พูดไม่คิด! ถ้าพูดไม่เข้าหูอยู่แบบนี้ เลิกกันเลยง่ายกว่าไหม

พูดไม่คิด! ถ้าพูดไม่เข้าหูอยู่แบบนี้ เลิกกันเลยง่ายกว่าไหม

พูดไม่คิด! ถ้าพูดไม่เข้าหูอยู่แบบนี้ เลิกกันเลยง่ายกว่าไหม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“แต่สุดท้ายฉันเองนั่นแหละที่ทำไม่ได้ พูดอย่างไม่คิดให้เธอไปจากชีวิต” ยังจำกันได้ไหม? เนื้อเพลงท่อนแรกของเพลงฮิต “พูดไม่คิด” ศิลปิน Season Five feat. ฟักกลิ้ง ฮีโร่ ซึ่งเคยดังมาก ๆ อยู่ช่วงหนึ่ง (แต่ทุกวันนี้ก็ยังคงได้ยินวิทยุเปิดเล่นและผู้คนก็นำมาร้องเล่นกันอยู่บ่อย ๆ) หลายคนยกให้เนื้อเพลงท่อนนี้เป็น the best! เนื้อเพลงติดหูส่วนความหมายติดใจ จนกลายเป็นเพลงในตำนานที่ใช้สื่อสารกับพวกที่ชอบ “พูดไม่คิด” ได้รู้ซึ้งว่าบทเรียนของความปากพล่อย ปากร้าย ปากไม่ตรงกับใจ สุดท้ายแล้วจะมีจุดจบเช่นไร นั่นทำให้เพลงนี้ยังคงอยู่เหนือกาลเวลา แม้ว่าอายุอานามของเพลงจะนานถึง 11 ปี! แล้วก็ตาม (อ้างอิงตามวันที่ปล่อย MV ในปี 2011)

การยกเนื้อเพลงท่อนดังกล่าวขึ้นมาก็เพื่อที่จะย้ำให้ชัด ๆ อีกสักที ว่าการถนอมน้ำใจคนรักเนี่ยเป็นเรื่องที่สำคัญมาก นอกจากเรื่องของการกระทำ คำพูดก็เป็นตัวชี้ชะตาความสัมพันธ์ได้เช่นกัน การพูดที่ไม่ถนอมน้ำใจคนฟัง พูดไม่คิด ปากพล่อย ปากไม่ตรงกับใจเก่ง จะกลายเป็นระเบิดเวลาที่บั่นทอนความสัมพันธ์ลงช้า ๆ ช่วงแรก คนฟังก็อาจจะยังอดทนเพราะความรัก แต่ถ้ายังทำร้ายจิตใจกันด้วยคำพูดอยู่เสมอ นับวันยิ่งแรงขึ้น ๆ ในวันหนึ่งความอดทนของคนฟังก็อาจจะสิ้นสุดลงก็ได้ ความสัมพันธ์ที่มีปัญหาเรื่องการสื่อสารอยู่บ่อยครั้ง และไม่คิดที่จะแก้ปัญหาจริงจัง เรื่องราวก็อาจจบไม่สวยแบบในเพลง ที่สูญเสียคนสำคัญไปเพียงเพราะปากที่พูดไม่รู้จักคิดของตัวเอง ทำได้แค่อ้อนวอนให้กลับมา

เวลาที่คนสองคนทะเลาะกัน ต่างฝ่ายต่างก็มีอารมณ์โมโห มีความรู้สึกโกรธ กลายเป็นโอกาสเสี่ยงที่ใครสักคนจะปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือสติ เผลอพูดอะไรที่ไม่ได้คิดก่อนออกมา คนพูดอาจจะไม่คิดอะไรจริง ๆ แต่คนฟังจะจำใส่ใจไม่ลืมว่าคนที่เรารัก (และบอกว่ารักเรา) สามารถทำร้ายจิตใจกันด้วยคำพูดได้ขนาดนี้เวลาที่ขาดสติ และยิ่งพูดจาไม่คิดออกมามากเท่าไรก็ยิ่งสร้างบาดแผลในใจให้กับอีกฝ่ายได้มากเท่านั้น ด้วยความสัมพันธ์จำเป็นต้องพึ่งพาการพูดคุยสื่อสารกันให้เข้าใจ แต่ถ้าขยันพูดไม่คิดออกมาบ่อยขนาดนี้ บางทีเลิกรากันไปเลยอาจจะจบปัญหาทุกอย่าง

ว่าแต่มีคำพูดอะไรบ้างนะที่คนพูดชอบพูดออกมาแบบไม่คิด ซึ่งมันก็ไม่เข้าหูคนฟังเอาเสียเลย แล้วถ้าจะพูดกรอกหูย้ำกันขนาดนี้ งั้นก็เลิกกันไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ!

งั้นก็เลิกกันไหมล่ะ!
ตอนที่พูดน่ะพูดด้วยความปากไว หัวร้อน เลยไม่ทันคิดว่านี่มันคำพูดที่ท้าทายกันชัด ๆ ยิ่งถ้าต่างฝ่ายต่างกำลังเดือดปุด ๆ อารมณ์ทะลุปรอทอยู่ล่ะก็ มีแนวโน้มที่อีกฝ่ายจะรับคำท้าทันทีแบบไม่คิดเหมือนกัน พอใจเย็นลงและระลึกได้ว่าหลุดปากพูดอะไรออกไป ความสัมพันธ์มันก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว เพราะคำนี้เป็นคำที่แรงมากสำหรับคนรักกัน ลองนึกภาพตามสิ ทะเลาะกันทีไรก็ต้องได้ยินการท้าทายกันด้วยการชวนเลิกตลอด มันจะเป็นหนามตำใจอีกฝ่ายขนาดไหน ถ้าอีกฝ่ายดันหมดความอดทน ใจเย็นไม่ไหวแล้วจริง ๆ ก็อาจจะได้เลิกกันจริงเลยก็เป็นได้ เพราะฉะนั้น เก็บคำพูดชวนเลิกนี้ฝังดินถ่วงน้ำเอาไว้ให้ลึกที่สุด คิดก่อนพูดทุกครั้งอย่าพลั้งปากพูดออกมา ถ้าอีกฝ่ายไปจริงแล้วจะหาว่าไม่เตือน

น่ารำคาญ!
“น่ารำคาญ!” โอ้โห! เป็นคำพูดที่ใครได้ยินก็สะดุ้ง ดีไม่ดีวินาทีนั้นอาจจะหูดับไปเลยก็ได้ นี่คือคำพูดสั้น ๆ ที่อาจจะหลุดออกมาจากปากคนที่เรารักโดยที่เขาไม่ทันได้คิดให้ดีว่าคนฟังจะรู้สึกอย่างไร นั่นแหละ มันทำเอาคนฟังถึงกับไปไม่เป็น เรี่ยวแรงหาย ร่างกายหนักไปหมด พูดไม่ออกบอกไม่ถูก หน้าชา มือสั่น ร้อนไปทั้งตัว หนักสุดคือเจ็บแปลบไปทั้งหัวใจ เข้าใจเลยว่าคนที่โดนสวนกลับมาด้วยคำว่าน่ารำคาญเนี่ยมันจะมีอาการที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องทำอะไรต่อ  ในเมื่อในสายตาเขาเรากลายเป็นตัวปัญหาที่ขวางหูขวางตาไปหมดแบบนี้ ในที่สุด การที่ได้รู้ว่าเขาคิดกับเราแบบนี้มันช่างเจ็บปวดมากมาย เพราะฉะนั้น คิดให้ดีก่อนที่จะพูดเถอะนะ อย่าทำร้ายจิตใจกันแรง ๆ แบบนี้เลย

อย่ามายุ่งดิ!
สะอึกไปเลยสิคะ! คำนี้มีความหมายเดียวกับคำว่า “ส สระเอือ ก” นั่นเอง มักจะถูกนำมาใช้เมื่ออีกฝ่ายต้องการจะห้ามไม่ให้เราเสนอหน้าเข้าไป “จุ้นจ้าน” เรื่องของเขา เพราะมันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเรา เอาเข้าจริงก็เข้าใจได้นะเรื่องที่จะปฏิเสธความหวังดีของอีกฝ่ายที่มันอาจจะดูล้ำเส้นเกินไปหน่อย ทว่ามันมีคำพูดอื่นที่ความหมายเดียวกัน แต่ฟังแล้วรู้สึกซอฟต์กว่านี้เยอะแยะให้เลือกใช้ แต่เพราะไม่ได้คิดก่อนที่จะพูดก็เลยไม่ทันระวังปาก เผลอหลุดใช้คำแรง ๆ จนคนฟังใจเสียแบบนี้ ทีนี้ก็เรื่องใหญ่เลยสิที่โดนแบ่งกั้นด้วยเส้นเขตแดนที่มองไม่เห็น แบ่งเรื่องของเขา เรื่องของเราออกจากกัน ห้ามล้ำเส้นเข้าไปเจ๋อ มันจะทำให้ต่างฝ่ายต่างวางตัวไม่ถูกหลังจากที่ใจเย็นลงแล้ว

ก็เป็นซะแบบนี้อะ!
เอ้อ! แบบนี้แล้วมันแบบไหนล่ะ ท่อน “สิ่งที่ฉันเคยทำแล้วมันถูก แต่อยู่ดี ๆ ก็ผิดทุกเรื่องไป” จากเพลง “ห่างกันพัก” ต้องเข้าแล้วไหม คบกันมารักกันอยู่ดี ๆ แต่พอทะเลาะกันก็ยกคำนี้ขึ้นมาพูดตลอด มันก็พาลให้เข้าใจไปว่าอีกฝ่ายไม่ได้ชอบหรือพอใจตัวตนของเราตั้งแต่แรก มันคือความอดทนที่เขาสามารถทนได้ในเวลาปกติ แต่พอสถานการณ์มันเลวร้ายลง อารมณ์เข้ามาเยือน ต่างฝ่ายต่างฟิวส์ขาด ความอดทนก็เลยเริ่มสั่นคลอน จากที่เคยอดทนได้มาตลอด พออารมณ์อ่อนไหวก็ขอกล่าวโทษอีกฝ่ายหน่อยละกัน ว่าที่ความสัมพันธ์มันลุ่ม ๆ ดอน ๆ เป็นปัญหาอยู่ตลอดก็เพราะตัวตนของอีกฝ่ายที่เป็นแบบนี้นี่แหละ ส่วนคนที่โดนกล่าวโทษก็กลายเป็นคนผิดพร้อม ๆ กับใจสลาย

ก็ฉันไม่ผิดอะ ทำไมต้องขอโทษด้วย!
โอ้โห! ยิ่งใหญ่มาจากไหนเอ่ย? คือการทะเลาะกันเนี่ยมันเป็นเรื่องปกติของคนคู่รักแหละ ส่วนใหญ่แล้วพอมีอารมณ์โกรธเข้ามาแทนที่ความหวาน ทั้งคู่ก็มักจะหาตัวคนผิด ถ้าไม่มีใครยอมรับแต่โดยดีเพราะมันก้ำกึ่ง ก็จะเริ่มโทษกันไปมา เรื่องราวชวนปวดหัวก็เลยเริ่มต้นว่าใครเป็นคนผิด ซึ่งคนนั้นก็ต้องเป็นคนขอโทษ แน่นอนว่าศักดิ์ศรีมันค้ำคอ ต่างคนก็ถืออีโก้ของตัวเอง จะขอโทษก่อนได้ไง ตรง ๆ เลยนะ ถ้ายังตามหาคนผิดไปเรื่อย ๆ ไม่มีใครยอมรับผิด “เลิก” คือจุดหมายที่อยู่แค่เอื้อม การกลับมาทบทวนว่าเรื่องมันเป็นยังไงและยอมรับว่าตัวเองเป็นคนผิดเพื่อที่จะพูดขอโทษ มันคงไม่เหลือบ่ากว่าแรงเท่าไรหรอก หากยังมีความรักให้กันอยู่ การขอโทษจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด

จะจบได้ยัง?
ได้จ้า จบก็ได้จ้า จบที่แปลว่าเลิกกันไปเลยน่ะนะ! ลำพังแค่ทะเลาะกันเฉย ๆ ก็ชวนให้อารมณ์บูดอยู่แล้ว ยังจะมาเจอกับคำพูดคำจาที่แสดงออกชัดเจนว่าไม่ได้ใส่ใจกับปัญหาที่กำลังทะเลากันอยู่เลย น้ำโหก็ยิ่งเดือดสิทีนี้ คนพูดมีปากก็พูดไป คนฟังก็นิ่งเก่ง แต่หลัง ๆ หูเริ่มไม่อยากฟังแล้ว จึงได้เอื้อนเอ่ยประโยคเด็ดนี้ขึ้นมาตัดบทกลางลำซะงั้น ด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ พร้อมกับใบหน้าที่เอือมระอาเต็มแก่ เห็นแล้วความดันขึ้นเพราะแบบนี้มันหักหน้ากันชัด ๆ ไม่มีปฏิกิริยาที่อยากจะแก้ปัญหาร่วมกันว่าแย่แล้ว ยังจะไม่แคร์คนพูดเอ่ยถามตัดบทขึ้นมาอีก มันทำให้คนพูดรู้สึกว่ามีแค่ตัวเองคนเดียวเท่านั้นที่บ้าบอกับปัญหาพยายามยื้อไม่ให้เรื่องมันจบ เอาเถอะดูทรงแล้วเรื่องน่าจะจบลงที่การเลิกกันล่ะงานนี้

เป็นอะไรมากปะ?
นี่ไม่ใช่คำถามที่แสดงความห่วงใยแต่ประการใด แต่มันคือการตำหนิระคนรำคาญว่าจะอะไรนักหนากับเรื่องแค่นี้ ไร้สาระไม่เข้าท่าเลยนะ บอกตรง ๆ เลยว่าใครที่ได้ยินคำถามนี้แล้วยังใจเย็นอยู่ได้นี่คือประเสริฐเกินมนุษย์มนาไปมาก เพราะนี่เป็นคำถามที่ยียวนกวนประสาท (และบาทา) มาก จากที่ตอนแรกเราก็พยายามพูดดี ๆ ด้วย และกำลังควบคุมอารมณ์อยู่มันก็ทำให้รู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างแรงขึ้นมาได้เฉยเลย ที่เอ่ยถามออกมานี่ไม่ได้ดูสถานการณ์เลยถูกไหมว่าแค่นี้เรื่องมันก็แย่พออยู่แล้วยังจะมายั่วโมโหกันอีก แทนที่จะหักหาญน้ำใจกันด้วยการตำหนิว่าอย่าไร้สาระกับเรื่องขี้ปะติ๋วแบบนี้ หันหน้ามาคุยกันดี ๆ และพยายามทำความเข้าใจกันจะไม่ดีกว่าหรือไง!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook