MIDO Novelties Presentation 2023 อวดโฉมเรือนเวลาหรูจาก 7 คอลเลกชั่นไอคอนิก

MIDO Novelties Presentation 2023 อวดโฉมเรือนเวลาหรูจาก 7 คอลเลกชั่นไอคอนิก

MIDO Novelties Presentation 2023 อวดโฉมเรือนเวลาหรูจาก 7 คอลเลกชั่นไอคอนิก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ให้ทุกสไตล์ถูกเติมเต็มด้วยนาฬิกาเรือนโปรด ล่าสุด “มิโด” (MIDO) แบรนด์นาฬิกาชั้นนำจากสวิตเซอร์แลนด์ ในเครือ เดอะ สวอท์ช กรุ๊ป เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) นำโดย ภาณุวัฒน์ ทองพุ่ม ผู้อำนวยการผลิตภัณฑ์ “มิโด” (MIDO) ประเทศไทย ได้จัดงาน “MIDO Novelties Presentation 2023” อวดโฉมประสิทธิภาพเรือนเวลาหรูจาก 7 คอลเลกชั่นน่าสะสมแห่งปี!

โดยในงานได้รับเกียรติจากเหล่าเซเลบริตี้คนรักนาฬิกาตบเท้าเข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง อาทิ พอล สิริสันต์, อัชฌา เจริญรัศมีเกียรติ, พรนภา เกียรติศรีชาติ รวมถึงเหล่านักแสดงชื่อดัง ได้แก่ โอบ-โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์, มะปราง-อลิสา ขุนแขวง, วิคเตอร์-ชัชชวิศ เตชะรักษ์พงศ์, ซาบีน่า-อจิรภา ไมซิงเกอร์, แนท-อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์ และอีกมากมาย

และนอกจากนี้ยังมี ไฮไลท์สุดพิเศษกับการแสดง “The Superprecise Parkour Performance by Anan Anwar” จากหนุ่ม อนัน อันวา ที่มาร่วมนำเสนอประสิทธิภาพของเรือนเวลา มัลติฟอร์ท เอ็ม โครโนมิเตอร์ (Multifort M Chronometer) ผ่านกิจกรรม Free running สุดท้าทายให้เหล่าคนรักนาฬิกาได้รับชมกันอย่างใกล้ชิด

“มิโด” (MIDO) แบรนด์นาฬิกาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี นับตั้งแต่ จอร์จ แชแรน (GEORGES SCHAEREN) เริ่มก่อตั้งบริษัท MIDO G.SCHAEREN & CO. AG ขึ้นที่เมืองโซโลธูร์น ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ตั้งแต่ ค.ศ. 1918 ภายใต้ปรัชญาของการสร้างสรรค์แบรนด์ให้อยู่เหนือกาลเวลาด้วยแนวคิดการออกแบบที่ร่วมสมัย ผ่านการคัดเลือกวัสดุคุณภาพเยี่ยมที่มีความหรูหรา ทนทาน และยังคงไว้ซึ่งฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบถ้วน 

ภาณุวัฒน์ ทองพุ่ม กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานครั้งนี้ว่า “งานครั้งนี้เราจัดขึ้นเพื่อต้องการเผยโฉมนาฬิการุ่นไอคอนิกประจำปีนี้ซึ่งมีทั้งหมด 7 คอลเลกชั่นด้วยกัน และยังคงตอกย้ำจุดยืนอันแข็งแกร่งของแบรนด์มิโดที่เป็นแบรนด์นาฬิกาสวิสคุณภาพสูงที่เข้าถึงได้อย่างต่อเนื่อง โดยแต่ละคอลเลกชั่นยังคงความโดดเด่นด้านงานดีไซน์ที่สามารถตอบโจทย์ทุกสไตล์ของผู้สวมใส่เอาไว้ได้เป็นอย่างดี แต่ในขณะเดียวกันฟังก์ชั่นการใช้งานก็สามารถตอบสนองกับทุกกิจกรรมได้ เช่นเคย ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกาสำหรับนักดำน้ำหรือนักกิจกรรมตัวยง รวมไปถึงเรือนที่เหมาะสำหรับการสวมใส่ในชีวิตประจำวัน หรือนาฬิกาสำหรับผู้หญิงที่สามารถผสานความงดงามด้านดีไซน์และฟังก์ชั่นเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว ซึ่งเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าไอคอนิกทั้ง 7 คอลเลกชั่นประจำปีนี้จะถูกใจและเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์แรงบันดาลใจให้กับทุกไลฟ์สไตล์ของเหล่าคนรักนาฬิกาทุกคน”

สำหรับรุ่นไฮไลท์ มัลติฟอร์ท เอ็ม โครโนมิเตอร์ (Multifort M Chronometer)  นับเป็นเรือนเวลาชิ้นเยี่ยมที่สามารถการันตีถึงฝีมือของช่างทำนาฬิกาแบรนด์ “มิโด” (MIDO) ได้เป็นอย่างดี ผ่านการรับรองโดยสถาบันทดสอบความเที่ยงตรงของนาฬิกาแห่งสวิตเซอร์แลนด์ (Official Swiss Chronometer Testing Institute หรือ COSC) โดยตัวเรือนถูกขับเคลื่อนด้วยกลไก อัตโนมัติคาลิเบอร์ 80 (Caliber 80) ที่สามารถสำรองพลังงานได้นานถึง 80 ชั่วโมง พร้อมซิลิคอน บาลานซ์สปริง (Silicon Balance Spring) ที่มีคุณสมบัติด้านความแม่นยำทนทานต่อสนามแม่เหล็ก โดยมีการสลักคำว่า ‘Chronometer’ บนหน้าปัด เพื่อเป็นเครื่องยืนยันถึงความแม่นยำที่เกินกว่าค่ามาตรฐาน

โดยมาพร้อมกับรูปลักษณ์อันแข็งแกร่งและดุดัน ด้วยตัวเรือนและสายจากสแตนเลสสตีลที่มีความทนทานเป็นพิเศษ มาพร้อมหน้าปัดทรงกลมสีเขียวที่มีการไล่ระดับสีเขียวบริเวณตรงกลางกระจายออกไปด้านข้างกระทั่งกลายเป็นสีดำบริเวณรอบหน้าปัด และเทคนิคการขัดลายซาตินในแนวตั้งอย่างประณีต อีกทั้งยังเคลือบสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova®) สีเบจที่ตัวเข็มนาฬิกาและบริเวณอินเด็กซ์โดยรอบเพื่อช่วยให้อ่านค่าเวลาได้อย่างแม่นยำเมื่อตัดกับพื้นหลังสีเข้ม พร้อมเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนทั้งสองด้าน และมีช่องระบุวันที่ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา รวมถึงดีไซน์ฝาหลังแบบเปลือยที่สามารถมองเห็นกลไกการขับเคลื่อนของนาฬิกาได้อย่างงดงาม โดย “มัลติฟอร์ท เอ็ม โครโนมิเตอร์” (Multifort M Chronometer) สามารถกันน้ำลึกในระดับ 100 เมตร

ถัดมาที่ มัลติฟอร์ท เอ็ม (Multifort M) ที่สุดแห่งพละกำลังที่ “มิโด” (MIDO) ได้ถ่ายทอดเอกลักษณ์ของความแข็งแกร่งและความทันสมัยด้วยการเผยโฉมเรือนเวลาหน้าปัดขัดซาตินแนวตั้งพร้อมพื้นผิวไล่ระดับจากสีน้ำเงินไปจนถึงสีดำ มาพร้อมพรายน้ำเรืองแสงสีเขียวอมฟ้า และมีช่องแสดงวันและวันที่ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ประกอบกับกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ที่มีการป้องกันแสงสะท้อนทั้งสองด้านช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจน ซึ่งรูปลักษณ์ที่โดดเด่นได้ถูกจับคู่มาอย่างชาญฉลาดกับกลไกที่ทนทานและทันสมัย ด้วยระบบการขับเคลื่อนคาลิเบอร์ 80 (Caliber 80) ที่สำรองพลังงานได้นานถึง 80 ชั่วโมง พร้อมบาลานซ์สปริงนิวาครอง (Nivachron™) สัญลักษณ์แห่งความทนทาน จึงส่งผลใหม่ มัลติฟอร์ท เอ็ม (Multifort M) เป็นเรือนเวลาที่สมบูรณ์แบบและเหมาะกับทุกสถานการณ์

ต่อมาที่ โอเชียน สตาร์ ดีคอมเพรสชั่น เวิลด์ไทม์เมอร์ สเปเชียล อิดิชั่น (Ocean Star Decompression Worldtimer Special Edition) นาฬิกาดำน้ำที่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์เด่นของหน้าปัดแบบดั้งเดิม ที่มาพร้อมฟังก์ชั่น GMT และขอบหน้าปัดที่แสดงเวลาจากทั่วโลกผ่าน 2 ดีไซน์ประสิทธิภาพสูง ที่ถูกออกแบบมาให้ทนทานต่อทุกสภาวะด้วยตัวเรือนสแตนเลสสตีลขัดเงาที่แข็งแรงทนทาน บนหน้าปัดพื้นหลังสีน้ำเงินเข้ม สลักโลโก้ ‘Mido’ แบบดั้งเดิม โดยนาฬิกาเรือนนี้จะแสดงเวลาการบีบอัดของน้ำที่ระดับความลึก 6 เมตร ซึ่งบ่งบอกจากมาตรวัดวงกลมสีเหลือง สีเขียว สีชมพู และสีน้ำเงิน ที่อยู่บนหน้าปัด

พร้อมขอบหน้าปัดแบบหมุนได้จากวงแหวนอะลูมิเนียมสีน้ำเงิน และมีลูกศรสีแดงเพื่อระบุเขตเวลาในการเดินทาง รวมถึงเข็มชั่วโมง นาที และวินาที ที่ได้รับการเจียระไนเป็นทรงเหลี่ยมเพชร พร้อมเคลือบสารเรืองแสง Super-LumiNova® โดยมีการอ่านค่าวันที่อยู่ตรงตำแหน่ง 3 นาฬิกา ครอบด้วยคริสตัลแซฟไฟร์ในรูปทรงกล่องแก้ว พร้อมสายถักสแตนเลสสตีลและสายสีน้ำเงินที่ผลิตจากยางสำหรับเปลี่ยน ประกอบกับกลไกอัตโนมัติที่มาพร้อมฟังก์ชัน GMT อีกทั้งยังสามารถสำรองพลังงานได้นานถึง 80 ชั่วโมง และบาลานซ์สปริงนิวาครอง (Nivachron™) ที่มีคุณสมบัติในการต้านทานต่อสนามแม่เหล็กและแรงกระแทกที่ยอดเยี่ยม และสามารถกันน้ำได้ในระดับสูงสุดถึง 200 เมตร นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งรุ่นดีไซน์พิเศษที่มีตารางดีคอมเพรสชั่น สเกล (Decompression Scale) ไล่ระดับสีจากสีเหลืองไปสีส้ม ซึ่งเป็นสีประจำแบรนด์ของ “มิโด” (MIDO) บนผิวหน้าปัดสีดำที่มาพร้อมวงแหวนอะลูมิเนียมและสายยางที่เข้าคู่กัน

 

สำหรับ บารอนเชลลี โครโนกราฟ มูนเฟส (Baroncelli Chronograph Moonphase) เรือนเวลาที่มาพร้อมความสง่างามสุดคลาสสิกในขนาดหน้าปัด 42 มม. พร้อมฟังก์ชันโครโนกราฟ มูนเฟส จากเครื่องคาลิเบอร์ A05.221 (Caliber A05.221) ที่สำรองพลังงานสูงสุดได้ 60 ชั่วโมง ในฝาหลังแบบเปลือย และบาลานซ์สปริงนิวาครอง (Nivachron™) ที่มีคุณสมบัติในการต้านทานต่อสนามแม่เหล็กและแรงกระแทก ที่มาใน 2 ดีไซน์บนตัวเรือนสแตนเลสสตีลขัดเงา หน้าปัดซันเรย์ขัดซาตินสีน้ำเงิน ที่เข้าคู่กับสายยางสีน้ำเงิน และตัวเรือนเคลือบ PVD สีโรสโกล์ด จับคู่มากับสายยางสีดำ พร้อมครอบกระจกแซฟไฟร์เคลือบสารกันแสงสะท้อนแบบสองชั้นสองด้าน

คอลเลกชั่นต่อมา มัลติฟอร์ท พาวเวอร์ไวด์ (Multifort Powerwind) จากตำนานความวินเทจอันเลื่องชื่อ “มิโด” (MIDO) ได้รังสรรค์การกลับมาของเรือนเวลาสไตล์วินเทจเรือนใหม่ที่ยังคงกลิ่นอายความย้อนยุคเอาไว้ได้อย่างน่าสนใจ พร้อมผสานกลไกคาลิเบอร์ 80 (Caliber 80) สำรองพลังงานสูงสุดถึง 80 ชั่วโมง และบาลานซ์สปริงนิวาครอง (Nivachron™) พร้อมตำแหน่งบอกเวลาที่บริเวณ 6 นาฬิกา โดยดีไซน์หน้าปัดแบบซันเรย์ขัดซาตินทรงโดม ในขนาด 40 มม. โดดเด่นด้วยตัวเลขอารบิกที่ใช้ในการอ่านค่าเวลาพร้อมเคลือบสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova®) และอินเด็กซ์ทรงเหลี่ยมเพชร บนตัวเรือนสแตนเลสสตีลขัดเงาสลับซาตินครอบด้วยกระจกแซฟไฟร์ มาพร้อมสายสแตนเลสแบบจูบิลีที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ และสามารถกันน้ำได้ในระดับความลึก 50 เมตร

ส่วนนาฬิกาสำหรับผู้หญิง “มิโด” (MIDO) ได้เปิดตัวมา 2 คอลเลกชั่นด้วยกัน ได้แก่ โอเชียน สตาร์ นีเรีย (Ocean Star Nerea) นาฬิกาดีไซน์สปอร์ตสำหรับสุภาพสตรีเรือนแรกในคอลเลกชั่นโอเชียน สตาร์ ที่มาพร้อมระบบคาลิเบอร์ 80.611 (Caliber 80.611) ที่สามารถสำรองพลังงานได้ 80 ชั่วโมง บนขนาดหน้าปัด 36.5 มม. โดยมีตำแหน่งบอกเวลาบริเวณ 6 นาฬิกา ที่มาพร้อมขอบเบเซลทรงโดมแบบหมุนได้ ผลิตจากวัสดุที่ทนทานต่อรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี โดยมีทั้งแบบหน้าปัดสีน้ำเงินและสีดำซันเรย์ขัดซาติน เคลือบสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova®) บริเวณเข็ม และตัวเรือนมีทั้งแบบที่ผลิตจากสแตนเลสสตีลพร้อมสายสแตนเลสสตีล และตัวเรือนแบบ PVD เคลือบโรสโกลด์ ประดับด้วยเพชรแท้ 11 เม็ด บริเวณอินเด็กซ์ ซึ่งมาพร้อมสายยางลายคลื่นแบบเปลี่ยนได้ง่ายสะท้อนงดงามตามแบบฉบับสุภาพสตรีผู้ชื่นชอบในความโก้หรู พร้อมฟังก์ชั่นหลักจากตระกูลโอเชียน สตาร์ ที่สามารถกันน้ำได้ 200 เมตร

และคอมมานเดอร์ เลดี้ (Commander Lady) เรือนเวลาสำหรับหญิงสาวที่ชื่นชอบความเฟมินีน ที่มาพร้อมหน้าปัดขนาด 35 มม. ด้วยระบบคาลิเบอร์ 72 (Caliber 72) ที่สามารถสำรองพลังงานสูงถึง 72 ชั่วโมง และบาลานซ์สปริงนิวาครอง (Nivachron™) ด้วยตัวเรือนเหล็กสแตนเลสขัดซาตินและขอบตัวเรือนขัดเงา ครอบด้วยกระจกแซฟไฟร์แบบเหลี่ยมเพชร บนหน้าปัดสีอ่อนซันเรย์แบบทวิสต์  ที่ประดับด้วยอินเด็กซ์แบบขีดหรือแบบเพชร 11 เม็ด โดยมีอีกหนึ่งดีไซน์พิเศษบนหน้าปัดสีขาวมุก (Mother of Pearl) พร้อมประดับเพชร 11 เม็ด ตัวสายมีทั้งสายเหล็กสแตนเลสอันเป็นเอกลักษณ์และสายหนังสุดคลาสสิก โดยสามารถกันน้ำได้ในระดับความลึก 50 เมตร 

นอกจากนี้เหล่าเซเลบริตี้และคนดังที่มาร่วมภายในงานยังได้เผยถึงสไตล์การเลือกนาฬิกาเรือนโปรด และเทคนิคการเลือกสะสมนาฬิกาเพื่อเพิ่มมูลค่า เริ่มจาก หนุ่มมาดเท่ พอล สิริสันต์ เผยว่า "ด้วยคาแรคเตอร์ของเราที่เป็นคนลุยๆ ชอบทำกิจกรรมทางน้ำ ก็จะเลือกนาฬิกาที่โดดเด่นด้านฟังก์ชั่นการดำน้ำ สามารถกันน้ำลึกได้ อ่านค่าเวลาใต้น้ำได้ และแน่นอนว่าดีไซน์ต้องมีความสปอร์ต สามารถใส่ทำกิจกรรมได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ใส่ในชีวิตประจำวันได้ด้วย สำหรับการเลือกนาฬิกาเพื่อลงทุน เราจะเลือกจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือเป็นอันดับแรก ซึ่งต้องเป็นแบรนด์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานน และมีฟังก์ชั่นที่โดดเด่นเป็นพิเศษแตกต่างจากเรือนอื่นๆ"

ถัดมาที่สาวเก๋ อัชฌา เจริญรัศมีเกียรติ เล่าว่า "เราเป็นคนที่สนุกกับการแต่งตัวอยู่แล้ว จะชอบมิกซ์แอนด์แมทช์เสื้อผ้าตามสไตล์ต่างๆ ดังนั้นนาฬิกาที่จะเลือกใส่ก็ต้องมีดีไซน์ที่โดดเด่นแต่จะเน้นไปที่ความเฟมินีน เพื่อให้พอดีกับลุคในการแต่งตัวแต่ละวัน และจะชอบเรือนที่หน้าปัดพอดีกับข้อมือ เพราะทำให้คล่องตัว แต่สำหรับการสะสมหลักๆ ก็จะเลือกจากคอลเลกชั่นพิเศษหรือพวกลิมิเต็ดอิดิชั่น ที่เปิดตัวมาในวาระพิเศษ และมีจำนวนจำกัด"

ต่อมาที่นักแสดงหนุ่มมากฝีมือ โอบ-โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์ เผยว่า "ปกติจะเลือกใส่นาฬิกาตามสไตล์การแต่งตัวในแต่ละวัน ถ้าวันที่แต่งแคชชวลหน่อยก็จะเลือกเรือนที่มีความเท่ๆ หน่อยทั้งโทนสีและดีไซน์ อย่างวันนี้หยิบเป็นเรือนสีน้ำเงินสายเดนิม ก็จะช่วยคอมพลีทลุคได้ดีมากขึ้น ส่วนการเลือกสะสมนาฬิกาเพื่อเพิ่มมูลค่า ก็จะดูจากแบรนด์ที่กำลังได้รับความนิยมและสะสมคอลเลกชั่นที่สะท้อนถึงความเป็นตัวตนของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี"

ปิดท้ายที่สาวสวยนักกิจกรรม มะปราง-อลิสา ขุนแขวง เล่าว่า "แน่นอนว่าด้วยความที่เราชอบทำกิจกรรมเป็นนักแข่งรถ นาฬิกาที่เลือกใส่ก็ต้องมีความสปอร์ต ผลิตจากวัสดุที่ทนทานต่อรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมีความเรียบโก้สามารถใส่ได้จริงในชีวิตประจำวัน และแมทช์กับลุคต่างๆ ได้ง่าย อย่างเรือนที่เป็นสายสีดำและตัวเรือนเคลือบโรสโกลด์ ส่วนการเลือกสะสมนาฬิกาจะเลือกจากคอลเลกชั่นที่มีความวินเทจ มีฟังก์ชั่นการใช้งานประสิทธิภาพสูง เพราะจะทำให้นาฬิกาเรือนนั้นสามารถเพิ่มมูลค่าในตัวเองได้"

พบกับเรือนเวลาหรูจากแบรนด์ “มิโด” (MIDO) คุณภาพมาตรฐานตามแบบฉบับ Swiss made ได้แล้ววันนี้ที่เคาน์เตอร์ “มิโด” (MIDO) เซ็นทรัล, โรบินสัน, เดอะมอลล์ และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือผ่านช่องทางออนไลน์ MIDO Official Store ใน Shopee และ Lazada และติดตามรายละเอียดเพิ่มเติ่มได้ที่เว็บไซต์  www.midowatches.com Facebook: Mido Watches และ LINE Official Account: @midothailand หรือติดต่อได้ที่เบอร์ 02-610-0200

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook