ตลกอัจฉริยะ เท่ง เถิดเทิง ชีวิต 15 ปี ไร้เครื่องมือสื่อสาร!!

ตลกอัจฉริยะ เท่ง เถิดเทิง ชีวิต 15 ปี ไร้เครื่องมือสื่อสาร!!

ตลกอัจฉริยะ เท่ง เถิดเทิง ชีวิต 15 ปี ไร้เครื่องมือสื่อสาร!!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ภาพของเท่ง เถิดเทิง ที่คนภายนอกมองเขาอาจจะดูเจ้าชู้ ขี้เล่น เป็นตลกซุปเปอร์สตาร์ คงจะใช้ชีวิตอย่างหรูหรา ฟุ่มเฟือย

แต่ภาพความเป็นจริง เท่ง เถิดเทิง คือตลกที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย แม้แต่โทรศัพท์มือถือก็ไม่ใช้ เป็นคุณพ่อที่อบอุ่นของลูกๆ เป็นคนที่รู้ว่าตัวเองเกิดมาจากอะไร และใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท

เริ่มสนใจผู้ชายคนนี้ขึ้นมาบ้างแล้วใช่ไหม Sanook! พร้อมที่จะพาไปเปิดหัวใจของตลกซุปเปอร์สตาร์ที่ได้ฉายาว่า “ตลกเอเชีย” การันตีจาก เอเชี่ยน เทเลวิชั่น อวอร์ด 2007 ประเภทนักแสดงตลกฝ่ายชายยอดเยี่ยม คนนี้กันแล้ว

“เท่ง เถิดเทิง” ได้ชื่อว่าเป็นตลกสู้ชีวิตคนหนึ่ง ก่อนมีชื่อเสียงโด่งดังอย่างเช่นทุกวันนี้ เจ้าตัวผ่านอาชีพการงานที่หลากหลาย ทั้งการ ปั่นสามล้อ แสดงลิเก เล่นตลกคาเฟ่ ฯ จนมีโอกาสโด่งดังจากรายการ "ชิงร้อยชิงล้าน" ร่วมกับ "แก๊งสามช่า" อีกทั้งยังเป็นเจ้าของเพลงฮิตกินตับ รวมถึงมีผลงานการแสดงภาพยนตร์และกำกับเองอีกมากมาย

การมีชื่อเสียงทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปยังไงบ้าง?
“ครอบครัวสบายขึ้น และความเป็นส่วนตัวของเราไม่มีแล้ว การเป็นดาราแบบคนอื่นเค้าต้องหล่อ ต้องดูดี ถือว่าเป็นคาแรคเตอร์ของความเป็นดารา แต่แบบของผม อยู่บ้านก็ถอดเสื้อ เดินไปตลาดก็กางเกงขาสั้น เป็นคนไม่ชอบแต่งตัว เพราะตั้งแต่วัยเด็กเป็นคนชอบใส่กางเกงขาสั้น ถอดเสื้อ ถีบสามล้อ ก็เลยติดนิสัยนั้นมา

พอใส่อะไรเยอะแยะก็รู้สึกรุ่มร่าม ก้าวออกจากบ้าน ปุ๊บ! เวลาเป็นส่วนต้วไม่มีแล้ว ซึ่งเวลาไปนอกบ้านถ้าเจอแฟนคลับขอถ่ายรูปก็ต้องให้ถ่าย แต่ผมเต็มใจ เพราะพวกเค้าเป็นคนที่ทำให้เราได้เข้าวงการมา จะให้ผมแก้ผ้าก็ได้ ถ้าเป็นไปได้นะ(ยิ้ม) ผมเป็นคนของประชาชน”

ชีวิตของอาชีพตลกมีช่วงไหนที่เคยรู้สึกท้อแท้ไหม?
“ถ้าเป็นเรื่องอาชีพผมไม่เคยท้อแท้ แต่ถ้าเรื่องอุปสรรค มีอุปสรรคบางอย่างที่ทำให้เรารู้สึกท้อแท้บ้าง แต่เราก็เอาความถูกความผิดเป็นที่ตั้ง ผิดก็ขอโทษ แต่เรามีเป้าหมายที่ต้องยึดอาชีพนี้ เพราะฉะนั้นแล้ว ทุกสายอาชีพมันก็ต้องมีอุปสรรคขวางหน้า ก็ต้องคิดเป็นแง่บวก เอ้ย! อุปสรรคแค่นี้เอง มันจะมาทำลายความหวังความตั้งใจเส้นทางชีวิตกับอาชีพตลกไม่ได้ ต้องข้ามไปให้ได้แล้วจะรู้สึกแกร่งขึ้น ผมจะพยายามไม่หนีปัญหา สู้กับปัญหาตลอด”

ปกติแล้วนิสัยส่วนตัวเป็นคนตลกไหม?

“เป็นคนตลก สันดานเป็นคนตลก (ยิ้ม) แต่ตลกเรื่อยเปื่อย รูปร่างหน้าตาปัจจัยการเป็นตลกไม่มีเลย เพราะผมเป็นลิเกมาก่อนถูกฝึกมาเป็นพระเอก แต่มีอยู่ข้างในครับ”

มีวิธีคิดมุขสดๆ ในรายการยังไง?
“ต้องเรียกว่า หม่ำ เท่ง โหน่ง โชคดีมาก เป็นตลกคนละทางกัน ไม่นัดแนะกัน ไปเจิมบนเวทีสดๆ โดยมีเนื้อเรื่องหุ้มอยู่ ถึงแม้ว่าไม่มีเนื้อเรื่องหุ้มไปเจอกันบนเวทีมันก็จะเหมือนมนุษย์ที่เถียงกัน อะไรก็ได้ในเรื่องเดียวกัน ต้องอาศัยประสบการณ์และสิ่งห่อหุ้มที่ดี อย่างเช่น รายการชิงร้อยชิงล้าน เป็นรายการที่ใหญ่ ถูกห่อหุ้มด้วยศิลปินที่ดีอย่าง ส้ม ตุ๊กกี้ แล้วมันจะไปกันเป็นทีม มันจะสนุก สังเกตเวลาเล่นเรายังขำกันเอง ขนาดเรายังขำแล้วคนดูจะเหลือหรือครับ มันเป็นอารมณ์สด”

“ตื่นเช้าขึ้นมาผมจะมีหนังสือพิมพ์อยู่ฉบับนึง ผมเริ่มอ่านหน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้าย ผมต้องอ่านข่าวสารทุกวัน ไม่อ่านไม่ได้ ต้องรู้ให้หมด บางทีอ่านแล้วไม่ได้ใช้หรอก แต่ถ้าใช้ขึ้นมา พวกที่ไม่ได้อ่านเสร็จเราหมดเลย เรารู้จริง คนดูที่ไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์เราพูดคนดูจะรู้เลย ผมเป็นคนชอบอ่าน แต่ไม่เป็นคนชอบเขียน ชอบฟังและสังเกต อาชีพตลกไม่ใช่พระเอก ยิ่งรู้มากยิ่งดีที่สุด”

รู้สึกยังไงฉายา " ตลกเอเชีย"
“ชีวิตตอนมาเป็น เท่ง เถิดเทิง ถามว่าดีใจไหม มันโคตรดีใจเลย มันอยู่ในใจและก็ไม่ประมาทกับอาชีพนี้ ต้องทำให้ครอบครัวมีความสุขให้ได้ ทำให้สมกับที่แฟนๆ รับ เท่ง เถิดเทิด ไปอยู่ในใจของพวกเค้า
กับฉายา “ตลกเอเชีย” ผมชื่นใจกับฉายานี้ แต่ก็มีความกดดัน ทุกสิ่งมันมีวัฎจักร แน่นอนทุกอย่างต้องเปลี่ยนไปตลอด อาชีพตลกผมว่าเป็นอาชีพที่วิเศษที่สุดในโลก วิเศษกว่าพระเอกด้วย อันนี้เป็นความคิดส่วนตัวผมนะครับ

อาชีพพระเอกผมว่าอายุงานไม่นาน อีกหน่อยแก่ตัวลงก็ได้รับบทพ่อแล้ว แต่ตลกถ้ามีมาตรฐานความเป็นตลกอยู่ ถ้ายังทำให้ทุกคนมีรอยยิ้มและหัวเราะอยู่ คุณจะแก่หรือเป็นแบบไหนก็ช่าง มาตรฐานคุณอยู่ที่ตรงนี้ คุณก็อยู่ได้
ประเทศไทยตอนนี้ ผมเดินไปไหน ผมกินข้าวฟรีได้ทุกบ้านนะ ไม่ใช่ว่าตัวเองดังนะครับ ด้วยความที่คนไทยมีความเมตตาสูงและคำว่าตลกมันจะเข้าถึง”

นอกจากเป็นตลกแล้ว ยังมีพรสวรรค์ในด้าน การร้องเพลง และแต่งเพลง ได้แรงบันดาลใจมาจากไหน
“มันสมองซีกนี้ไม่ได้ใช้มาค่อนข้างจะนาน แต่ก่อนตอนเป็นลิเก เรื่องการแต่งกลอนมันอยู่ในสายเลือดอยู่แล้ว แต่งดีหรือไม่ดีก็ช่าง แต่ถือว่าแต่งกลอนได้ และเป็นคนที่ชอบฟังเพลง ในรถจะมีวิทยุทรานซิสเตอร์อยู่ 1 เครื่อง แบบบ้านนอกๆ เลย ไปไหนมาไหนจะต้องมีติดไว้ตลอด ฟังเพลงทุกแนว รุ่นเก่ารุ่นใหม่ฟังหมด

อย่างเพลง “กินตับ” มันเป็นมุขการแสดงบนเวที พอดีตอนนั้นเปิดไปเจอเพลง Right Now ของ Akon ที่มันเริ่มว่า…. Its been so long......long long long ก็มาร้องเป็น ไปเที่ยวกันไหม ไหม ไหม เอาของเค้ามาแค่นี้ (ยิ้ม) ที่เหลือเราก็เอาความเป็นลิเกมาใส่ แล้วก็ทำเป็นซิงเกิ้ลใส่ CD ไว้ 3 แผ่น ให้ พี่หม่ำ โหน่ง และผม คนละ 1 แผ่น เอาไว้บ้านฟังเวลานั่งดริ๊งกัน ความคิดเป็นอย่างนั้น

แต่เพื่อนฝูงในหลายวงการมาฟังแล้วชอบ แล้วขอไปฟัง ก็เลยหลุดไป บังเอิญดังขึ้นมา เริ่มมีการดาวน์โหลด มีเงินเข้ามา ก็เลยแต่งเพลงมาอีกเรื่อยๆครับ”

ปกติแล้วคนมักมองว่าตลกเจ้าชู้ แล้ว พี่เท่ง เจ้าชู้ไหม?
พี่ไม่ได้เจ้าชู้ แต่ไม่รู้จะเลือกใคร (หัวเราะ) แต่สุดท้ายก็มาเลือกภรรยานี่ล่ะ (ยิ้ม) คำว่าเจ้าชู้เนื่องด้วยความเป็นตลกมันโดดเด่นขึ้นมา เมื่อก่อนคนจะพูดถึง พระเอก นางเอก ไม่มีใครพูดถึงตลก พอมาถึงยุคนี้ ตลกหนุ่มๆ เยอะ เจ้าชู้ มีแฟนสวย แต่ผมว่าความเจ้าชู้มันมีทุกคน

เมื่อก่อนผมถีบสามล้อ หมายังไม่มองเลย ไม่เห่าด้วยซ้ำ ไม่รู้มันจะเห่าทำไม เสียเสียงมัน แต่ความเป็นตลก มีชื่อขึ้นมาแล้ว แน่นอนว่าเพศตรงข้ามก็เข้ามาหา เข้ามาขอลายเซ็น ขอถ่ายรูป และขออยู่ใกล้ๆ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับตัวเรา ถ้าเราเหลิง ซึ่งก็มีบางคนเป็น สุดท้ายก็ไม่เหลืออะไรเลย จะพยายามทำตัวไม่ให้เหลิง อีกอย่างโชคดีที่มีครอบครัวแล้ว ชีวิตผมจะขับรถยี่ห้อไหนก็ได้ถ้าผมตัวคนเดียว เป็นเพล์บอย ได้เต็มตัวเลย แต่ทุกวันนี้ ทำไม่ได้แล้ว เนื่องด้วยความคิดที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้น

ให้ความสำคัญและเวลากับครอบครัวมากแค่ไหน
มีเวลาไม่มากเลยครับ แต่ถ้ามีเวลาเมื่อไหร่ก็จะให้เต็มที่ คือถ้ามีโปรเจ็ค หรืองานอะไรบางอย่าง เช่น แก๊งค์ 3 ช่า คาราบาว ถ้ามีโปรเจคนี้แน่นอน จะอยู่กับครอบครัวค่อนข้างจะน้อยมาก หรือโปรเจ็คทำหนัง บางทีก็จะให้ครอบครัวมาหาที่กองถ่ายบ้าง ลูกๆ จะรู้คิวงานผม พรุ่งนี้คุณพ่อหยุด ผมจะตื่นเช้าทำกับข้าวไว้ให้ แต่ลูกๆ จะไม่พาคุณพ่อไปเที่ยวห้าง นอกจากจะไม่ไหวจริงๆ ถึงจะให้คุณพ่อไป เพราะเคยไปแล้วคุณพ่อไม่ได้ดูแลพวกเค้าเลย เพราะคุณพ่อต้องไปถ่ายรูป

ลูกๆ มองคุณพ่อเป็นไอดอล เลยใช่ไหม
ก็คงจะมีบ้างครับ (ยิ้มกริ่ม) ส่วนตัวผมเองไม่ได้เพอร์เฟคไปทุกอย่าง มีข้อเสียลูกก็รู้ หลักการสอนลูกๆของผมก็คือ ทุกคนต่างมีหน้าที่และทำหน้าที่ให้ดีที่สุด หน้าที่ของพวกเค้าคือเรียนหนังสือให้ดีที่สุด จะได้รับใบปริญญาหรือไม่ได้รับก็ตาม คนเราจะดีไม่ดีไม่เกี่ยวกับใบปริญญา ขึ้นอยู่กับตัวเอง แต่ถ้าได้ปริญญามันจะศักดิ์สิทธิ์ที่สุด นี่คือความคิดของครอบครัวผมนะครับ

เรื่องราวความประทับใจในครอบครัว
มีความประทับใจทุกๆวัน ก่อนออกจากบ้านจะหอม จะจุ๊บปากลูก ลูกจะบอกโชคดีค่ะ ทุกครั้งที่ออกจากบ้านเสมอ ถ้าวันไหนไม่เจอกัน 2-3 วัน ที่บ้านผมจะมีกระดานไวท์บอร์ดเอาไว้ เขียนทิ้งข้อความไว้ให้ลูกอ่าน พอลูกๆ กลับจากโรงเรียนก็จะเขียนตอบกลับเหมือนได้คุยกัน ลูกจะรู้ว่าพ่อคนนี้ไม่มีมือถือ ไม่มีการสื่อสาร

เมื่อไม่มีโทรศัพท์แล้วติดต่องานอย่างไร
ไม่มีปัญหาเลยครับ ผมจะมีตารางงานแต่ละวันอยู่แล้ว ซึ่งมีผู้จัดการดูคิวงานให้ 15 ปีแล้วที่ผมไม่ใช้มือถือครับ ใช้อะไรไม่เป็นสักอย่าง คิดถึงลูกผมก็จอดรถข้างทางหยอดเหรียญโทรคุยกับลูก เพราะมือถือมันมาสร้างเงื่อนไขกับชีวิตมนุษย์คนนี้ เมื่อก่อนผมไม่มี ผมก็อยู่ได้ ผมคิดอย่างนั้น

ฝากถึงน้องๆ รุ่นใหม่ที่มีความฝัน
น้องๆ ยังดีที่มีความฝัน ผมอิจฉาน้อง ๆ ที่มีความฝันอยากเป็นดารา อยากเป็นตลก ผมไม่เคยมีความฝันเลยในชีวิต ฝันอย่างเดียวขอให้มีงานทำ ถีบสามล้อหาเงินมาให้แม่ อยากกินอะไรค่อยขอแม่ สามล้อ แบกปูน ก่อสร้าง ขอแค่ให้มีงานทำ ไม่เคยคิดฝันจะได้เป็นดารา

แต่ด้วยความที่ทำความดีหรือบุญเก่าไม่รู้ กตัญญูต่อพ่อแม่ ครูอาจารย์ ชีวิตถึงมาแบบนี้ พี่ชื่นชมที่น้องมีความไฝ่ฝัน แต่ความไฝ่ฝันน้องอย่าตั้งความฝันที่สูงเกินไป ไม่ใช่ว่าทุกคนเข้าวงการทุกคนจะต้องไปถึง เจมส์จิ มาริโอ้ แล้วคุณจะผิดหวัง ถ้าคุณทำได้คุณดวงดี แต่ถ้าทำไม่ได้คุณต้องคิดบวก และจงภูมิใจเถอะว่าได้เดินเส้นทางเดียวกับพวกเค้า เหมือนกับเอ็กตร้าทั่วๆไป ถ้าดังขึ้นมาก็โชคดี ถ้าไม่ดังก็จงภูมิใจเถอะ ไปไม่ถึงฝั่งฝันก็ช่าง จงภูมิใจว่าชีวิตนึงได้เดินเส้นทางเดียวกัน (ยิ้ม)

 

อัลบั้มภาพ 24 ภาพ

อัลบั้มภาพ 24 ภาพ ของ ตลกอัจฉริยะ เท่ง เถิดเทิง ชีวิต 15 ปี ไร้เครื่องมือสื่อสาร!!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook