ดนตรีสร้างชีวิต สงกรานต์ - รังสรรค์ ปัญญาเรือน

ดนตรีสร้างชีวิต สงกรานต์ - รังสรรค์ ปัญญาเรือน

ดนตรีสร้างชีวิต สงกรานต์ - รังสรรค์ ปัญญาเรือน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผมเกิดและเติบโตที่จังหวัดลําปาง พ่อแม่แยกทางกันตอนผมอยู่ ป.1 ในวัยเด็กผมเป็นเพียงเด็กเกเรคนหนึ่งที่มีใจรักการเล่นกีตาร์เท่านั้น ผมเรียนอยู่ที่ลําปางจนถึง ม.5 แล้วย้ายมาอยู่กับน้าที่จังหวัดนครราชสีมา น้าของผมเปิดโรงเรียนสอนดนตรีผมจึงได้ฝึกเล่นกีตาร์คลาสสิกอย่างจริงจัง โดยน้าคอยสอนคอยชี้แนะให้อย่างใกล้ชิด ผมฝึกซ้อมอย่างหนักจนสุดท้ายก็ฝีมือดีพอจะเป็นครูสอนกีตาร์คลาสสิกให้เด็กๆ ในโรงเรียนสอนดนตรีของน้าได้

ช่วง ม.ปลาย ผมตั้งวงดนตรีกับเพื่อน เริ่มแกะเพลงไปจนถึงเขียนเพลงเอง แล้ววันหนึ่งผมกลับรู้สึกว่ากีตาร์คลาสสิกไม่ใช่ทางของผม แม้จะรู้สึกภูมิใจทุกครั้งที่เล่นเพลงใหม่ๆ ได้ แต่ภายในใจกลับรู้สึกว่า “ทําไมเราเครียดจังวะ ทําไมเราเล่นแล้วไม่มีความสุขเลย”

วันหนึ่งผมจึงบอกน้าว่าอยากไปเรียนกีตาร์บลูส์ น้าโมโหมาก เพราะเขาสอนกีตาร์คลาสสิกให้ผมมาตั้งแต่แรกจากนั้นเราก็ทะเลาะกันใหญ่โต จนผมออกจากบ้านน้ามาเช่าบ้านอยู่เอง เพียงเพราะคิดว่า “ไม่ว่าเส้นทางชีวิตข้างหน้าจะลําบากแค่ไหนเราก็ขอเลือกอนาคตและความสุขของตัวเอง”

จากวันนั้นชีวิตของผมก็เริ่มจากศูนย์ ผมยังคงต้องเรียนเพื่อให้จบ ม.6 แต่ผมไม่มีเงินติดตัวเลย จึงต้องรับจ้างทํางานทุกอย่างเพื่อให้มีเงินพอกินพอใช้ ช่วงนั้นตอนกลางคืนผมเล่นกีตาร์ที่ร้านอาหารพอให้มีรายได้เลี้ยงตัวเอง หลังจากเรียนจบ ม.6 มาได้อย่างทุลักทุเล ผมก็เดินหน้าทํางานอย่างจริงจัง โดยหวังว่าสักวันจะต้องทํางานหาเลี้ยงแม่และยายให้ได้ ผมทํางานทุกอย่าง ตั้งแต่พนักงานขายรองเท้าในห้างสรรพสินค้า เด็กเสิร์ฟ เด็กจัดโต๊ะ ทําขนมรังผึ้งขาย ทอดลูกชิ้นขาย แล้วแต่โอกาสจะพาไป


แต่งานหนึ่งที่ผมทํามาตลอดและ ไม่เคยทิ้งเลยคือ การเล่นดนตรี

อยู่มาวันหนึ่งขณะที่ผมกําลังทอดลูกชิ้นขาย “มีน” เพื่อนสนิทของผมซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกวงดนตรี “เดอะแบนตั้ม”(The Bantam) ที่เราชักชวนเพื่อนสมัย ม.ปลายที่เคยเล่นดนตรีด้วยกันมาตั้งวงดนตรี เพื่อรับงานอย่างจริงจัง เขาเอาใบสมัครประกวดร้องเพลงรายการเดอะวอยซ์ (The Voice) ที่กรอกเสร็จเรียบร้อยแล้วมายื่นให้ และบอกให้ผมไปสมัคร แต่ผมไม่สนใจและบอกเพื่อนไปว่าผมเป็น “มือกีตาร์” ไม่ใช่ “นักร้อง” แม้ผมจะเคยขึ้นเวทีร้องเพลงตามร้านอาหารมาบ้าง แต่ผมไม่เคยคิดจะไปสู้กับผู้เข้าประกวดชั้นเซียนในรายการนั้นเลย

“แกแค่ไปเพื่อให้ได้ออกทีวี เพื่อประกาศตัวว่ามีวงดนตรี คนจะได้รู้จักวงของเรา จะได้มีงานมากขึ้น”

ด้วยเหตุผลเท่านี้เองที่ผมตัดสินใจส่งใบสมัครในวันรุ่งขึ้น การผ่านรอบออดิชั่นที่โคราชเข้าสู่รอบบลายด์ออดิชั่น(Blind Audition)และได้ออกทีวีมันเหมือนกับถูกหวย ผมคิดว่านี่แหละถึงเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้แล้ว แต่สุดท้ายพี่แสตมป์(อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข) ก็หันมาเลือกผมเข้าทีม

ตลอดระยะเวลาที่เข้ารอบมาเรื่อยๆ ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้เป็นแชมป์ คิดเพียงว่าต้องทําให้แต่ละโชว์ออกมาดีที่สุด ขนาดตอนที่ประกาศชื่อแชมป์เดอะวอยซ์ ผมก็ยังยืนงง ไม่คิดว่าเป็นตัวเองเลย จนกระทั่งพี่แสตมป์วิ่งขึ้นมากอดบนเวที

หลังจากได้ตําแหน่งแชมป์ ชีวิตความเป็นอยู่ของผมก็ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ผมสามารถหาเลี้ยงแม่และยายได้ ท่านทั้งสองเป็นแรงผลักดันที่สําคัญที่สุดในชีวิตผม การที่ทําให้แม่และยายมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านทั้งสองต้องการได้ ผมถือว่าเป็นสิ่งที่ผมภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตแล้ว ทุกวันนี้ผมทําได้อย่างที่หวังทุกอย่าง นั่นเป็นเพราะ “ดนตรี” ที่นําทางให้ผมก้าวมาสู่เป้าหมายสูงสุดในชีวิต

Secret Box:
จงเลือกทางเดินชีวิตของตัวเอง ดีกว่าเดินตามเส้นทางอันสวยหรูที่คนอื่นกําหนดไว้ให้
รังสรรค์ ปัญญาเรือน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook