Anti-Aging กันไว้ดีกว่าแก้ คู่มือรับมือริ้วรอยของผู้ชายยุคใหม่

Anti-Aging กันไว้ดีกว่าแก้ คู่มือรับมือริ้วรอยของผู้ชายยุคใหม่

Anti-Aging กันไว้ดีกว่าแก้ คู่มือรับมือริ้วรอยของผู้ชายยุคใหม่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

    บอกไว้ก่อนนะ เราไม่ได้คิดว่าเรื่องของ ‘อายุ’ ที่มากขึ้นเป็นเรื่องน่าอายหรือไม่ดีแต่อย่างใด ไม่ว่าคุณจะอายุ 25 หรือ 65 ทุกคนกังวลกลัวแก่กันทั้งนั้น แต่ในยุคใหม่ที่เราโอบรับความหลากหลายกันมากขึ้น คำว่า ‘Look Better with Age’ ดูเหมาะสมและฟังดูดีกว่ามากๆ

     อย่างไรก็ตามการที่เราจะดูดีแม้อายุจะเพิ่มมากขึ้นยังต้องอาศัยวินัยในการดูแลที่สม่ำเสมอรวมถึงตัวช่วยต่างๆ ในการป้องกันไม่ให้ริ้วรอยที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติดูโหดเกินไปบนผิวพรรณของเรา GQ มาพร้อมไกด์ในการดูแลและป้องกันริ้วรอยในแบบฉบับ ‘Look Better with Age’ มาเป็นแดดดี้ผิวสุขภาพดีกันดีกว่า

สังเกตตัวเองและใช้ครีมกันแดดทุกวัน!

     ข้อแรกเลยในการรับมือกับริ้วรอยคือพยายามสังเกตตัวเอง เราเชื่อว่าหลังจากคุณตื่นนอนลุกมาแปรงฟันต้องมีโอกาสได้เห็นหน้าตัวเองในกระจกบ้างเหละ พยายามสังเกตริ้วรอยบนผิวหน้าของตัวเองว่ามันชัดขึ้นจากเดิมหรือไม่ จุดที่เห็นชัดมากๆ เลยมีสองจุดคือช่วงขมับหน้าผากและตีนกาแถวดวงตา อย่าคิดว่าเรื่องริ้วรอยจะเกิดเฉพาะกับคนวัย 30+ เท่านั้น เพราะนอกจากอายุแล้วเรื่องไลฟ์สไตล์ก็มีส่วนสำคัญมากๆ ในการก่อให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย การสังเกตตัวถือเป็นจุดเริ่มต้นในการป้องกันเนิ่นๆ ที่ดี

     นอกจากสังเกตตัวเองแล้วสิ่งที่สำคัญมากๆ และอยากให้ผู้ชายทุกคนใส่ใจเลย นั่นก็คือ ‘การทาครีมกันแดด’ แสงแดดเป็นภัยอันตรายต่อผิวเราอย่างยิ่งทั้งรังสี UVA หรือ UVB ส่งผลเสียต่อผิวเราโดยตรง ไม่ใช่แค่ผิวมองคล้ำเท่านั้นแต่ยังเป็นบ่อเกิดของริ้วรอยอีกด้วย เพราะผิวที่โดดแสงแดดเป็นประจำโดยที่ไม่ได้รับการปกป้องจะแห้งกร้านจากการสูญเสียความชุ่มชื้นทางธรรมชาติของผิว ส่งผลให้ผิวแห้งและเกิดเป็นริ้วรอยแม้แต่ในบ้านเราก็แนะนำว่าต้องทาครีมกันแดด

บำรุงผิวบ้างและต้องทาให้ถึงคอ

     ทำความสะอาด บำรุง และกันแดด พื้นฐานสามข้อง่ายๆ ที่ผู้ชายทุกคนต้องทำเป็นประจำทุกวัน! ไม่ควรข้ามข้อใดไปเลย การทำความสำอาดผิวหน้าแน่นอนช่วยเรื่องการชำระล้างสิ่งสกปรกที่อุดตันในชั้นผิวออก ฝุ่นต่างๆ น้ำมันบนใบหน้าสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุของการเกิดสิว ส่วนในการบำรุงก็สำคัญเพราะในหนึ่งวันผิวของคุณต้องเผชิญสภาพอากาศที่ไม่เสถียรทั้งร้อนมากและเย็นมาก (ห้องแอร์) การใช้มอยช์เจอร์ไรเซอร์ช่วยปรับสมดุลให้ผิวคืนสภาพสู่สภาวะเป็นกลางและยังช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยอีกด้วย ส่วนป้องกันเราบอกไปตั้งแต่ข้อแรกแล้ว และทั้งหมดที่พูดมาอย่าลืมลากยาวมาถึงคอด้วยนะ หน้าตึงแต่คอเหี่ยวไม่ได้นะ โป๊ะ!

     ส่วนถ้าโนไอเดียมากๆ ว่าจะซื้อผลิตภัณฑ์ตัวไหนดีเราแนะนำสารประกอบสำคัญๆ ที่ผู้ชายควรใช้อย่าง Vitamin C อันนี้หลักๆ ช่วยเรื่องความหมองคล้ำและยังกระตุ้นให้ผิวเรากันแดดได้ดีขึ้นด้วยแนะนำให้ใช้เป็นครีมบำรุงตอนเช้า Amino Acids กรดให้ความชุ่มชื้นต่อผิวเรานั่นเอง ยิ่งผิวเราชุ่มชื้นไม่แห้งกร้านริ้วรอยก็เกิดได้น้อยขึ้น Antioxidants สา

ใช้ตัวช่วยที่เข้มข้นขึ้นบ้างเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ 

     จริงอยู่หากคุณมีมอยช์เจอร์ไรเซอร์ติดตัวอยู่แล้วสัก 1 กระปุกใช้ประจำทุกวัน นั่นอาจช่วยให้ผิวคุณดีขึ้นได้ราวๆ 30% เท่านั้น แต่ปัญหาเฉพาะจุดจากริ้วรอยที่ลึกขึ้น เช่น จุดด่างดำ รอยสิว และอื่นๆ คุณต้องใช้ตัวช่วย Active อื่นๆ ในการเข้ามาจัดการ สำหรับใครที่เป็นสายสกินแคร์อยู่แล้วน่าจะรู้จัก ‘เซรั่ม’ เป็นอย่างดี การใช้เซรั่มจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของสารบำรุงผิวเพราะตัวเซรั่มทำขึ้นจากส่วนผสมที่เข้มข้นกว่าปกติเพื่อจัดการกับปัญหาเฉพาะจุด เปรียบเทียบระหว่างมอยช์เจอร์ไรเซอร์และเซรั่มวิตามินซี แน่นอนว่าตัวเซรั่มนั้นสารวิตามินซีจะเข้มข้นสูงกว่า

     ไม่ใช่แค่เซรั่มเท่านั้นปัจจุบันเรายังมีผลิตภัณฑ์ประเภท Booster ต่างๆ ที่ประกอบด้วย Active Ingredient เด่นๆ เพียงแค่ไม่กี่ตัวเพื่อเข้าจัดการปัญหาเฉพาะแบบเร่งด่วน การใช้ตัวช่วยเหล่านี้ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับใครที่ประสบปัญหาเรื่องริ้วรอยและอยากให้มันเบาลงแบบธรรมชาติ อย่าลืมว่าใช้ให้ถึงคอด้วย เตือนอีกรอบ

ฉีด เติมหรือตกแต่งบ้าง ไม่ใช่เรื่องผิด

     ตัวช่วยสุดท้ายสำหรับเรื่องริ้วรอยก็คือตัวช่วยทางการแพทย์ต่างๆ นั่นเอง ไม่ว่าคุณจะทำอะไรกับผิวหน้าของคุณก็ตามมันเป็นสิทธิ์ของคุณอย่าให้คนอื่นมาตัดสินแทนคุณได้ เริ่มต้นสำหรับใครที่ต้องการตัวช่วยเร่งด่วน Botox ช่วยทำให้ริ้วรอยตื้นขึ้นได้แม้จะไม่ใช่ระยะยาวแต่ Botox สามารถฉีดเติมได้เรื่อยๆ ตามความต้องการ การฉีด Filler ก็เป็นอีกนวัตกรรมในการทำให้ผิวอิ่มฟูแทนที่ริ้วรอยได้ อีกหนึ่งตัวช่วยที่ใช้เวลาหน่อยก็คือการยิงเลเซอร์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Vbream Prima ที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเส้นเลือดชั้นใต้ผิวหนัง หรือ Ultraformer 3 เลเซอร์ที่จะยิงลึกเข้าไปถึงชั้นใต้ผิวหนังเพื่อกระตุ้นคอลลาเจนให้รูปหน้าฟูกระชับอีกครั้ง ซึ่งการใช้เลเซอร์อาจส่งผลต่อผิวหน้าเช่นรอยแดงหรือไหม้อาจจะต้องใช้เวลารักษาสักระยะไม่เร็วแบบ Botox แต่ผลลัพธ์ที่ได้มีระยะที่ยาวกว่า

     สำหรับตัวช่วยสุดท้ายอย่างศัลยกรรมนั้นเหมาะสำหรับทุกคนที่พร้อม เพราะการจะทำศัลยกรรมต้องใช้ทั้งเงิน เวลาและการค้นคว้าเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ทำนั่นเอง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook