ปีเตอร์-นพชัย ชัยนาม จาก "พระราชมนู" สู่ "ผู้กำกับ"

ปีเตอร์-นพชัย ชัยนาม จาก "พระราชมนู" สู่ "ผู้กำกับ"

ปีเตอร์-นพชัย ชัยนาม จาก "พระราชมนู" สู่ "ผู้กำกับ"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

สำหรับวงการบันเทิงเบื้องหน้า คงไม่มีใครปฏิเสธฝีมือแสดงของ "ปีเตอร์-นพชัย ชัยนาม" เจ้าของบทบาท "บุญทิ้ง" หรือ "ออกญาพระราชมนู" จากมหากาพย์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่มีรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมเวทีสุพรรณหงส์ปี 2555 จากฝนตกขึ้นฟ้า เป็นเครื่องการันตีความสามารถเกรดเอ

ทว่าภาพจำในวงการบันเทิงเบื้องหลังของปีเตอร์ กลับค่อนข้างโลว์โปรไฟล์และเกือบขาวโพลนสำหรับคนส่วนใหญ่ ทั้งที่นักแสดงหนุ่มรายนี้ผ่านประสบการณ์ด้านโปรดักชั่นมาอย่างโชกโชน หลังเปิดบริษัท "กลมเกลียวกรุ๊ป" โปรดักชั่นเฮ้าส์เล็ก ๆ ที่มี "ผู้พันเบิร์ด-พ.ท.วันชนะ สวัสดี" เพื่อนซี้ทั้งในและนอกจอร่วมเป็นหุ้นส่วน คอยรับจ้างผลิตงานโฆษณาและรายการวิทยุโทรทัศน์ขนาดกลางมานานหลายปี

แต่ตอนนี้เชื่อว่าสถานการณ์โลว์โปรไฟล์ในสายโปรดักชั่นของปีเตอร์น่าจะลดลง หลังตกปากรับคำชวนจากผู้จัดละครหน้าใหม่อย่าง "ตั๊ก-นภัสกร กับ ป๊อก-ปิยธิดา มิตรธีรโรจน์" ให้มารับตำแหน่งผู้กำกับเต็มตัวเป็นครั้งแรกกับเรื่อง "ตี๋ใหญ่ดับดาวโจร" ละครแนวดราม่าแอ็กชั่นที่น่าจะถูกหยิบจับมาใส่ลงผังรายการช่อง "MONO29" ในเร็ว ๆ นี้

"ไอเดียตอนแรกไม่เกี่ยวกับตี๋ใหญ่และเป็นละครเรื่องอื่นไปเลย แต่ด้วยความต้องการของช่องที่ต้องการงานแอ็กชั่นดูสนุก มีกลิ่นอายของความเป็นหนัง ทำให้ต้องปรับจูนแนวทางหาตรงกลางกันมาเรื่อย ๆ จนได้ออกมาเป็นพลอตของตี๋ใหญ่ที่เป็นเรื่องใหม่ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะเนื้อหาของเราไม่ได้เกี่ยวข้องกับตี๋ใหญ่เวอร์ชั่นเดิม แค่ใช้ปมติ่งเดียวให้ตัวละครนำมีความเชื่อมโยงกับตี๋ใหญ่บ้าง"

ปีเตอร์เล่าถึงความเป็นมาของพล็อตเรื่องตี๋ใหญ่ดับดาวโจร ก่อนจะอธิบายลงรายละเอียดการทำงานโทรทัศน์ครั้งแรกกับดีไลฟ์ ระหว่างการเดินสายโปรโมต "Surface Pro 3" ผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ที่คาดว่าจะมาแทนคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะในอนาคตของไมโครซอฟท์ว่า ด้วยความที่งานละครชิ้นนี้เป็นการทำเพื่อตอบสนองค่ายเจ้าของเงินทุน หลายอย่างจึงไม่ได้ทำในสิ่งที่ต้องการครบ 100 เปอร์เซ็นต์

"ปัจจัยหลายอย่างอาจมีเปลี่ยนผันไปตามงบประมาณ รวมทั้งข้อจำกัดเรื่องเวลาที่ต้องเร็วและต้องถ่ายได้ปริมาณเยอะใน 1 วัน ทำให้ไม่อาจดีไซน์ออกมาให้เนี้ยบกริบได้ แต่ปัจจุบันตี๋ใหญ่ฯก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ เพราะต้องนำมาฉายดูพร้อมกันกับค่าย เพื่อปรับความเข้าใจระหว่างคนทำกับเจ้าของเงินให้ตรงกัน ก่อนจะเดินหน้าผลิตให้เสร็จทั้ง 12 ตอนและนำขึ้นออนแอร์ เพราะชีวิตการทำงานละครหรือหนังจริง ๆ แล้วมันเป็นเรื่องของธุรกิจ ไม่ใช่ศิลปะเต็มร้อย"

เมื่อถามไปถึงเรื่องราวของตี๋ใหญ่ดับดาวโจรที่ผู้กำกับหนุ่มเคลมว่า "ไม่เกี่ยวข้องกับตี๋ใหญ่ (ออริจินอล) และเป็นเรื่องใหม่ 100 เปอร์เซ็นต์" จะฉีกไปจากความซ้ำซากจำเจของภาพจำแบบเดิมไปสักเท่าไรนั้น ก็ได้คำตอบแสนจริงใจแบบไม่ปิดบังสะท้อนกลับมาว่า "ความจริงตี๋ใหญ่ดับดาวโจรไม่ได้มีอะไรใหม่นักหรอก เพราะมันเป็นสิ่งที่ดึงจุดเด่นของงานผู้กำกับดัง ๆ ที่ชื่นชอบส่วนหลายคนมาผสมผสานกันจนออกมาเป็นงานละครแนวดราม่าแอ็กชั่นชิ้นนี้"

ปีเตอร์ขยายความเพิ่มเติมว่า ความเห็นส่วนตัวในการทำงานแต่ละอย่างของตนเองนั้น มักจะเริ่มจากการทำในสิ่งที่คนอื่นเคยทำมาก่อนให้มันออกมาดี จากนั้นค่อยนำมาพัฒนาและคิดต่อยอดจนเกิดเป็นสิ่งใหม่ของตนเองในท้ายที่สุด เพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าบนโลกของเราหลายสิ่งหลายอย่างมีคนทำมาก่อนเยอะแล้ว มีน้อยสิ่งนักที่เกิดขึ้นมาใหม่จากศูนย์และความว่างเปล่า

"อย่างเช่นการแสดงและการแอ็กติ้ง ผมจะศึกษามาจากนักแสดงเก่ง ๆ ที่ชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็น แดเนียล เดย์-ลูวิส หรือ โรเบิร์ต เดอ นิโร มองดูว่าทำไมเวลาแสดงเขาถึงทำอย่างนั้นและตอนให้สัมภาษณ์กับสื่อเขาให้เหตุผลว่าอะไรกับการแสดงแต่ละเรื่อง จากนั้นก็เอาวิธีคิดมาลองใช้ลองปรับให้เข้ากับการทำงานของตัวเอง ส่วนการกำกับจะเป็นหนังท่านมุ้ยยุคเก่าที่ศึกษาบ่อยสุด เพราะส่วนตัวชอบงานดราม่าสมัยก่อนที่มีความทันสมัยถึงหยิบมาดูในตอนนี้ก็ตาม"

ได้ยินนักแสดงและผู้กำกับหนุ่มรายนี้ชี้แจงมาทั้งมุมเบื้องหน้าเบื้องหลัง ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าแท้จริงแล้วตัวตนของเขาอยู่ในบทบาทใดกันแน่ ?

ปีเตอร์กล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำด้วยการสมมุติว่ามีงาน 2 ชิ้นที่น่าสนใจเข้ามาพร้อมกัน อันหนึ่งเป็นงานแสดง อันหนึ่งเป็นงานกำกับเบื้องหลัง ผมก็คงตัดสินใจเลือกงานแสดงก่อนเป็นอันดับแรก แม้ว่ามันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ดีที่สุด แต่มันก็เป็นสิ่งที่ทำแล้วสนุกที่สุด

"ส่วนตัวมีความฝันว่าอยากจะเป็นนักแสดงบทนำไปจนถึงตอนแก่ แบบที่นักแสดงต่างประเทศที่แก่ก็ยังแสดงได้ดีอยู่ แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ผมเลือกได้หรอกว่าจะเป็นอะไร เพราะสุดท้ายมันจะวนกลับไปยังจุดที่ว่า ชีวิตไม่ได้เป็นไปตามต้องการเสียทุกอย่าง แค่ผมพยายามเลือกเป็นในสิ่งที่ต้องการก็เท่านั้นเอง" นักแสดงหนุ่ม ทิ้งท้ายถึงเป้าหมายในวงการของตนเอง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook