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในทศวรรษที่ผ่านมาอย่างสไตล์แนวสตรีท โดยการผสมผสานนี้ทำให้เกิดรุ่น Polystreet ใหม่ในสามสีที่ต่างกัน

 

Polycarbon รุ่น 40.5 มม. สี Hot Stone เป็นเฉดสีน้ำตาลอมเทาที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสีในฤดูร้อนที่กำลังฮิตในตอนนี้ และผสมผสานกับรายละเอียดกราฟิกที่ตัดกันในเฉดสีอความารีน

Polycarbon รุ่น 40.5 มม. สี Hot Aqua เด่นไปด้วยสีอะความารีน และผสมผสานกับรายละเอียดกราฟิกที่ตัดกันในโทนสีชมพูนมเย็น

Polycarbon รุ่น 40.5 มม. สี Hot Pink โดดเด่นไปด้วยสีชมพูฟิวเซีย และผสมผสานกับรายละเอียดกราฟิกที่ตัดกันในโทนสีเขียวมะนาว

ติดตามข่าวสารของ D1 MILANO ได้ที่ Instagram: @fashionwatchbycmg Facebook: @fashionwatchbycmg Line Official: @fashionwatchbycmg

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook