เปิดใจ เจ้าพ่อหนังหวิว "นิกกี้ พิ้ม" สู้ศึก อุตสาหกรรมหนังแผ่นตกต่ำ ส่งดูยูทูป

เปิดใจ เจ้าพ่อหนังหวิว "นิกกี้ พิ้ม" สู้ศึก อุตสาหกรรมหนังแผ่นตกต่ำ ส่งดูยูทูป

เปิดใจ เจ้าพ่อหนังหวิว "นิกกี้ พิ้ม" สู้ศึก อุตสาหกรรมหนังแผ่นตกต่ำ ส่งดูยูทูป
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สัมภาษณ์ โดยประชาชาติธุรกิจออนไลน์

กลายเป็นกระแสดราม่าทันที เมื่อ "นิกกี้-สุระ ธีระกล" หรือ "นิกกี้ พิ้ม" เจ้าของฉายา "นิกกี้ เก้านิ้ว" ในวงการหนัง "เรทอาร์" จากการที่เจ้าตัวได้อัดคลิปหาทีมทำ "หนังโป๊" และแชร์ผ่านเฟซบุ๊คตัวเอง ซึ่งเป็นการชักชวน-รวมตัว คนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน เพื่อสร้างหนังอีโรติกฉายผ่านยูทูป แต่เมื่อคลิปส่วนตัวบนเฟซบุ๊ค กลายเป็นคลิปสาธารณะในวงกว้าง อดีตนักร้องป๊อปสตาร์ฉายา "นิกกี้ เด็กผี" ได้ถูกกระหน่ำวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม ถึงขนาดโดนบล็อกเฟซบุ๊ค ทีมงาน "ประชาชาติธุรกิจออนไลน์" มีโอกาสสัมภาษณ์ตัวพ่อแห่งวงการหนังอาร์ โดยสถานที่นัดหมายเป็นร้านกาแฟแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว ที่นิกกี้ใช้รวมพลคนอยากทำหนังอีโรติกในวันนี้ (15 ก.พ.) พร้อมเปิดใจเคลียร์กับประเด็นร้อนที่เกิดขึ้น และเล่าถึงอุตสาหกรรมหนังแผ่นที่สถานการณ์ตกต่ำ แต่ยังพอมีทางไปได้

บรรยากาศในวันนัดหมายระดมพล "คนทำหนังอาร์" เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา แม้บรรยากาศยังไม่คึกยังนัก แต่ก็มีคนกลุ่มหนึ่งที่ให้ความสนใจมาร่วมทีม บางรายมาไกลจากจังหวัดนครปฐม ส่วนใหญ่ที่มาวันนี้เป็นกลุ่มของทีมงาน ที่เตรียมมาคุยในรายละเอียดของงานโปรดักชั่น ทั้งผู้กำกับ ผู้ช่วย และฝ่ายโปรดักชั่น ถึงทิศทางการทำงาน ส่วนไฮไลท์เด็ดที่หลายคนจับตามองอย่าง "นักแสดง" นั้นยังเงียบกริบ ไม่มีให้เห็นแม้แต่คนเดียว ด้านเจ้าตัวกล่าวไม่ซีเรียส เพราะนักแสดงค่อยสมทบในวันอื่นๆ ได้ แต่วันนี้ขอเน้นในเรื่องโปรดักชั่น ก่อนจะเริ่มบทสนทนาอย่างเป็นทางการ

"นิกกี้" เปิดหัวบทสนทนากับ "ประชาชาติฯออนไลน์" ด้วยความสงสัยว่า "ผมผิดอะไร?" พร้อมโยนคำถามกลับมาหาผู้คนว่า "คุณเข้าใจจริงหรือเปล่า? ... ว่าหนังโป๊กับหนังอีโรติกแตกต่างกันอย่างไร" เจ้าของฉายา "เก้านิ้ว" ตั้งคำถามสงสัย หลังถูกบล็อกเฟซบุ๊ค จากการอัดคลิประดมพลผู้มี "อุดมการณ์เดียวกัน" เพื่อมาร่วมทำหนังอีโรติก เพื่อหาเลี้ยงตัวเองเท่านั้น

ผมว่าต้องทำความเข้าใจก่อนนะ ที่สังคมไปตีความเรื่องการชวนทำ "หนังโป๊" บางคนยังไม่เข้าใจคำนี้จริงๆ ด้วยซ้ำ ว่าขอบเขตของมันเป็นยังไง แต่พอเป็นนิกกี้พูด คนก็ตัดสินว่าผิดแล้ว ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่ความผิดผม แค่นั่งถ่ายคลิปส่วนตัวที่บ้าน เรามีเฟซบุ๊คมา 6 ปี ไม่เคยมีใครมาสนใจเราเลย แต่พอเราอัดคลิปชักชวนคนมาทำ "หนังโป๊" กลายเป็นเรื่องใหญ่โต ที่ต้องใช้คำนี้เพราะนี่มันประเทศไทยไง จะให้ใช้คำว่า "สวัสดีครับ! ผมนิกกี้ พิ้ม ผมอยากทำหนังอีโรติกมากเลยครับ มาช่วยกันทำหน่อยนะครับ" แบบนี้มันก็ไม่ได้

ต้องเข้าใจว่าการเอาหนังอีโรติกลงยูทูป มันมีบรรทัดฐาน มีกรอบของมันอยู่ จะไปเอาหนังที่มีแต่การโซโล่เพศสัมพันธ์อย่างเดียวไม่ได้อยู่แล้ว ผมมองว่ามันไม่แฟร์ อย่างน้องเหนียวไก่ ข้าวเหนียวไก่หายเพราะหมาคาบไปกิน แถมในคลิปยังพูดหยาบกว่าเราหลายเท่า มีคำที่กล่าวถึงบุพการี แต่เป็นเราที่โดนเฟซบุ๊คแบนซะงั้น กับน้องมีแต่คนยกยอปอปั้น ทั้งที่เราแค่ทำงานศิลปะ ทำหนังอีโรติก ที่ใครๆ เขาก็ทำกัน แต่เรากลับโดน

แม้เปิดบทสนทนาด้วยความอัดอั้น หลังเครื่องมือทำมาค้าขายมีอันต้องโดนอุ้มไปแบบไม่มีท่าทีว่าจะกลับมา นายห้างหนังอีโรติกได้แจงถึงความเป็นอีโรติกให้ฟังแบบชัดเจน

"หนังอีโรติก" ไม่ได้เน้นที่การมีเพศสัมพันอย่างเดียว แต่เน้นการเล่าเรื่อง มีตัวละคร มีความเป็นโรแมนติก-คอเมดี้ ผมว่ามันมีอรรถรสมากกว่าหนังเอ็กซ์ ที่มาถึงก็ซัดกันตู้มๆ คนที่ดูหนังเอ็กซ์ พอสำเร็จความใคร่แล้วก็จบกันไป ต่างจากหนังอีโรติกที่มีความเป็นศิลปะมากกว่าหนังเอ็กซ์ ได้จินตนาการมากกว่า ทำไมเรามองคนแก้ผ้าเซ็กซี่น้อยกว่าคนใส่บิกินี่ตามชายหาด เพราะมันมีอะไรน่าค้นหากว่าไง

แต่ตอนนี้ตลาดหนังอีโรติกคนเริ่มไม่ทำแล้ว เพราะทุกอย่างมันง่าย เมื่อก่อนอยากดูต้องไปร้านเช่า อยากได้ต้องไปซื้อ ตอนนี้แค่เข้ากูเกิ้ลก็สามารถดูหนังอีโรติกได้ ส่วนการทำหนังอีโรติกลงยูทูป ผมมองว่าในประเทศยังไม่มีใครทำ รวมถึงการรวมทีมแบบนี้ด้วย

นอกจากคำว่า "หนังโป๊" ที่โดนบิดความหมายจนถูกวิจารณ์จนเฟซบุ๊คโดนอุ้มไปขังแล้ว ยังมีคำว่า "ปฏิวัติวงการหนังโป๊" ที่เป็นประเด็นร้อนไม่น้อยไปกว่ากัน นิกกี้ยังย้ำว่า เป็นการใช้คำโปรโมตเท่านั้น และ "ปฏิวัติ" ในความหมายของเขา คือการพลิกแพลงระบบการทำงาน ที่อยากเชิญชวนคนที่รักจะทำเหมือนๆ กัน มาสร้างหนัง โดยไม่ต้องง้อนายทุน

คำว่า "ปฏิวัติ" ของผมมันก็แค่คำเชิญชวน คำโปรโมต หาคนอุดมการณ์เดียวกันมาร่วมงาน เราไม่หาทุน ไม่จ้างทีมงาน คุณมีกล้องก็มาถ่าย คุณเป็นสไตล์ลิสท์ ผมก็มีเสื้อผ้าใช้ในกอง คุณตัดต่อเป็นก็เข้ามาทำสิ สุดท้ายเงินที่ได้เราก็มาแบ่งกัน หรือบางคนที่มา เค้ามาด้วยใจ บางคนได้ยินคำนี้ก็เอาไปตีความกันไปใหญ่ ถามจริงๆ ว่า ถ้าไม่ใช้คำนี้ จะเป็นคำไหน?(อีกแล้ว) ผมจะเปลี่ยนแปลงวงการหนังเอวี? หรือ เดี๋ยวผมจะพลิกรูปทรงวงการเป็นสี่เหลี่ยม ... อ๋อ วันนี้เราจะมาเรฟโวลูชั่นลงการเอวีกันครับ เฮ้ย! มันไม่ใช่ คนเรายังไม่รู้เลยว่าเอวีคืออะไร แล้วมาด่ากันแล้ว มันแค่การใช้คำนะครับ

ทั้งนี้ นิกกี้ได้เบรกด้วยเรื่องของอุตสาหกรรมหนังแผ่นอีโรติกในบ้านเรา ว่าค่อนข้างซบเซา และมีผู้ผลิตหลายเจ้าที่ล้มเลิกไปแล้ว เพราะการก็อปปี้ และการเข้ามาของโลกอินเทอร์เน็ตความเร็วแสง

ผมก็ไม่รู้เท่าไหร่นะครับตอนนี้ แต่เห็นว่าผลิตกันน้อยลงเพราะเจอปัญหาการก็อปปี้ไปลงเน็ตเยอะ บวกกับการที่หนังประเภทนี้สามารถหาดูได้ในเว็บไซต์ตามอินเทอร์เน็ต แถมชัดแจ๋ว คมชัดระดับ HD สามารถเลือกเรื่องที่อยากดู หรือจิ้มดาราที่ชอบได้ตามใจ หนังแผ่นเลยไม่นิยมและไม่จำเป็นอีกต่อไป ผมเลยตัดเรื่องธุรกิจทิ้งเลย ทำเอามันส์เข้าว่า ถ้าหนังเราดีเอาไปลงยูทูป คนดูเยอะ-ยอดวิวดี มันก็ได้เงินมาทำหนังเรื่องต่อไป

อย่างไรก็ตาม เจ้าพ่อเก้านิ้วยังมองว่าวงการหนังอีโรติกไทยยังมีทางไปได้ แต่ต้องปรับตัวให้ถูกที่ถูกทาง วิธีนำเสนออาจเปลี่ยน แต่กลุ่มคนดูยังมีเหมือนเดิม

จริงๆ วงการหนังอีโรติกบ้านเรามันยังไปได้นะ แต่คนทำมันไปคิดถึงเรื่องธุรกิจเยอะไป เดี๋ยวนี้เราอัพคอนเทนท์ลงยูทูปแล้วยอดวิวดี มันก็มีค่าตอบแทนมาให้จากค่าโฆษณา แต่ประเด็นคือถ้าคุณเอาเรื่องธุรกิจเป็นที่ตั้ง มันค่อนไปทางเจ๊งแต่แรกแล้ว สมัยนี้คนดูคลิปเยอะกว่าหนังดีวีดีบางเรื่องซะอีก ผมว่าเอาความสนุกเป็นตัวตั้ง ทำอะไรให้มันส์ไว้ก่อน เดี๋ยวคนมันก็สนใจเอง อย่างหนังที่ผมคิดชื่อเรื่อง "นักบิดราคะ กลางวันนอนกลางคืนซอย" ชื่อมันมีจุดขาย แถมน่าสนใจ ไม่ใช่ชื่อหนังทื่อๆ เชยๆ ใครมันจะไปอยากดู เราต้องคิดให้แปลก ตอนนี้มันแข่งกันที่คอนเทนท์แล้ว เพราะช่องทางมันเยอะ

ก่อนจบบทสนทนา นิกกี้ได้ทิ้งท้ายด้วยการเล่าถึงที่มาของการเปลี่ยนมือ จากตำแหน่งนักแสดง มาเป็นคนทำหนังอีโรติก(แต่ยังแสดงเอง)ว่า

ง่ายๆ เลย คืออยากมีเงิน นักแสดงเกือบทุกคนฝันไว้ว่าพออายุเยอะขึ้น ก็อยากก้าวไปเป็นผู้กำกับ ไปทำหนัง เหมือนเป็นค่านิยมในบ้านเรา ที่มันถูกฝังความคิดว่า เฮ้ย! พออายุคุณเริ่มเยอะขึ้น สังขารคุณไม่ได้ คุณต้องไปทำอย่างอื่นนะ ประเทศไทยเราไปปลูกฝังความคิดกันว่า อาชีพมันไม่มั่นคง ต้องรีบกอบโกย ผมก็สงสัย ทำไมมันต้องเป็นอย่างนั้น ผมเลยไม่เอานะ มาสร้างอะไรด้วยตัวเองดีกว่า จนเราต้องลุกขึ้นมาทำอะไรซักอย่าง ด้วยการรวมตัวคนที่มีอุดมการณ์เดียวกันนี่แหละ ถึงใช้คำว่า "ปฏิวัติ" นี่ไง เพราะมันคือการทำอะไรใหม่ๆ ในวงการหนังอีโรติก เอาจริงๆ ผมไม่ได้จับวางอะไรมาเสิร์ฟที่หน้าคุณ แต่งานนี้มันอยู่ในที่ของมัน มีแต่คนที่ต้องการเสพมัน แล้วคุณจะมาโทษว่าผมผิดได้ยังไง

การออกมาระดมพลครั้งนี้ของเจ้าพ่อหนังอีโรติก อาจเป็นเหตุการณ์เล็กๆ แต่มากด้วยความหมาย เพราะมันสะท้อนถึงการดิ้นรนของวงการหนังอาร์ในบ้านเรา ที่ใครไม่แข็งแกร่งพอ ก็ต้องล้มหายไปจากวงการ เพราะต้องยอมรับว่า "หนังเฉพาะทาง" ในบ้านเรา ยังคงได้รับความนิยมจากกลุ่มคนจำนวนมาก และมากขึ้นเรื่อยๆ ตราบที่โลกอินเทอร์เน็ตยังเปิดกว้าง แค่คนสร้างหนังหาช่องทางที่เหมาะสมกับยุคสมัย นี่อาจเป็นโอกาสทองของการโกงความตาย กลับมา(แจ้ง)เกิดใหม่ของวงการหนังอาร์อีกครั้งก็เป็นได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook