เผยสาเหตุ “คบซ้อน” เพราะใช้แต่สมอง “ส่วนอยาก”

เผยสาเหตุ “คบซ้อน” เพราะใช้แต่สมอง “ส่วนอยาก”

เผยสาเหตุ “คบซ้อน” เพราะใช้แต่สมอง “ส่วนอยาก”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การมีแฟนนั้นสิ่งสำคัญต้องนึกถึงใจเขาใจเรา เพราะเวลามีสัมพันธภาพกับใคร ก็ต้องการให้มีความไว้วางใจน่าเชื่อถือ หากเราต้องการได้รับสิ่งเหล่านี้ ก็ต้องทำในสิ่งเดียวกัน ทั้งนี้คนเรามีสมองส่วนอยาก ซึ่งไม่มีที่สิ้นสุด จึงสามารถไขว้เขวได้ แต่คนเราจะสามารถยับยั้งพฤติกรรมเหล่านี้ได้ ด้วยสมองส่วนคิด ที่มีความเข้มแข็งมากกว่า

แต่หากมีการคบซ้อนเป็นเพราะเราใช้แต่สมองส่วนอยาก โดยไม่ได้มีการใคร่ครวญ ผู้ที่กระทำการคบซ้อนเพราะคิดว่าตัวเองมีสิทธิ แต่ลืมคิดว่าหากเป็นตัวเอง ก็คงไม่อยากให้การคบตัวเองเป็นเพียงแค่ทางเลือก ดังนั้นการตามใจตัวเองที่สุดก็จะมีปัญหา

จากการศึกษาพบว่า คนที่ผ่านเหตุการณ์ความเปลี่ยนแปลงในชีวิตมาวันหนึ่ง เขาจะสามารถกลับมาเข้มแข็งได้ และสามารถมองโลกได้กว้างขึ้น แต่สำหรับคนที่ยังรู้สึกแย่ ควรคุยกับเพื่อน กับครอบครัว หรือปรึกษานักจิตวิทยาได้ ส่วนคนใกล้ชิดก็ให้ยึดหลัก 3 ส ได้แก่ 1.สอดส่องมองหาคนใกล้ว่ามีปัญหา 2.ใส่ใจรับฟัง และ 3.ส่งต่อเชื่อมโยง

เมื่อถามว่านอกจากความสัมพันธ์ของ คน 2 คนแล้ว คนเสพสื่อบนโซเชียลมีเดียก็มีอารมณ์ร่วม ตอบโต้รุนแรง ยั่วยุให้เลิกกัน กรณีนี้จะเรียกว่า เบลมสปีช (blame Speech) คือการตำหนิกันเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว โดยเริ่มใช้ถ้อยคำตำหนิที่รุนแรง ต้องยึดหลัก 2 ไม่ 1 เตือน ประกอบด้วย 2 ไม่ คือ 1.ไม่สื่อสารความรุนแรง 2.ไม่ต่อความรุนแรง และ เตือน ด้วยถ้อยคำที่สุภาพและนำเสนอข้อมูลข้อเท็จจริง

คนเสพข่าว และแสดงความคิดเห็น หรือส่งต่อข้อความต่างๆ นั้น จะเป็นตัววัดคุณภาพของจิตใจ ถ้าสุขภาพจิตไม่ดีก็จะส่งสารที่แย่ๆ ออกไป และการเข้าไปในสังคมออนไลน์จะขาดการยับยั้งชั่งใจ ดึงเอาสิ่งที่ไม่ดีออกมาส่งต่อ ดังนั้นต้องอย่าลดระดับคุณภาพจิตของตัวเอง ให้ต่ำด้วยการส่งต่อข้อความที่ไม่ดี

ทั้งนี้ สภาพจิตเป็นเรื่องสำคัญ คือ อารมณ์ด้านบวกต้องมีให้มาก มีอารมณ์ด้านลบให้น้อย มีคุณภาพจิตที่ดี มีความสามารถทางจิตใจ เช่น การจัดการกับอารมณ์และความเครียด มีความเข้าอกเข้าใจผู้อื่น หากจะเดินหน้าต่อไปก็ต้องรู้จักนำเรื่องนี้ มาปรับใช้ทำให้คุณภาพจิตของเราดี ไม่ทำให้สุขภาพจิตเราต่ำลง

ข้อมูลจาก: กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook