ผู้หญิงกับสุรา ในสายตาและมุมมองของ "ศศิประภา พัฒนายุธนโชติ"

ผู้หญิงกับสุรา ในสายตาและมุมมองของ "ศศิประภา พัฒนายุธนโชติ"

ผู้หญิงกับสุรา ในสายตาและมุมมองของ "ศศิประภา พัฒนายุธนโชติ"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับสังคมไทยดูคล้ายเป็นของคู่กัน จนแทบแยกไม่ออกว่ามันคือวัฒนธรรมประเพณีที่สืบทอดมา หรือเป็นเพราะนิสัยใจคอของผู้คนที่ชื่นชอบการสังสรรค์เฮฮา

อีกทั้งมันยังกลายเป็นประเด็นอ่อนไหวต่อความรู้สึกของคนในสังคม ทุกครั้งที่เกิดอุบัติเหตุ ความขัดแย้ง หรือร้ายแรงถึงขนาดก่อคดีอาชญากรรม

 

บีน-ศศิประภา พัฒนายุธนโชติ สาววัย 25 มีโอกาสก้าวเข้ามารับตำแหน่งแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ของบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเธอรับตำแหน่งนี้ในฐานะผู้หญิงคนแรกและคนเดียวของบริษัท ดิอาจิโอ โมเอต เฮนเนสซี ไทยแลนด์ ในทีมแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ซึ่งมีผู้ชายอีกสามคน

หลังจากเรียนจบสาขาธุรกิจการบิน จากวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เธอเคยผ่านการทำงานในตำแหน่ง Lounge Attendant ของบริษัทการบินไทย ก่อนจะมีโอกาสได้นั่งตำแหน่งแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ที่บริษัทวิลเลี่ยม แกรนท์ แอนด์ ซันส์ ซึ่งเป็นบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แทนเพื่อนที่ออกไป ใช้เวลาสะสมประสบการณ์อยู่ที่นั่นประมาณสามปี และเข้ามารับตำแหน่งเดิมในบริษัทใหม่เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว

เธอเป็นผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญระดับลึกเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และผ่านการอบรมจาก Wine & Spirit Education Trust (WSET) ในระดับ 2 ซึ่ง WSET เป็นผู้รับรองคุณวุฒิด้านไวน์ สุรา และสาเกที่ใหญ่ที่สุดในโลก

หน้าที่และความรับผิดชอบในฐานะแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ของบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีอะไรบ้าง

บีนมีหน้าที่ในการให้ความรู้และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ค่ะ เพื่อส่งเสริมสังคมแห่งการดื่มอย่างรับผิดชอบ แก่ผู้บริโภค และผู้จำหน่าย อันจะนำไปสู่พฤติกรรมการบริโภคแอลกอฮอล์อย่างเหมาะสม และการให้บริการด้านเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่สร้างสรรค์ สะท้อนแนวความคิด Drink Better, Not More ของดิอาจิโอ ที่สนับสนุนการดื่มอย่างมีคุณภาพ โดยไม่เน้นที่ปริมาณ ซึ่งจะสร้างผลดีและความยั่งยืนต่อทั้งสังคมและเศรษฐกิจค่ะ

นอกจากนี้ บีนยังมีหน้าที่ถ่ายทอดความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสังคมไทยด้วย รวมถึงส่งเสริมการดื่มอย่างสร้างสรรค์ หรือ Positive Drinking ผ่านนวัตกรรมต่างๆ ของดิอาจิโอ อย่างเช่นการจัดการอบรมให้ความรู้ หรือการส่งเสริมโครงการ DRINGQ ที่เป็นโครงการให้ความรู้เกี่ยวกับการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในรูปแบบ E-Learning

ทำไมบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จำเป็นต้องมีแบรนด์แอมบาสซาเดอร์

บีนเชื่อว่า การสร้างความสัมพันธ์หรือการให้ความรู้ต่างๆ ที่ดีกับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผลิตภัณฑ์ การจำหน่าย การรณรงค์การดื่มแบบรับผิดชอบให้กับลูกค้า เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญสำหรับบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเราไม่ได้ส่งเสริมเพียงการตอบรับความต้องการของลูกค้าเท่านั้น แต่เรายังส่งเสริมและสนับสนุนเรื่องการดื่มแบบรับผิดชอบของลูกค้าด้วยค่ะ

ความท้าทายของหน้าที่แบรนด์แอมบาสซาเดอร์คืออะไร

บีนคิดว่า ไม่ว่าตำแหน่งอะไร สำหรับบีนแล้วเป็นความท้าทายหมดเลย เพราะบีนอายุแค่ยี่สิบห้าปี ไม่ว่าในเรื่องของการทำเทรนนิ่ง การพูดให้คนฟังเชื่อ เพราะว่าบีนเป็นผู้หญิง และบีนเชื่อว่าหลายๆ คนคงจะดื่มแอลกอฮอล์มามากกว่าบีนด้วยซ้ำ โดยเฉพาะบาร์เทนเดอร์ที่เขาคลุกคลีอยู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประจำอยู่แล้ว บีนถือว่ามันเป็นความท้าทาย แต่สิ่งที่บีนคิดว่าจะทำให้ทุกคนเชื่อมั่นในตัวบีนได้ ก็คือพยายามหาความรู้ให้มากขึ้น เพื่อที่จะพูดในสิ่งที่เป็นความจริง และให้ความรู้กับเขาได้อย่างสมบูรณ์ค่ะ

ส่วนตัวมีความรู้สึกอย่างไรกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

บีนมองว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์เรา หลายคนมองว่าแอลกอฮอล์เป็นสิ่งที่เราใช้ในการ celebrate กับชีวิต ซึ่งก็ตรงกับคอนเซ็ปต์ของบริษัทดิอาจิโอเช่นกัน ที่ว่า Celebrating every day, everywhere และบีนยังมองว่า แอลกอฮอล์เป็นสิ่งที่มนุษย์เราต้องการ แต่แค่เราต้องรู้จักดื่มอย่างมีลิมิต และดื่มอย่างรับผิดชอบเท่านั้นเอง

ดื่มอย่างมีลิมิต หมายถึง ปัจจุบันเราจะเห็นจากข่าวว่ามีการเมาแล้วขับ จนเกิดอุบัติเหตุ ฉะนั้นสิ่งที่เราควรให้ความรู้ ไม่ใช่แค่เรื่องของแอลกอฮอล์เท่านั้น เรายังให้ความรู้ด้วยว่า ดื่มอย่างไรให้ปลอดภัย ในลิมิตที่เท่าไหร่ เป็นการรับผิดชอบตัวเองและคนรอบข้างค่ะ

คุณได้เรียนรู้อะไรบ้างจากงานที่ทำอยู่

โห... หลายอย่างเลยค่ะ ความจริงตอนที่บีนเข้ามาทำงานใหม่ๆ บีนเป็นแค่เด็กอายุยี่สิบห้าที่ไม่ได้เก่งในเรื่องของการให้ความรู้อะไรกับใครเลย บีนต้องเรียนรู้ทักษะต่างๆ จากคนที่เข้ามาเรียน ว่าเขามีวิธีการดู การเรียนการสอนอย่างไร เพื่อที่จะนำไปปรับใช้กับตัวเอง และเวลาที่บีนจะไปสื่อสารกับคนอื่น บีนจะทำให้คนอื่นเข้าใจในสิ่งที่เราพูดอย่างไร

บีนพูดจริงๆ เลยว่า สำหรับคนที่ดื่มอย่างเดียว และเขาไม่มีความรู้เรื่องของแอลกอฮอล์นั้น ค่อนข้างจะยาก เพราะเราไม่ได้พูดถึงแค่ว่าผลิตภัณฑ์ดีอย่างไร แต่เรายังพูดถึงกระบวนการทำว่ามันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร อย่างเช่นวิสกี้ บีนไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันเกิดมาจากอะไร นักดื่มคนไทยมักจะเน้นวิสกี้เป็นหลัก เราไม่รู้ว่าวอดก้าต่างจากวิสกี้อย่างไร นอกจากสีที่แตกต่าง

แต่พอบีนเข้ามาศึกษา บีนก็รู้ว่า วิสกี้ทำมาจากข้าว และจะแบ่งเป็นหลายกลุ่มด้วยกัน เช่น ซิงเกิลมอลท์เราใช้ข้าวบาเลย์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนวิสกี้ทั่วไปเราใช้ข้าวบาเลย์และข้าวชนิดอื่นรวมกัน วอดก้าใช้วัตถุดิบได้หลายชนิด แต่กรรมวิธีการทำต่างจากวิสกี้ วิสกี้จะมีการบ่มเพื่อสร้างสี สร้างกลิ่น และรสชาติ แต่วอดก้าใช้กรรมวิธีการกรองเพื่อให้มีความใส เบาบาง ไม่มีสี ไม่มีรสชาติ เป็นต้น

การดื่มแบบรับผิดชอบต่อตัวเองและสังคมที่คุณหมายถึงนั้นเป็นอย่างไร

บีนเชื่อว่าการที่เราดื่มแล้วไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร และสามารถดูแลตัวเองได้ พาตัวเองกลับบ้านไปหาครอบครัวได้อย่างปลอดภัย นั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดค่ะ บีนมองว่าการดื่มสังสรรค์ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ว่าเราต้องรับผิดชอบตัวเองและสังคมให้ได้ด้วย

ผู้หญิงกับการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในสังคมไทยเรายังติดภาพ ‘ลำยอง’ อยู่ คุณมีความคิดเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร

สำหรับบีน บีนมองว่าไม่ใช่แค่ผู้หญิงฝ่ายเดียวหรอกค่ะ ทั้งหญิงและชาย ถ้าดื่มอย่างไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าจะพอเมื่อไหร่ แอลกอฮอล์ก็มีส่วนให้เป็นแบบนั้นได้ แต่ถ้าเรารู้ลิมิตของตัวเอง สามารถดูแลตัวเองได้ มีสติพอจะพาตัวเองกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดค่ะ

ถ้าจะแนะนำผู้หญิงด้วยกันในเรื่องการดื่มแอลกอฮอล์แบบตรงๆ คุณจะแนะนำอย่างไร

จริงๆ บีนเชื่อว่าหลายคนรู้อยู่แล้วว่า บางทีเราก็หลีกเลี่ยงในเรื่องการดื่มไม่ได้ ฉะนั้นเราควรจะดื่มเท่าที่เรารู้ว่าเรายังมีสติเท่าไหร่ แล้วเราจะพาตัวเองกลับบ้านอย่างปลอดภัยได้อย่างไร รู้ตัวว่าเมื่อไหร่ที่เรารู้สึกเมาแล้ว หรือไม่ไหวแล้ว ให้เราพอ ให้บอกเพื่อนไปเลยว่าพอ หยุดก่อน ต้องรู้จักปฏิเสธ

คำว่า “ลิมิตในการดื่ม” ของผู้หญิง ถ้าพูดให้เห็นภาพจริงๆ สักประมาณกี่แก้วได้

ความจริงแล้วฉลากตรงข้างขวดจะมีระบุไว้นะคะว่า เราสามารถดื่มได้เท่าไหร่ และแอลกอฮอล์จะสลายไปอย่างไร ภายในเวลาเท่าไหร่ อย่างเช่นดื่มไปหนึ่งแก้ว จะใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง นั่นคือหนึ่งดื่มมาตรฐาน

สมมติว่าที่ข้างขวด Black Label ระบุไว้ว่า 22 ดื่มมาตรฐาน เท่ากับว่าเราต้องใช้เวลา 22 ชั่วโมงในการขับแอลกอฮอล์ออกจากเลือด ถ้าเราดื่มหนึ่งแก้ว ก็จะใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงในการขับออก มันเป็นตัวเลขที่ผ่านการคำนวณมาแล้วค่ะ แต่ถ้าจะให้แนะนำจริงๆ บีนว่าควรจะดื่มน้ำเปล่าไปด้วยระหว่างการดื่มแอลกอฮอล์ มันจะช่วยขับแอลกอฮอล์ออกได้เร็วขึ้น ผ่านทางเหงื่อและการเข้าห้องน้ำ

ปกติคุณดื่มหรือเปล่า และในปริมาณแค่ไหน

บีนก็ดื่มบ้างค่ะ อย่างที่บอกว่าเราทำงานในบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะบอกว่าไม่ดื่มเลยก็คงไม่ได้ บีนดื่มบ้าง แต่บีนทำงานในตำแหน่งนี้ บีนรู้ว่าเมื่อไหร่ที่บีนควรจะพอ เพราะบีนยังมีอีกหลายอย่างที่อยากทำในชีวิต (ยิ้ม) ฉะนั้นบีนว่าเราควรรู้ลิมิตในการดื่มของตัวเองค่ะ

ตลอดเวลาเกือบหนึ่งปีที่ทำงานที่นี่ คุณเจออุปสรรคอะไรบ้างไหม

จริงๆ ต้องบอกว่า บีนมีอุปสรรคหลายอย่าง เนื่องจากบีนอายุยังไม่เยอะ อีกอย่างบีนเป็นผู้หญิง มันยากที่จะสร้างความมั่นใจกับคนที่เขาดื่มมาก่อน รวมถึงบีนไม่มีประสบการณ์ในเรื่องของการสอนการให้ความรู้คน ยังใหม่กับผลิตภัณฑ์ของดิอาจิโอในตอนแรกด้วย

โชคดีที่ในทีมของบีนมีพี่ๆ ที่มีประสบการณ์ในการทำงานมาเยอะมาก บีนก็ได้เรียนรู้จากพี่ๆ ในทีมนี่ละค่ะ ไม่ว่าเรื่องของการให้ความรู้ การเข้าหาลูกค้า การขาย แล้วบีนก็นำมาปรับใช้ให้เป็นตัวเองมากที่สุด เพื่อเป็นแนวทางของตัวเอง

ไลฟ์สไตล์ของคุณเป็นอย่างไร

แม้งานที่บริษัทจะยุ่งมากก็จริง แต่ว่านโยบายบริษัทก็ชัดว่าให้เราสังสรรค์ได้ทุกวัน ฉะนั้นไม่ว่าจะยุ่งอย่างไร ตอนกลางวันจะมีการประชุมอย่างเคร่งเครียดแค่ไหน ตอนกลางคืนจะมีอีเวนต์ต่ออีกอย่างไร ช่วงวันหยุดบีนจะชดใช้เวลาให้ชีวิตสมดุล บีนจะพาตัวเองออกไปเจอสิ่งใหม่ๆ ไปต่างจังหวัดบ้าง หรือต่างประเทศ ใช้เวลากับงานอดิเรก อย่างยิงปืน ยิงธนู ปีนหน้าผาจำลอง หรือพักผ่อนให้เต็มที่ บีนพยายามทำชีวิตให้สมดุลและมีความสุขที่สุดค่ะ

เรื่อง : บุญโชค พานิชศิลป์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook