สงสัยหรือไม่ ผู้ชายญี่ปุ่นกันคิ้วทำไม!?

สงสัยหรือไม่ ผู้ชายญี่ปุ่นกันคิ้วทำไม!?

สงสัยหรือไม่ ผู้ชายญี่ปุ่นกันคิ้วทำไม!?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คุณผู้อ่านเคยสังเกตใบหน้าของหนุ่ม ๆ ชาวญี่ปุ่นกันไหมคะ ว่าเหตุใด หน้าตาของหนุ่ม ๆ ชาตินี้จึงได้หวานละมุนกันนัก โดยเฉพาะ “คิ้ว” ที่จัดแต่งทรงได้รูป เป๊ะกว่าผู้หญิงเราซะอีก  ครั้งที่แรกที่ผู้เขียนสังเกตเห็นคิ้วของหนุ่ม ๆ เหล่านี้ ก็เกิดมีความรู้สึก “เอ๊ะ!” อยู่ในใจเช่นกันค่ะ เพราะหากหนุ่มไทยกันคิ้วซะโก่งแบบหนุ่มญี่ปุ่นขนาดนี้ก็มักจะถูกสาว ๆ มองว่าเป็นเกย์ไปซะหมด

วันนี้ ANNGLE จะพาทุกคนไปหาคำตอบว่า เหตุใดคิ้วของหนุ่มญี่ปุ่นถึงได้เป๊ะปังขนาดนี้ ซึ่งก็มีหลากหลายทฤษฎีด้วยกันค่ะ

ทฤษฎีที่ 1: กิจวัตรการแต่งกายที่เข้มงวด เป็นส่วนหนึ่งของประเพณีญี่ปุ่นมายาวนาน ตั้งแต่สมัยเฮอัน
ทฤษฎีนี้ได้บอกกับเราว่า การจัดแต่งทรงคิ้วของหนุ่ม ๆ แดนอาทิตย์อุทัยนั้นไม่ใช่เทรนด์แปลกใหม่ แต่มีมาอย่างยาวนานนับศตวรรษแล้ว ซึ่งความนิยมในการแต่งทรงคิ้วของผู้ชายชาวญี่ปุ่นนั้นมีประวัติศาสตร์อันยาวนานมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 หรือปลายสมัยเฮอันเลยทีเดียว ในสมัยนั้นเหล่าขุนนางและชนชั้นสูงจะโกนขนคิ้วแล้วทาสีทับใหม่ เพื่อทำให้ใบหน้าดูกว้างและสมดุลมากยิ่งขึ้น

และไม่ใช่เฉพาะคิ้วของผู้ชาย แต่การลบคิ้วที่ขึ้นตามธรรมชาติและวาดคิ้วที่เหมือนรอยเปื้อนเล็ก ๆ บนหน้าผากก็เป็นที่นิยมของหญิงสาวในสมัยเฮอันเช่นกัน โดยการวาดคิ้วใหม่เช่นนี้เรียกว่า ฮิคิมายุ ( 引眉 ) มาจากอักษรคันจิ 2 ตัว คือ 引 (ฮิคิ) ที่แปลว่า ดึง และ 眉 (มายุ) ที่แปลว่า คิ้ว นั่นเอง ชนชั้นสูงของญี่ปุ่นในสมัยก่อนจะถอนขนคิ้วและแต่งคิ้วใหม่ด้วยผงหมึกที่เรียกว่า ไฮซุมิ ซึ่งทำจากเขม่าผสมกับน้ำมันงาหรือน้ำมันดอกคาโนล่า ซึ่งตรงกันข้ามกับความเชื่อของผู้ชายเอเชียตะวันออก (จีนและเกาหลี) สมัยก่อนที่เชื่อว่า คิ้วที่หนา ดกดำ เป็นโหงวเฮ้งแห่งความมั่งคั่ง

ทฤษฎีที่ 2: กันคิ้วเพื่อให้ใบหน้าดูอ่อนโยน ดูเป็นเด็กผู้ชายที่น่ารัก
คุณผู้อ่านเคยเดินดูที่แผนกขายของเบ็ดเตล็ดสำหรับความสวยความงามที่ญี่ปุ่นหรือไม่คะ? หากเคยจะพบว่า อุปกรณ์ตัดแต่งและเสริมหล่อของเหล่าสุภาพบุรุษที่ญี่ปุ่นนั้นมีให้เลือกมากมายพอ ๆ กับของสุภาพสตรีเลย ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์จัดแต่งทรงคิ้ว ย้อมสีคิ้ว เทปทำตา 2 ชั้นสำหรับผู้ชาย หรือแม้กระทั่งมาสคาร่าสำหรับผู้ชายก็มีค่ะ

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมความงามของมนุษย์เพศชายนั้นได้ขยายตัวเป็นอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งสายตาของหนุ่มญี่ปุ่นทั่วไปนั้นมองว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้ชายจะให้ความใส่ใจกับความสวยงามของผิวพรรณและเส้นผมของตัวเอง เฉกเช่นเดียวกันกับผู้หญิง และแน่นอนว่า ขนคิ้วเองก็ไม่ใช่ส่วนที่พวกเขาจะทอดทิ้งไม่ใส่ใจ

 

หากยกตัวอย่างดาราชายคิ้วเป๊ะตลอดกาล ก็คงจะเป็นจิน อากานิชิ หรือ ซาโต้ ทาเครุ สองหนุ่มนักแสดงชื่อดังที่เป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาของชาวญี่ปุ่น ซึ่งมักปรากฏตัวพร้อมรูปทรงคิ้วที่เป๊ะปังอยู่เสมอ จนมีภาพจำว่าเป็น บิโชเน็น (美少年) หรือพริตตี้บอยนั่นเอง

ส่วนที่ต้องตัดให้คิ้วบาง ๆ เพราะหนุ่ม ๆ วัยรุ่นหลายคนทำสีผมค่ะ คิ้วที่ดูดกดำ ก็จะขัดกับผมสีสว่าง ๆ ก็เลยต้องตัดแต่งขนคิ้วให้บางลงจนเป็นสีเทา เพื่อให้เข้ากับสีผมนั่นเองค่ะ

ทฤษฎีที่ 3: เพื่อให้มีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม
เป็นที่รู้กันว่าสาวญี่ปุ่นนั้นดูแลตัวเองอย่างดีเป็นที่หนึ่ง โดยเฉพาะการแต่งหน้าและการแต่งตัว แม้แต่จะออกไปทิ้งขยะหน้าบ้านยังต้องแต่งหน้าออกไป การหน้าสดไปพบเจอใครถือว่าเสียมารยาทอย่างมาก บางธุรกิจบริการที่ต้องการพนักงานที่บุคลิกและหน้าตาดี ถึงกับมีคอร์สสอนแต่งหน้าให้กับพนักงานเลยทีเดียว

การที่พวกเธอใส่ใจดูแลตัวเองแลลนี้ แน่นอนว่าหนุ่ม ๆ ที่จะมาเดินเคียงข้างพวกเธอก็ต้องเนี้ยบไม่แพ้กัน เพราะความประทับใจแรกของคนเรา 20 วินาทีแรกสำคัญที่สุด ไปเดทกับหนุ่มครั้งแรก เราไม่รู้หรอกว่าเขานิสัยใจคอดีแค่ไหน การงานและเงินในบัญชีเป็นอย่างไร ดังนั้นรูปลักษณ์ภายนอกก็เป็นหนึ่งในการประเมินผลที่สาวญี่ปุ่นก็ให้ความสำคัญในการออกเดท และสิ่งที่สาว ๆ จะใช้ตัดสินถึงการดูแลสุขอนามัยที่ดีของผู้ชายที่ออกเดทด้วยก็คือ “ขนคิ้ว” ของพวกเขานั่นเอง หากไม่จัดแต่งทรงคิ้วให้เรียบร้อย ก็จะถูกมองว่าไม่ใส่ใจตัวเอง ไม่ได้จริงจังที่จะออกมาเจอก็เลยไม่เตรียมตัว หรืองานที่เขาทำต้องยุ่งมากจนไม่มีเวลามาเจอเราอีกแน่ ๆ

อย่างสามีผู้เขียนเองทำงานในสายการแพทย์ เรื่องขนคิ้วนี่ถ้าไม่ได้ไปร้านตัดผม (ร้านตัดผมผู้ชายในญี่ปุ่นมีบริการกันคิ้ว กันจอนให้เรียบร้อยค่ะ) แน่นอนว่าคิ้วก็ยังรก ๆ ไม่ได้จัดแต่งเป็นทรงเหมือนหนุ่มญี่ปุ่นทั่วไปเลย เพื่อนร่วมงานของสามีก็เช่นกัน รูปแบบทรงคิ้วและทรงผมก็ไม่ค่อยจะหล่อสะดุดตาเหมือนหนุ่ม ๆ ที่เจอบนรถไฟเท่าไหร่ค่ะ ซึ่งผลสำรวจบางชิ้นของญี่ปุ่นถึงกับบอกว่า อาชีพแพทย์หรือนักบินมักเป็นอาชีพแรก ๆ ที่สาวญี่ปุ่นไม่คิดจะจริงจังด้วย เพราะไม่มีเวลาให้ แต่ผลสำรวจของบริษัทหาคู่บางบริษัทก็บอกว่า สายการแพทย์และทนายความนี่แหละ ที่สาว ๆ อยากออกไปเดทด้วยมากที่สุด อันนี้ก็แล้วแต่ความพอใจค่ะ แต่ตอนผู้เขียนเจอกับสามีครั้งแรกก็ไม่ได้ดูไปถึงคิ้วแบบสาวญี่ปุ่นนะ

นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านบุคคลิกภาพยังได้กล่าวว่า การจัดแต่งทรงคิ้วของหนุ่ม ๆ ให้ดูบางเรียว จะทำให้พวกเขาดูอ่อนโยนและมีความก้าวร้าวน้อยลง แถมทำให้ดูเป็นผู้ชายที่เข้าถึงง่ายด้วยค่ะ หนุ่ม ๆ ที่ทำงานด้านการขาย การบริการลูกค้า งานธนาคาร บอกเลยว่าคิ้วเป๊ะทุกคน ในขณะที่ใบหน้าของหนุ่ม ๆ ในระดับผู้บริหารที่มักมีรูปปรากฏในเว็บไซต์บริษัทหรือบิลบอร์ดใหญ่ ๆ มักจะมีคิ้วหนาดกดำ เพื่อความน่าเชื่อถือขององค์กรค่ะ

เมโทรเซ็กชวลและการเติบโตของผลิตภัณฑ์เสริมความงามสำหรับเพศชาย
 

คำว่า เมโทรเซ็กชวล (Metrosexual) มาจากคำว่า Metropolitan และ Sexual เป็นคำที่ใช้นิยามเรียกผู้ชายที่รักสวยรักงาม ใส่ใจดูแลหน้าตาและผิวพรรณของตัวเองมากกว่าผู้ชายทั่วไป และด้วยความที่คนส่วนใหญ่ยังสับสนระหว่างคำว่า Metrosexual และ Homosexual จึงเข้าใจไปว่า กลุ่มผู้ชายที่รักสวยรักงามนี้เป็นพวกรักร่วมเพศหรือเกย์ แต่ความจริงแล้ว ผู้ชายแบบเมโทรเซ็กชวลเหล่านี้ ก็ยังมีความหลงใหลในเพศตรงข้ามอยู่ ซึ่งคำเรียกใหม่นี้เริ่มมีมาตั้งแต่ปี 1994 โดยนักเขียนชาวอังกฤษชื่อมาร์ก ซิมสัน เพื่อนิยามผู้ชายที่หมกหมุ่นกับหน้าตาและภาพลักษณ์ของตัวเองมากเกินไป ใช้เวลาและเงินจำนวนมากไปกับการรักษารูปลักษณ์ของตัวเองมากจนเกินไปนั่นเองค่ะ

จากบทความของ The Japan Times เรื่อง “Young Japanese men’s trend: Trying to look pretty” ที่ตีพิมพ์ในเดือนมิถุนายนปี 2012 ได้กล่าวว่า ความต้องการผลิตภัณ์เสริมความงามและเครื่องแต่งกายชายในญี่ปุ่นนั้นมีเพิ่มมากขึ้นในศตวรรษที่ 21 เนื่องจากเกิดความเชื่อในสังคมที่ว่า ผู้ชายที่ดูแลตัวเองดีคือผู้ชายที่ ‘เท่ห์’

พูดง่าย ๆ ก็คือ ผู้ชายญี่ปุ่นกลายเป็นผู้ชายในแบบเมโทรเซ็กชวลมากขึ้นทุกวัน ดังนั้นผลิตภัณฑ์ด้านความงามหลาย ๆ บริษัทในญี่ปุ่นจึงออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยทำการตลาดพุ่งเป้าไปที่ผู้ชาย เช่นมาส์กกระชับใบหน้าสำหรับผู้ชาย โฟมล้างหน้าสำหรับผู้ชายที่มีปัญหาหน้ามัน รูขุมขนกว้าง รวมไปถึงเครื่องตัดแต่งขนจมูกไฟฟ้าอีกด้วย

รู้อย่างนี้แล้วเวลาพบเจอหนุ่มญี่ปุ่นคราวหน้า ก็เลิกสงสัยได้แล้วค่ะว่าทำไมหนุ่มญี่ปุ่นคิ้วเป๊ะกันจัง เป็นเพราะหนุ่ม ๆ เค้ารู้จักดูแลตัวเองนั่นเองค่ะ

สรุปเนื้อหาจาก: livedoor
ผู้เขียน: A Housewife Wannabe

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook