Converse ร่วมกับ Tyler, the Creator เปิดโอกาสครีเอทีฟรุ่นใหม่สร้างสรรค์ผลงานในสายดนตรี

Converse ร่วมกับ Tyler, the Creator เปิดโอกาสครีเอทีฟรุ่นใหม่สร้างสรรค์ผลงานในสายดนตรี

Converse ร่วมกับ Tyler, the Creator เปิดโอกาสครีเอทีฟรุ่นใหม่สร้างสรรค์ผลงานในสายดนตรี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Converse ร่วมกับ Tyler, The Creator ได้พาเหล่าครีเอทีฟรุ่นใหม่ 30 คนจาก 12 ประเทศทั่วโลก เพื่อร่วมมือกันสร้างสรรค์วิถีใหม่แห่งการสร้างดนตรีเพื่อผสมผสานแนวเพลงและวัฒนธรรม Converse 'All Star Series' จัดขึ้นที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เพื่อเฉลิมฉลองมุมมองระดับโลกที่ไม่เหมือนใครและการกลับมาสู่การทำงานร่วมกันแบบตัวต่อตัว โดยเปิดโอกาสให้ชุมชน All Stars ได้เข้าร่วมงานในครั้งนี้ และหนึ่งในนั้นได้มีครีเอทีฟไทยหนึ่งในสมาชิก Converse All Stars กอบกฤต ธิติธนวรรษ @asianmudman หนึ่งในสมาชิกของ Converse All Stars ได้มีโอกาสเข้าร่วมงานในครั้งนี้ด้วย


นักดนตรี เหล่า Visual Creative และนักเล่าเรื่องได้รับเลือกให้เข้าร่วม Workshop เป็นเวลาสามวัน ซึ่งจัดโดยผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ ในช่วงเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน Converse All Stars ถูกท้าทายให้ผสมผสานอิทธิพลทางวัฒนธรรม แนวดนตรี และสไตล์ที่เป็นอิสระเพื่อสร้างเพลง 5 เพลง รวมไปถึงภาพที่บ่งบอกบรรยายถึงเสียงเพลงนั้นๆ All Stars อีกทีมหนึ่งได้บันทึกบรรยากาศของวัฒนธรรมที่หลากหลาย และแรงบันดาลใจที่สร้างสรรค์ไว้ด้วย


เหล่า All Stars ได้รับโอกาสในการร่วมงานกับศิลปินจากหลากหลายสาขาอย่าง Abdul Abdullah (Creative Director), Ken Leung และโปรดิวเซอร์ Justin Elwin ผู้ทรงคุณวุฒิแต่ละคนให้คำปรึกษา สนับสนุน และแบ่งปันมุมมองของพวกเขาเกี่ยวกับการดำเนินการอย่างสร้างสรรค์ ให้แก่ All Stars ซีรีส์นี้จบลงด้วยการจัดแสดงผลงานของ Tyler, The Creator ซึ่งให้คำแนะนำและมุมมองเชิงลึกเกี่ยวกับการแก้ปัญหาอุปสรรค์

 “ถ้าคุณเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ มันง่ายสำหรับคนอื่นมากที่จะตัดสินคุณหรือเข้าใจคุณในแบบผิดๆ” “เมื่อคุณแยกตัวออกมาและทำบางสิ่งบางอย่างที่แตกต่างออกไป บางครั้งผู้ที่ให้การสนับสนุนหลักของคุณก็ไม่อาจเข้าใจคุณได้ เพราะอาจจะไม่ได้มองในมุมมองเดียวกับคุณ เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมต้องทำงานที่ไม่ได้อยู่ใน Comfort Zone ของตัวเอง มันผลักดันให้ผมก้าวไปมากกว่าเดิม มันเป็นเรื่องง่ายอยู่แล้วที่จะทำงานในแบบเดิมๆที่เราถนัด แต่ในบางครั้งการออกมาจากขีดจำกัดความสบายของตัวเอง ก็เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เคยมีมา นั่นแหละเป็นประสบการณ์ที่มีอยู่สำหรับ Converse All Star” - Tyler, The Creator 

“การได้รับโอกาสดีดี ไปเยือนดินแดนและพบปะผู้คนที่มาจากคนละที่กัน ทำให้รู้สึกว่าโลกเล็กขึ้นอีกนิดนึง เหมือนเราได้ขยับหมุนมุมมองลูกโลกในด้านที่แตกต่างออกไป พลิกดูและรู้มากขึ้นกว่าที่เคย การได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ เปิดมุมมองที่กว้างขึ้นจะเป็นประสบการณ์ที่ดี หล่อหลอมการก้าวไปข้างหน้าในทั้งเส้นทางของการทำงานและการใช้ชีวิต” - กอบกฤต ธิติธนวรรษ @asianmudman สมาชิกของ Converse All Stars

ด้วยการจัดกลุ่มครีเอทีฟที่มีความสามารถและภูมิหลังทางวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ผลงานของ All Star Series จึงเป็นแนวทางที่ไม่เหมือนใครในด้านดนตรีที่ก้าวไปไกลกว่าเพลงแบบเดิมๆ ตั้งแต่ Reggaeton ไปจนถึง Brazilian Funk และ Emo ไปจน R&B อิทธิพลทางดนตรีและวัฒนธรรมของ All Star แต่ละคนที่หลอมรวมเข้าด้วยกันเพื่อผสมผสาน 5 แทร็กเสียงที่แตกต่างกันซึ่งบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ

  • 'Puerta' (Door) ใช้เนื้อร้องภาษาสเปนและอังกฤษเพื่อแสดงถึงสองด้านของความเป็นผู้หญิง ซึ่งอาจนุ่มนวลและละเอียดอ่อน แต่ยังคงมีความแข็งแกร่ง  (@itsmebiancac @Ginelio_ @j.ustinli @noahdacosta_ @GRTSCH @Wunmilli)
  • ‘On the low’ นำทำนอง R&B และ Emo มาผสมกับจังหวะหลวม ๆ เพลงแสดงถึงความซับซ้อนของความรักและการสนับสนุนในความสัมพันธ์ (@chlobocoppp @reem @paniaxo @asianmudman @latejunemusic @egofreckles)
  • 'Self-Care' เป็นเพลงที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณของ Hulusi (เครื่องเป่าของจีนโบราณ) และนักร้อง 4 คนที่มีภูมิหลังเป็นแร็พและ R&B. (@mrs_fallback @mikkapedia @em.muso @Nyotaparker @boySoda @shixinwenyue)
  • 'Our Next Is Now' เป็นเพลง EDM ที่ผสมผสานการแร็ปที่ไพเราะและเสียงร้องอันทรงพลัง และยืนหยัดในแนวคิดที่ว่าสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ตอนนี้มีความสำคัญ (@Kyla.rain @tyrell.vanilla @only.jaycee @itsPricie @doyilee @isaacandrewsstudio)
  • 'Together' เป็นการผสมผสานระหว่าง Brazillian Funk และ Trap โดยมีการแร็พแบบโปรตุเกสกับการผสมผสานกับการขับร้องภาษาอังกฤษ สื่อถึงตีมเกี่ยวกับความเฉลียวฉลาด ความสามัคคี และจุดมุ่งหมาย (@cath_victoriano @Cxntion @soualadin @herapnacional @lydiatesema_ @Munjiy)

"ประสบการณ์กับ All Stars นี้เป็นตัวอย่างล่าสุดที่แสดงให้เห็นว่า Converse ส่งเสริมเส้นทางสายดนตรี ด้วยการให้ศิลปินหน้าใหม่ที่มีพลังขับเคลื่อน เข้ามามีบทบาทมากขึ้น” - Andres Kiger รองประธานฝ่ายการตลาดของ Converse Global Partner Markets กล่าว

“เราจะคอยสนับสนุนนวัตกรรมซึ่งป็นส่วนสำคัญของ Converse DNA เสมอ และสำหรับ The All Star Series: Sydney ก็เป็นก้าวสำคัญในการเดินทางของเราเพื่อส่งเสริมความสามารถทางดนตรี และเรามีแผนใหญ่ที่จะสนับสนุนนักดนตรีหน้าใหม่ต่อไป”

หลังจากโชว์เคสสุดสร้างสรรค์แล้ว เหล่า All Stars ก็ได้รับโอกาสในการแสดงสดที่ Landsdowne Hotel ซึ่งเป็นสถานที่อันเป็นสัญลักษณ์ของซิดนีย์ เริ่มต้นค่ำคืนกับ Ginelio จากแอฟริกาใต้ ด้วยการแสดง EDM อันเร้าใจ ตามมาด้วย RNB ของ Pania จากออสเตรเลีย และ Munjiy ดีเจชาวมาเลเซีย แสดงอย่างสนุกสนานปิดค่ำคืนอย่างสวยงาม

The All Star Series: ซิดนีย์ เป็นภาคที่สามของปีนี้กับ Tyler, The Creator ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ของ Converse มาอย่างยาวนาน โดยซีรีส์เรื่องแรกจัดขึ้นที่ลอสแองเจลิสเป็นแนวศึกษาเรื่องของอิทธิพลของความครีเอทีฟ ในขณะที่จุดที่สองในปารีสมุ่งเน้นไปที่กระบวนการของความครีเอทีฟ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook