“Flexible working” การทำงานแบบยืดหยุ่น เทรนด์ของคนรุ่นใหม่

“Flexible working” การทำงานแบบยืดหยุ่น เทรนด์ของคนรุ่นใหม่

“Flexible working” การทำงานแบบยืดหยุ่น เทรนด์ของคนรุ่นใหม่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทุกวันนี้เราคงได้ยินเรื่องระบบการทำงานที่ยืดหยุ่น (Flexible Working) กันมากขึ้น ตั้งแต่ที่โควิด-19 ได้เข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิตแบบเดิม ๆ ทำให้เราก้าวเข้าสู่โลก New Normal จนเรื่องของการ Work from home แทบจะกลายเป็นเรื่องปกติที่เราจะต้องปรับตัวให้เข้ากับวิถีการทำงานแบบใหม่นี้ให้ได้ หลายองค์กรเริ่มนำมาปรับใช้ในสถานที่ทำงาน เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ของคนทำงานที่ไม่ต้องการระบบตอกบัตรเข้า-ออกงานตามเวลาเหมือนเดิม

Flexible Working คือแนวทางการทำงานที่ไม่มีข้อกำหนดตายตัวในเรื่องเวลา รูปแบบการทำงาน สถานที่ทำงาน หรือการแต่งตัว เป็นต้น สามารถแต่งการในรูปแบบที่ไม่เป็นทางการ แต่ยังมีความเหมาะสมมาทำงานได้ หรือ สามารถปรับเปลี่ยนเวลา สถานที่ในการทำงานให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์แต่ก็ไม่กระทบกับงาน และยังทำงานได้มีประสิทธิภาพเท่าเดิมหรือดีกว่าเดิมด้วย Tonkit360 มีข้อดีในการทำงานแบบยืดหยุ่นมาบอกกัน

ความยืดหยุ่นช่วยสร้างการปรับตัว
จริงอยู่ว่าก่อนหน้าที่จะเกิดโรคระบาดโควิด-19 เราทุกคนต่างใช้ชีวิตแบบปกติในทุก ๆ วันต้องเข้าออฟฟิศ เลิกงานตามเวลาชีวิตวนลูปอยู่แบบนี้ แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป ต้องการการปรับตัวให้อยู่ในในสถานการณ์เช่นนั้น จากการเข้าออฟฟิศทุกวันก็เปลี่ยนมาทำงานที่บ้านแทน หลายคนอาจมีความเครียดในช่วงต้น แต่หากมีการปรับตัว มีการเปลี่ยนวิธีการหรือรูปแบบ เมื่อสถานการณ์เรียกร้องหรือบังคับ ก็สามารถทำได้อย่างปกติในแบบที่เคยเป็น อีกทั้งยังสามารถสร้างผลงานได้ดีอีกด้วย เพราะไม่ต้องไปเจอเรื่องเครียดระหว่างทาง

รู้ว่าทุกอย่างควบคุมได้
การต้องทำงานคนเดียวอยู่บ้าน อาจทำให้หลายคนขาดความมั่นใจในตัวเอง เพราะที่ผ่านมาเราต้องทำงานเป็นทีมมาโดยตลอด แต่เมื่อต้องทำงานคนเดียวกลับไม่มั่นใจถึงศักยภาพของตัวเองเสียอย่างนั้น อาจเป็นเพราะความพร้อมของสถานที่หรือแม้แต่สิ่งอำนวยความสะดวกในการทำงานก็ตาม ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจได้ แต่หากเรียนรู้และเข้าใจว่าทุกอย่างสามารถควบคุมได้ มีความยื่นหยุ่นในการทำงาน หาสิ่งต่าง ๆ เพื่อแก้ไขและทดแทนสิ่งที่ขาดหายไปได้ นี่คือการสร้างศักยภาพที่แท้จริง เพราะการทำงานไม่จำเป็นต้องทำในที่ทำงานเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

รับฟังคำวิจารณ์อย่างตั้งใจ
อะไรที่แสดงถึงความมั่นใจในตัวเองมากเกินไป นั่นหมายความว่า คุณเองคงมีชีวิตที่ตึงมากเกินไปจนไม่คิดรับฟังความคิดเห็นของใครเลย ตั้งตนเป็นศูนย์กลาางไปซะทุกเรื่องแบบนี้ไม่ดีแน่ ลองใช้ความยืดหยุ่นเปิดใจให้กว้าง เพื่อจะได้ซึมซับข้อมูลใหม่ ๆ แนวคิดใหม่ ๆ และนำไปใช้ประโยชน์ได้ดี สามารถรักษาความสมดุลทั้งด้านรายละเอียดและภาพรวมของงานได้ เรื่องบางเรื่องตึงเกินไปก็เกิดความเครียด และคงได้ผลลัพธ์ที่ไม่ดีนัก เรื่องงานก็เช่นกัน

ใช้เวลาในการคิดเรื่องที่สมเหตุสมผล
ยอมรับว่าเหตุการณ์ ปัญหา และสถานการณ์ อาจจะไม่ง่ายที่จะทำความเข้าใจเหมือนในอดีต ฉะนั้น ให้พร้อมที่จะลงทุนเวลาในการสำรวจและระดมสมอง เพื่อช่วยให้ตนเองและผู้ที่เกี่ยวข้องมีความเข้าใจอย่างสมเหตุสมผลในเรื่องที่ต้องตัดสินใจ ซึ่งในบางครั้งเราอาจต้องยอมรับว่าตอนนี้เราอาจไม่เข้าใจหรือกำลังหลงทาง เกิดความกังวลไม่สบายใจที่ไม่มีคำตอบ และไม่แน่ใจในบางเรื่อง หรือไม่สามารถกำหนดทิศทางที่ชัดเจนได้ว่าควรจะเดินไปข้างหน้าอย่างไร ก็ไม่เป็นไร ให้เรายอมรับความจริงนี้อย่างจริงใจ อย่างสมเหตุสมผล เพื่อว่าเราจะได้เริ่มต้นค้นหาคำตอบต่อไป

เผชิญกับความท้าทายที่ไม่ได้คาดคิด
เมื่อมีเหตุการณ์ ข่าวสาร หรือปัญหาที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นโดยไม่ได้คาดคิด ให้รับมือด้วยอารมณ์และจิตใจในเชิงบวก เพื่อที่จะตอบสนองด้วยวิธีใดก็ตามที่ดีที่สุด เช่น สำรวจข้อมูลที่มีและพิจารณาว่าต้องจัดลำดับความสำคัญใหม่ต่อสิ่งที่ต้องทำหรือไม่ มีสิ่งใดที่เร่งด่วน สิ่งใดที่รอได้ และเขียนแผนพร้อมทั้งกำหนดเวลาที่ชัดเจนออกมา แล้วเริ่มดำเนินการและสื่อสารสิ่งที่จำเป็นต้องเปลี่ยนกับผู้ที่เกี่ยวข้อง จัดสรรเวลาและความใส่ใจอย่างเต็มที่ เพื่อให้มั่นใจว่า สิ่งต่าง ๆ จะกลับเข้าสู่กรอบความปกติอย่างรวดเร็ว

สรุปแล้ว คนที่ปรับตัวเก่งนั้น จะใจกว้าง ยินดีร่วมมือร่วมใจกับผู้อื่น เข้าถึงได้ง่าย มีความพอใจในสิ่งที่มี และเผชิญกับสิ่งที่กำกวมคลุมเครือได้ ขณะเดียวกัน ก็เป็นคนมีจุดประสงค์ชัดเจน รอบคอบ คิดในเชิงสร้างสรรค์ มีความเห็นอกเห็นใจ มีความเมตตา และกล้ารับความเสี่ยงอย่างมีเหตุผล

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook