FASHION X FILMS : 5 คอลเลคชั่นที่เกิดจากส่วนผสมของแฟชั่นกับเรื่องราวบนแผ่นฟิล์ม

FASHION X FILMS : 5 คอลเลคชั่นที่เกิดจากส่วนผสมของแฟชั่นกับเรื่องราวบนแผ่นฟิล์ม

FASHION X FILMS : 5 คอลเลคชั่นที่เกิดจากส่วนผสมของแฟชั่นกับเรื่องราวบนแผ่นฟิล์ม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แฟชั่นในยุคปัจจุบันคือสิ่งที่ไร้กฎเกณฑ์ เพราะมันอยู่ในทุกมิติของชีวิต และสามารถนำไปรวมได้กับทุกสิ่ง อย่างที่ MAIN STAND ได้นำเสนอไปแล้วหลายครั้งหลายครา ซึ่งในครั้งนี้ก็เช่นกัน เราจะพาทุกคนไปสำรวจในอีกแง่มุมหนึ่งของแฟชั่น เมื่อมันถูกนำมารวมกับเรื่องราวในภาพยนตร์หรือซีรี่ส์ ผลลัพธ์ที่ได้จะออกมาเป็นคอลเลคชั่นไอเท็มหน้าตายังไงกันบ้าง

และนี่คือ 5 คอลเลคชั่นที่เกิดจากส่วนผสมของแฟชั่นกับเรื่องราวบนแผ่นฟิล์มที่เราได้เลือกหยิบมา โดยจะเน้นคอลเลคชั่นที่วางจำหน่ายในปี 2019-2020 เป็นหลัก

เอาล่ะ 5...4...3...2...1... ไปชมพร้อมกันเลย

JAMES BOND X ADIDAS
James Bond คือแฟรนไชส์ภาพยนตร์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ดัดแปลงมาจากผลงานเขียนของ เอียน เฟลมมิง นักประพันธ์ชาวอังกฤษ โดยภาพยนตร์เรื่องแรกในซีรี่ส์สายลับสุดคลาสสิคนี้คือ Dr. No ออกฉายครั้งแรกในปี 1962 และนับจากวันนั้นถึงวันนี้เวลาก็ล่วงเลยมาแล้วกว่าเกือบหกทศวรรษ มีภาพยนตร์ในตระกูลทั้งหมด 25 เรื่อง (นับเฉพาะเรื่องที่สร้างโดย Eon Productions ผู้ถือลิขสิทธิ์นวนิยาย James Bond ของ เอียน เฟลมมิง อย่างเป็นทางการ) นอกจากนั้นยังมีการผลัดเปลี่ยนนักแสดงผู้รับบทสายลับ 007 มาแล้ว 6 คน โดยคนล่าสุดคือ แดเนียล เคร็ก ที่มารับบทนี้ตั้งแต่ภาค Casino Royale 


Photo : sneakernews.com

เมื่อพูดถึงแฟรนไชส์ James Bond นอกจากฉากแอ็คชั่นสุดมัน การหักเหลี่ยมเฉือนคม และหญิงสาวรูปงามแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่จะขาดไม่ได้เลยคือ “แฟชั่น” ที่ถือเป็นส่วนประกอบสำคัญในหนังทุกเรื่อง ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ตลอดระยะเวลาอันยาวนานที่ผ่านมา แฟรนไชส์ James Bond จะมีการร่วมมือกับแบรนด์แฟชั่นต่างๆ สร้างสรรค์คอลเลคชั่นไอเท็มต่างๆ ออกมาจำหน่ายมากมาย แต่ไอเท็มชิ้นล่าสุดถือว่าน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อ adidas แบรนด์แฟชั่นกีฬายักษ์ใหญ่มาจับมือร่วมกับ No Time To Die ภาพยนตร์ลำดับที่ 25 ในตระกูล ซึ่งมีกำหนดเข้าฉายในเดือนเมษายนปี 2020 เพราะนี่ถือเป็นคอลเลคชั่นทิ้งท้ายให้กับ แดเนียล เคร็ก ที่จะรับบทเป็นสายลับ 007 ภาคนี้เป็นภาคสุดท้าย

ไอเท็มดังกล่าวคือ James Bond x adidas ultraBOOST 20 ที่นำสนีกเกอร์โมเดลยอดนิยมมาสร้างสรรค์เอกลักษณ์ด้วยสีดำและสลักหมายเลข 007 ลงไป (ยังไม่แน่ชัดว่าใช้สีอะไร เพราะภาพในตอนแรกใช้สีทอง ขณะที่ภาพหลุดรองเท้าที่เพิ่งออกมาใช้สีดำ) ตัวรองเท้าทำจากผ้า Primeknit สีดำ เย็บด้ายสีเงินบริเวณด้านหน้า เพิ่มเติมด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ที่ด้านหลัง จับคู่กับพื้นรองเท้าด้านนอกที่ทำจากยางแบรนด์ Continental และโฟม BOOST รูปลักษณ์ที่ออกมาจึงดูเท่ โฉบเฉี่ยว ลดกลิ่นอายความเป็นสตรีทแวร์ลง แต่เพิ่มเติมด้วยกลิ่นอายของสายลับ

James Bond x adidas ultraBOOST 20 มีกำหนดวางจำหน่ายในฤดูใบไม้ผลิปี 2020 (ประมาณเดือนมีนาคม-มิถุนายน) ในส่วนของราคานั้นยังไม่มีประกาศออกมา

STAR WARS X ADIDAS
เช่นเดียวกับ James Bond เพราะ Star Wars คืออีกหนึ่งแฟรนไชส์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานไม่แพ้กัน เพราะภาพยนตร์เรื่องแรกในตระกูลอย่าง A New Hope (แต่ถือเป็นภาคที่ 4 ของเรื่องราว) เข้าฉายครั้งแรกในปี 1977 และมันก็ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล จนสามารถสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน โดย Star Wars: The Rise of Skywalker ภาพยนตร์ภาคที่ 9 ซึ่งถือเป็นภาคปิดมหากาพย์ตระกูลสกายวอล์กเกอร์อย่างสมบูรณ์เพิ่งเข้าฉายไปเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา


Photo : adidas.com

และเมื่อมันประสบความสำเร็จ แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาคือการร่วมมือกับแบรนด์ต่างๆ เข็นสินค้าออกมาวางจำหน่ายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นของเล่น, เกม, เครื่องใช้ในบ้าน, รวมถึงไอเท็มแฟชั่นต่างๆ ด้วย 

โดยในปี 2019 ที่ผ่านมา เหล่าแฟนบอย Star Wars ก็ต้องฮือฮาเมื่อแฟรนไชส์ภาพยนตร์นี้จับมือร่วมกับ adidas สร้างสรรค์สนีกเกอร์ออกมารวดเดียวถึง 6 รุ่น โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก 6 คาแรคเตอร์ในภาพยนตร์ที่แฟนๆ รัก ต้อนรับการเข้าฉายของ Star Wars: The Rise of Skywalker ในชื่อคอลเลคชั่น The adidas x Star Wars Characters-themed pack

ทั้ง 6 รุ่นนั้นดัดแปลงมาจาก 2 โมเดลยอดฮิตอย่าง NMD และ Nite Jogger โดยมีรายละเอียดดังนี้

อาร์ทูดีทู ตัวละครที่อยู่คู่กับแฟรนไชส์ Star Wars ภาคหลักมาทุกภาค โดยเจ้าหุ่นยนต์ตัวจิ๋วถูกนำเสนอผ่านโมเดล Nite Jogger เช่นเดียวกับ สตอร์มทรูปเปอร์ ทหารของฝ่ายจักรวรรดิ (ที่มีเอกลักษณ์กับการเป็นมือปืนเป้าสะอาด) โดยทั้ง 2 รุ่นนั้นโดดเด่นด้วยดีไซน์ที่เน้นวัสดุเรืองแสง ประดับด้วยโลโก้ประจำตัวละคร จี้ชาร์มที่เชือก สัญลักษณ์อาดิดาสแบบพิเศษที่ออกแบบให้เข้ากับแต่ละคาแรคเตอร์ และตราประจำตัวละครบริเวณส้นเท้า และที่น่าจะถูกใจเหล่าแฟนบอยคือข้อความ “OPEN THE BLAST DOOR!” อันเป็นเอกลักษณ์ของสตอร์มทรูปเปอร์


Photo : www.sneakers-actus.fr

อีก 4 คู่มาในโมเดล NMD โดย 2 คู่แรกได้รับแรงบันดาลใจจาก 2 ยอดฝีมือต่างขั้วอย่าง ดาร์ธ เวเดอร์ และ โยดา โดยมาในสไตล์โมโนโครม เพิ่มสีสันด้วยส้นรองเท้าและลิ้นรองเท้าสีเขียวสดใส เช่นเดียวกับรุ่นอื่นๆ ที่จะมีจี้ชาร์มที่เชือกและสัญลักษณ์อาดิดาสแบบพิเศษที่ออกแบบให้เข้ากับตัวละคร แต่ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่บริเวณส้นเท้าซึ่งมีสโลแกนในตำนานอย่าง “JOIN ME AND TOGETHER WE CAN RULE THE GALAXY” และ “DO. OR DO NOT. THERE IS NO TRY.” ด้วย


Photo : Champs Sports

2 คู่สุดท้ายได้รับแรงบันดาลใจจาก 2 คาแรคเตอร์พลังหญิงอย่าง เรย์ และเจ้าหญิงเลอา ซึ่งแน่นอนว่าเป็นรุ่นที่ถูกออกแบบมาเพื่อสุภาพสตรีโดยเฉพาะ โดยคู่ของเรย์จะมาในสีน้ำตาลอ่อนตัดกับส้นรองเท้าสีฟ้า พร้อมสโลแกน “LIGHT. DARKNESS. A BALANCE.” ที่แถบส้นเท้า ส่วนของเจ้าหญิงเลอานั้นมีดีไซน์การใช้สีน้ำแต้มจุด ตัดกับสีขาว สีดำ สีแทน และสีมารูนเข้าด้วยกันอย่างลงตัว พร้อมด้วยสีทองที่เชือกรองเท้า ซึ่งมีทีเด็ดคือตัวอักษร “HOPE” บริเวณหลังเท้าทั้งสองข้าง


Photo : www.kicksonfire.com

The adidas x Star Wars Characters-themed pack วางจำหน่ายไปแล้วเมื่อวันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมา สำหรับโมเดล Nite Jogger ราคาจะอยู่ที่คู่ละ 5,200 บาท ส่วนโมเดล NMD ราคาอยู่ที่คู่ละ 5,000 บาท

และนอกจาก The adidas x Star Wars Characters-themed pack ที่จับเอาคาแรกเตอร์ตัวละครมาผสมผสานสนีกเกอร์แล้ว ในช่วงเวลาใกล้เคียงกันยังมีอีกหนึ่งคอลเลคชั่นคือ adidas x Star Wars 2019 Collection "Lightsaber-themed pack" ที่จับเอาสีของของดาบไลท์เซเบอร์ มาเป็นแรงบันดาลใจ ดัดแปลงโมเดลสนีกเกอร์ที่มีอยู่แล้วให้แตกต่างไปจากเดิม


Photo : www.esquireme.com

เริ่มจากโมเดล Harden Vol. 4 ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Mace Windu เจ้าของไลท์เซเบอร์สีม่วง (ซึ่งจัดให้ตามคำขอของ ซามูเอล แอล. แจ็คสัน ผู้รับบทบาทในภาพยนตร์) จึงใช้สีม่วงเป็นหลักในการออกแบบรองเท้า

คู่ต่อมาคือ Dame 5 สนีกเกอร์ซิกเนเจอร์ของ เดเมี่ยน ลิลลาร์ด ผสมผสานเข้ากับสีเขียวซึ่งเป็นสีของดาบไลท์เซเบอร์ของ Luke Skywalker

ขยับไปที่ฝั่งจักรวรรดิกันบ้างกับ Crazy 1 และ Rivalry Low ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Darth Vader และ ไลท์เซเบอร์สีแดงของฝั่ง Dark Side

Top Ten รองเท้าสุดคลาสสิคที่มาในธีมสีฟ้าสีเดียวกับดาบคู่ใจของ Obi-Wan Kenobi 


Photo : www.modern-notoriety.com

D Rose 10 เป็นอีกคู่ที่ถูกหยิบจับมาในธีมสีฟ้าสีของไลท์เซเบอร์ฝั่งเจได


Photo : www.modern-notoriety.com

D.O.N ISSUE 1 รองเท้าบาสสำหรับเด็ก เป็นไลท์เซเบอร์สีฟ้าของ Luke Skywalker ซึ่งเขาเคยใช้ไลท์เซเบอร์สีนี้ในอดีตก่อนเปลี่ยนเป็นสีเขียวในเวลาต่อมา


Photo : www.modern-notoriety.com

Pro Next จะเป็นการออกแบบของทั้งฝั่ง Dark Side และ The Force พร้อมลายกราฟิกการ์ตูนบนตัวรองเท้า


Photo : www.modern-notoriety.com

ทั้งหมดจะมีตัวอักษร Aurebesh ที่เป็นภาษา Galactic Basic ในภาพยนตร์ Star Wars สลักไว้บนรองเท้า ไม่ว่าจะเป็น Heel Tab ตรงส้นเท้า หรือตรงส่วนอื่นๆ 


Photo : www.modern-notoriety.com

โดยรองเท้าในคอลเลคชั่นนี้ ราคาอยู่ที่คู่ละประมาณ 70-140 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 2,100-4,200 บาท แตกต่างกันไปในแต่ละโมเดล โดยวางจำหน่ายไปแล้วเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2019 ที่ผ่านมา

ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น!

เรียกว่าปิดมหากาพย์สกายวอล์กเกอร์ทั้งทีก็ต้องเอาให้ยิ่งใหญ่สุดๆ เพราะนอกจากจะหยิบตัวละครและดาบไลท์เซเบอร์มาเป็นแรงบันดาลใจแล้ว อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ใน Star Wars คือ “ยาน” 

เช่นเดียวกัน ในช่วงเดือนพฤศจิกายนปี 2019 ก็ได้มีอีกหนึ่งคอลเลคชั่นออกมาเอาใจสาวกกับ Star Wars x adidas Space Battle-Themed Pack ที่หยิบเอา 3 ยานชื่อดังในเรื่องมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์รองเท้า 3 รุ่น

คู่แรกเป็นการหยิบรองเท้าโมเดล UltraBOOST S&L มารวมเข้ากับยาน X-Wing Starfighter ยานรบที่ Luke Skywalker ใช้ถล่ม Death Star ตัวรองเท้าใช้สีเทาและส้ม อันเป็นสีหลักของยาน นอกจากนั้นยังเคลือบวัสดุสะท้อนแสงลงบนผ้าตาข่ายตรง Upper ที่ช่วยขับให้รองเท้าโดดเด่นยิ่งขึ้น ปิดท้ายด้วยไฮไลท์สำคัญที่มีการสลักข้อความ Stay on target และ The force will be with you, always ลงบนแถบป้ายตรงส้นเท้า


Photo : www.runnersworld.com

คู่ที่สองเป็นการหยิบโมเดล UltraBOOST 19 มารวมเข้ากับ ยาน Millennium Falcon ของ Han Solo ยานรบที่โด่งดังที่สุดในมหากาพย์สงครามดวงดาว โดยมาในสีเทาเป็นหลักซึ่งเป็นสีเดียวกับตัวยาน ก่อนจะเติมสีฟ้าบริเวณส้นเท้า และแน่นอนว่าต้องมีการสลักวลีเด็ดของ Han Solo เจ้าของยาน อย่าง Jump to lightspeed และ Never tell me the odds ลงไปด้วย


Photo : www.themacho.co

ปิดท้ายด้วยการหยิบโมเดล Alphaedge 4D มารวมกับสถานีอวกาศยักษ์ใหญ่ของฝ่ายจักรวรรดิ Death Star โดยจะมีดีเทลพิเศษบริเวณ Upper ที่ถักทอขึ้นจากวัสดุที่สามารถเรืองแสงได้ ส่วน Midsole จะเป็นสีเขียวตัดกับสีดำสนิทของ Upper และที่สำคัญคือมีประโยคของ Obi-Wan Kenobi และ Darth Vader อย่าง That’s no moon และ The power of the dark side สลักไว้บริเวณส้นเท้าอีกเช่นเคย


Photo : sneakernews.com

โดยราคาของคอลเลคชั่นอยู่ที่คู่ละ 180-300 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 5,400 บาท ถึง 9,000 บาท วางจำหน่ายไปแล้วเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2019 ที่ผ่านมา

MARVEL STUDIOS X ADIDAS
ถ้าในปีที่ผ่านมาแฟรนไชส์ Star Wars มีการปิดมหากาพย์อย่างยิ่งใหญ่ด้วยภาพยนตร์เรื่อง Star Wars: The Rise of Skywalker แล้วล่ะก็ ทาง Marvel Cinematic Universe หรือ MCU ก็มีการปิดฉากมหากาพย์ในเฟส 3 ได้อย่างยิ่งใหญ่ไม่แพ้กันด้วยภาพยนตร์เรื่อง Avengers: Endgame และเพื่อเฉลิมฉลองบทสรุปการเดินทางที่ยาวนานกว่าทศวรรษนับตั้งแต่ Iron Man ภาคแรกเข้าฉายเมื่อปี 2008 ทาง Marvel Studios ก็ได้จับมือกับ adidas สร้างสรรค์รองเท้าบาสเก็ตบอลที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากตัวละครใน MCU ด้วยกันถึง 6 รุ่น 6 คาแรคเตอร์ โดยโมเดลที่นำมาดัดแปลงจะเป็นโมเดลซิกเนเจอร์ของนักบาสเก็ตบอลทั้งหลาย ในชื่อคอลเลคชั่น Heroes Among Us


Photo : houseofheat.co

คู่แรกคือ Marvel’s Iron Man | Harden Vol 3 ที่นำสีแดงทองซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Iron Man และลวดลายต่างๆ บนเกราะเหล็ก มาผสานรวมเข้ากับรองเท้าโมเดลซิกเนเจอร์ของ เจมส์ ฮาร์เดน ซูเปอร์สตาร์แห่ง ฮิวส์ตัน ร็อกเก็ตส์ สนนราคาอยู่ที่คู่ละ 150 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 4,800 บาท


Photo : geekculture.co

คู่ที่สองคือ Marvel’s Captain America | N3XT L3V3L รุ่นนี้เกิดจากการนำโมเดล N3XT L3V3L ซึ่งเป็นโมเดลไร้เชือกรุ่นแรกของทาง adidas มาสร้างสรรค์ใหม่ด้วยสีสันโทนน้ำเงินแดงซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Captain America และไฮไลท์สำคัญคือบริเวณพื้นรองเท้าที่โดดเด่นด้วยลวดลายบนโล่ไวเบรเนี่ยมคู่กายของหัวหน้าทีม Avengers สนนราคาอยู่ที่คู่ละ 180 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 5,760 บาท


Photo : chaopaiyizu.com

คู่ที่สามคือ Marvel’s Thor | Marquee Boost เป็นรองเท้ารุ่นที่ผสมผสานความวินเทจและความโมเดิร์นเอาไว้ด้วยกัน สีหลักของสนีกเกอร์คู่นี้คือเทา มาพร้อมกับพื้นยางรองเท้าเป็นสีฟ้า เลียนแบบพลังสายฟ้าฟาดของ Thor สนนราคาอยู่ที่คู่ละ 140 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 4,480 บาท


Photo : @KicksDeals

คู่ที่สี่คือ Marvel’s Black Panther | Dame 5 คู่นี้คือการนำโมเดล Dame 5 ซึ่งเป็นโมเดลซิกเนเจอร์ของ เดเมียน ลิลลาร์ด ซูเปอร์สตาร์แห่ง พอร์ทแลนด์ เทรลเบลเซอร์ส มาสร้างสรรค์ใหม่โดยใช้สีดำซึ่งเป็นสีประจำตัวของ Black Panther ผลที่ได้คือรูปลักษณ์ที่ดุดันมากขึ้นกว่าเดิมเหมือนเสือร้ายที่พร้อมตะปปคู่ต่อสู้ สนนราคาอยู่ที่คู่ละ 125 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 4,000 บาท


Photo : pepperrr.net

คู่ที่ห้าคือ Marvel’s Nick Fury | TMAC 1 รองเท้ากีฬาที่ได้ต้นแบบมาจาก เทรซี แม็คเกรดี เจ้าของฉายา T-Mac ซูเปอร์สตาร์ NBA ในยุค 2000’s ดัดแปลงใหม่โดยใช้แรงบันดาลใจจากตัวละคร Nick Fury หัวหน้ากลุ่ม S.H.I.E.L.D. โทนสีของรองเท้ารุ่นนี้จึงเน้นเป็นสีดำอิงตามคาแรคเตอร์ของ Nick ซึ่งเป็นสายลับและมีลายเส้นสีขาวเพิ่มเข้าไปให้ดูมีลูกเล่นมากขึ้น สนนราคาอยู่ที่คู่ละ 130 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 4,160 บาท


Photo : pepperrr.net

คู่สุดท้ายคือ Marvel’s Captain Marvel | Pro Vision รองเท้ารุ่นนี้ได้นำโทนสีจากชุดของ Captain Marvel ซูเปอร์ฮีโร่หญิงสุดแข็งแกร่งมันเพิ่มสีสันให้กับโมเดล Pro Vision โดยบริเวณลิ้นรองเท้าจะสลักคำว่า ACE เพื่อเป็นการบ่งบอกถึงความเป็นผู้นำที่เก่งที่สุด สนนราคาอยู่ที่คู่ละ 110 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 3,520 บาท


Photo : cdn.hypb.st

โดยคอลเลคชั่น Heroes Among Us นี้วางจำหน่ายไปแล้วเมื่อเดือนเมษายน ปี 2019 ที่ผ่านมา

HARRY POTTER X VANS 
อีกหนึ่งแฟรนไชส์ภาพยนตร์ระดับขึ้นหิ้ง ที่ถึงแม้ภาพยนตร์ภาคหลักทั้ง 7+1 ภาคจะปิดตำนานไปอย่างสมบูรณ์แล้ว แต่จักรวาลโลกพ่อมดก็ยังคงดำเนินต่อไปในซีรี่ส์ภาพยนตร์ Spin-Off อย่าง Fantastic Beasts 


Photo : www.themacho.co

แฟรนไชส์ Harry Potter น่าจะเป็นอีกหนึ่งแฟรนไชส์ภาพยนตร์ที่มีการจับมือร่วมกับแบรนด์ต่างๆ ผลิตสินค้าออกมาจำหน่ายมากที่สุด ด้วยจำนวนเหล่าแฟนบอยและแฟนเกิร์ลทั่วโลกมากมายที่พร้อมจ่ายเพื่อจับจองเป็นเจ้าของ 

เช่นเดียวกับในแง่มุมของแฟชั่น ที่เมื่อกลางปี 2019 ที่ผ่านมาเหล่าสาวกก็ฮือฮากันยกใหญ่เมื่อจักรวาล Harry Potter จับมือร่วมกับ Vans แบรนด์สตรีทแวร์ระดับโลกสร้างสรรค์คอลเลคชั่นเครื่องแต่งกายออกมาเอาใจเหล่าสาวก โดยไฮไลท์สำคัญอยู่ที่รองเท้า 4 รุ่นซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากบ้านทั้ง 4 บ้านในโรงเรียนเวทมนตร์ฮอกวอตส์

คู่แรกคือรุ่น Sk8-Hi ที่จับคู่กับบ้านกริฟฟินดอร์ ตัวแทนแห่งความกล้าหาญ แน่นอนว่ารุ่นนี้โดดเด่นด้วยสีแดงทองอันเป็นเอกลักษณ์ของกริฟฟินดอร์ นอกจากนั้นยังมีสัญลักษณ์ประจำบ้านสลักไว้บนตัวรองเท้าเสริมความโดดเด่นด้วย โดยกริฟฟินดอร์ Sk8-Hi สนนราคาอยู่ที่คู่ละ 3,500 บาท


Photo : www.getoutsideshoes.com

คู่ที่สองคือรุ่น Era ที่จับคู่กับบ้านสลิธีริน คู่นี้มาในโทนสีเขียวซึ่งเป็นสีประจำบ้าน แต่ความโดดเด่นของมันที่น่าจะถูกใจเหล่าสาวกคือพื้นผิวรองเท้าด้านนอกถูกรังสรรค์ให้ออกมาคล้ายกับผิวของงูซึ่งเป็นสัตว์ประจำบ้านสลิธีริน โดย สลิธีริน Era คู่นี้สนนราคาอยู่ที่ 2,800 บาท


Photo : www.samtabak.com

คู่ที่สามคือรุ่น Authentic ที่จับคู่กับบ้านเรเวนคลอ ตัวแทนแห่งความเฉลียวฉลาด แน่นอนว่า Authentic โมเดลสุดคลาสสิคนี้จะมาสีน้ำเงินสลับเทาซึ่งเป็นสีประจำบ้าน โดย Authentic เรเวนคลอสนนราคาอยู่ที่คู่ละ 2,600 บาท


Photo : happinessoutlet.shoes

คู่สุดท้ายคือรุ่น Classic Slip-On ที่จับคู่กับบ้านฮัฟเฟิลพัฟ ตัวแทนแห่งความซื่อสัตย์ คู่นี้แตกต่างจากคู่อื่นตรงที่ไม่ได้เน้นสีเหลืองซึ่งเป็นสีประจำบ้าน ตัวรองเท้ายังคงใช้สีดำเป็นหลัก แต่จะมีการสลักสัญลักษณ์ประจำบ้านไว้แทน โดย Classic Slip-On ฮัฟเฟิลพัฟ สนนราคาอยู่ที่คู่ละ 2,600 บาท


Photo : poshmark.com

คอลเลคชั่น Harry Potter x Vans นี้วางจำหน่ายไปแล้วเมื่อเดือนมิถุนายนปี 2019 ที่ผ่านมา

GAME OF THRONES X ADIDAS
นอกจากภาพยนตร์จอเงินแล้ว ซีรี่ส์จอแก้วก็มีการจับมือร่วมกับแบรนด์ต่างๆ สร้างสรรค์แฟชั่นไอเท็มออกมาด้วยเช่นกัน และในปี 2019 ที่ผ่านมาก็คงไม่มีคอลเลคชั่นไหนจะโดดเด่นไปกว่า Game of Thrones x adidas ที่ทำออกมาเพื่อเฉลิมฉลองบทสรุปของหนึ่งในซีรี่ส์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล และได้วางจำหน่ายไปเมื่อเดือนเมษายนปี 2019 ก่อนซีซั่น 8 ซึ่งเป็นซีซั่นสุดท้ายจะเข้าฉาย (ถึงแม้ว่าคุณภาพและบทสรุปในซีซั่นนี้อาจจะทำให้การเฉลิมฉลองกร่อยลงไปก็ตาม)


Photo : snkrtoday.com

และดูเหมือนว่าโมเดลการนำคาแรกเตอร์มาจับคู่กับโมเดลสนีกเกอร์รุ่นต่างๆ จะเป็นแนวความคิดที่ได้รับความนิยมในยุคนี้ เพราะ Game of Thrones x adidas ก็ทำอย่างนั้นเช่นกัน โดยการนำ 5 คาแรคเตอร์ตระกูลมาสร้างสรรค์โมเดลสนีกเกอร์ Ultraboost ให้เกิดความแปลกใหม่

คู่แรกคือ Ultra boost House Targaryen มีทั้งรองเท้าวิ่งผู้หญิงและผู้ชาย ในส่วนรองเท้าผู้ชายนั้นโดดเด่นด้วยสีดำและสีแดงเพลิง ด้านหลังสลักคำว่า “Fire and Blood” สะท้อนตัวตน เชื้อสายที่เชื่อว่าตัวเองมีความชอบธรรมในการสืบทอดบัลลังก์เหล็ก Iron Throne มีมังกรสามหัวเป็นสัญลักษณ์ประจำตระกูล ส่วนรองเท้าผู้หญิงจะตรงกันข้าม เพราะมาในสีขาวล้วน เปรียบเสมือนหญิงสาวผู้ให้กำเนิดมังกร


Photo : www.yezshoes.com

คู่ที่สองคือ Ultraboost House Stark มาในสีดำเทา ด้านหลังสลักวลีเด็ดอย่าง Winter is Coming เอาไว้ รูปลักษณ์ดูโฉบเฉี่ยวเหมือนสุนัขป่าโลกันตร์บนธงสีขาวหิมะซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำตระกูล


Photo : sneakerstudio.com

คู่ที่สามคือ Ultraboost White Walker ตัวแทนเผ่าในตำนานผู้เป็นอมตะ สะท้อนความเยือกเย็นผ่านสีขาวอมฟ้า สลักคำว่า “Winter is Here”


Photo : hypebeast.com

คู่ที่สี่คือ Ultraboost Night Watch ตัวแทนของกลุ่มคนที่เสียสละตัวเองเพื่อปกป้องอาณาจักร มาในโทนสีดำเคร่งขรึม ด้านหลังสลักคำว่า “Night Watch” เอาไว้


Photo : hypebeast.com

คู่ที่ห้าคือ Ultraboost House Lannister มาในโทนสีแดงทอง คล้ายกับสัญลักษณ์บ้านแลนนิสเตอร์ซึ่งเป็นรูปราชสีห์ทองคำบนพื้นหลังสีเลือดนก ด้านหลังสลักคำว่า “Hear me Roar” เอาไว้

Photo : hypebeast.com

โดยทั้ง 5 โมเดลสนนราคาอยู่ที่คู่ละ 7,300 บาท

แหล่งอ้างอิง

https://hypebeast.com/2020/1/james-bond-adidas-ultraboost-20-teaser-image
https://hypebeast.com/2019/11/adidas-originals-star-wars-nite-jogger-nmd-r2d2-rey-yoda-darth-vader-leia-stormtrooper-release-date
https://hypebeast.com/2019/4/marvel-studios-adidas-heroes-among-us-collab-collection
https://hypebeast.com/2019/6/vans-harry-potter-footwear-accessories-apparel

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook