8 สิ่งที่ต้องมี หากคิดจะเล่นดนตรี

8 สิ่งที่ต้องมี หากคิดจะเล่นดนตรี

8 สิ่งที่ต้องมี หากคิดจะเล่นดนตรี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เย็นวันหนึ่งของกาลครั้งหนึ่ง เด็กชายผิวคล้ำ หน้าตาน่ารักคนหนึ่งกำลังควบ BMX คู่ใจด้วยสปีดสุดฝีเกือกเพื่อกลับให้ถึงบ้านก่อนที่ "พี่ข้างบ้าน" จะออกท่องราตรีเหมือนทุกวัน
ปกติ เด็กชายไม่รีบแบบนี้และ ปกติ พี่ข้างบ้านก็ไม่ใช่สิ่งจูงใจให้เด็กชายรีบกลับบ้านแบบนี้

แสดงว่าวันนี้ไม่ปกติ

ครับ มันเป็นอย่างที่คิดนั่นแหละ วันนี้เป็นวันไม่ปกติของเด็กชาย
มูลเหตุของความไม่ปกตินี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่าย ที่สนามฟุตบอล หลังจากกลุ่มเด็กชายนับ 10 เล่นสนุกกับลูกฟุตบอลเสร็จ เพื่อนชายคนหนึ่งก็กระทำการโชว์แสงยานุภาพทางดนตรีด้วยการเล่นกีตาร์โปร่งโชว์ต่อสายตานับ 10 คู่ (คนบ้าอะไร เอากีตาร์มาเตะบอลด้วย)

"เท่ห์แท้ เท่ห์แท้" เด็กชายคิดขณะชมการแสดงดนตรี

"ถ้าเล่นได้บ้าง รับรองเราต้องเท่ห์กว่ามัน แต่จะทำไงดี" คือคำถามที่ตามมาติดๆ

เด็กชายคิดอยู่พักนึงก็ได้คำตอบ คือ ต้องให้ "พี่ข้างบ้าน" คนเล่นกีตาร์เป็นคนเดียวที่เด็กชายนึกออกและเชื่อว่าจะช่วยสอนกีตาร์ให้เด็กชายได้ เขาจึงรีบบึ่ง BMX กลับบ้านอย่างผิดปกติ ซึ่งเด็กชายไม่ผิดหวัง เขาไปทันพี่ข้างบ้าน หนำซ้ำพี่คนนั้นยังช่วยสอนกีตาร์ให้เด็กชายอีกต่างหาก

เรื่องมีแค่นี้แหละ

....

นั่นเป็นเรื่องของผมเองแหละ สมัยผม 11 ขวบครับ นึกภาพตัวเองแล้วขำเหมือนกัน อยากเล่นก็ลุยดะไปโด่ๆ (ก็เด็กอะเนาะ) โชคดีนะ ที่พี่ข้างบ้านเขายอมสอน ไม่งั้นอดเท่ห์แหงๆ ผมเชื่อว่าคุณที่คลิกเข้ามาอ่านหน้านี้หลายคนก็คงจะอยู่ในภาวะอยากเล่นดนตรีเหมือนผมตอนนั้น ครับ ถ้าอยากก็ลุยเลย แบบผมตอนเด็กนั่นแหละ แต่ก่อนลุย อ่านตัวหนังสือด้านล่างนี้สักนิดก่อนนะครับ เป็นสิ่งเล็กๆ แปดสิ่งที่คุณจำต้องมีก่อนเริ่ม

รู้ไวใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม นะครับ

เชิญ!

สิ่งที่หนึ่ง : มีความเหมาะสมกันของเครื่องดนตรีและสรีระ-ร่างกาย

เครื่องดนตรีชิ้นไหนที่คุณอยากเล่น อันนี้คุณรู้อยู่แก่ใจ แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า นอกจากคนจะเลือกเครื่องแล้ว เครื่องเองก็เลือกคนเช่นกัน คนเลือกเครื่องจากความชอบ ..แต่เครื่องเลือกคนจาก "สรีระ" ครับ เครื่องดนตรีบางชนิด มี "สรีระ" เป็นตัวชี้วัดว่าคุณจะเล่นมันได้ไหม เช่น เครื่องประเภทเครื่องเป่า (เช่น แซ็กโซโฟน, ทรัมเป็ต) ที่จะฝึกลำบากมากๆ หากรูปปากของคนไม่เหมาะกับเครื่อง หรือกับเครื่องประเภทสายอย่างกีตาร์นี่ก็ช่างเลือกพอๆ กัน ผมมีเพื่อนสาวหลายคนที่อยากเล่นกีตาร์ แต่ดันเกิดมามีนิ้วมือสั้น จับคอกีตาร์ไม่มิด ก็อดเล่นกันไป (บางคนเปลี่ยนมาเล่นอูคูเลเล่แทน) ฉะนั้น จงศึกษาก่อนว่าสรีระของเรากับเครื่องมันเหมาะกันไหม ถ้าไม่ได้ แนะนำว่าเปลี่ยนไปเล่นเครื่องอื่นดีกว่า

สิ่งที่สอง : มีเครื่องดนตรีเอาไว้ฝึก

ถ้าคุณจะหัดปั่นจักรยาน คุณก็ต้องมีจักรยาน เพราะ ถ้าไม่มีจักรยาน ก็ไม่รู้จะหัดยังไง หัดเล่นดนตรีก็เหมือนกันครับ จะหัดก็ต้องมีเครื่อง โดยเครื่องนั้นจะต้องอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ ไม่ผุพังจนไม่เหลือสภาพ ถ้าเปรียบเป็นจักรยานก็ต้องเป็นจักรยานที่มีล้อครบ ยางไม่รั่ว โซ่ไม่ขาด สำหรับมือใหม่ เครื่องที่ใช้หัดนี้เอาแค่ใช้งานได้ก็เพียงพอแล้ว ไม่ต้องเป็นเครื่องระดับเริศ หรู อลังการ ก็ได้ สบายมาก ตอนผมหัดเล่นกีตาร์ ผมไม่มีกีตาร์เป็นของตัวเอง อาศัยยืมเอา ก็ไปยืมจากพี่ข้างบ้านนั่นแหละมาหัด จนเป็น ถึงได้ขอตังค์พ่อซื้อตัวใหม่ สูตร "ยืม" นี้ผมไม่สงวนสิทธิ์ถ้าคุณจะเอาไปใช้ครับ แต่เตือนไว้นิดว่าคนทุกคนหวง ห่วง ของหมดแหละ ถ้ายืมได้ก็ใช้ให้ระวังสุดฤทธิ์ แต่ถ้าไม่รู้จะยืมใคร ก็แนะนำว่าซื้อเถอะครับ ซื้อพวกตัวราคาระดับต้นๆ ถึงกลางก็ได้ ไม่ต้องเอาตัวแพงมาก พวกตัวท้อปเอาไว้ซื้อตอนเล่นเป็นแล้วก็ไม่สาย ปล.โอกาสหน้าค่อยว่ากันในประเด็นวิธีเลือกซื้อนะครับ

สิ่งที่สาม : มีผู้นำทาง

ผู้นำทางก็คือ ครู ครับ
ข้อดีของการมีครู คือ มีคนแนะว่าต้องฝึกยังไง หัดยังไง เริ่มตรงไหน จบตรงไหน แก้ปัญหายังไง ดังนั้น ไปหาครูมาครับ หาไม่ยากเลย ยิ่งเดี๋ยวนี้มีครูนอกโรงเรียนพวก หนังสือ, DVD, คลิป ฯลฯ ...โอ้ย สบายสุดๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การเรียนที่ได้ผลที่สุด คือ การเรียนกับครูตัวเป็นๆ นะจ๊ะ

 

สิ่งที่สี่ : มีเวลาฝึก

ต่อให้มีเครื่องดนตรีราคาแพง มีครูเก่งขั้นเทพ คุณก็จะเล่นไม่เป็น ถ้าคุณไม่มีเวลาฝึกตามบทเรียน เวลานี่จำเป็นกับดนตรีมากครับ การฝึกดนตรีก็เหมือนการออกกำลังกาย ถ้าไม่ทำก็ไม่เห็นผล ดังนั้น จงให้เวลากับมัน ตอนผมหัดกีตาร์ใหม่ๆ ทุกวันหลังเลิกเรียน (และเตะบอล) ผมจะขลุกอยู่กับกีตาร์อย่างน้อยวันละ 2 ชั่วโมง แล้วไอ้ 2 ชั่วโมงนี่แหละที่ผ่านไป 7 วันผมก็เล่นกีตาร์โชว์หญิงได้สมใจ ถ้าคิดจะฝึกก็จงหาเวลาให้ได้ อย่างน้อยต้องวันละ 1 ชั่วโมงครับ (และต้องเป็น 1 ชั่วโมงที่ฝึกอย่างตั้งใจด้วย)

สิ่งที่ห้า : มีสถานที่สำหรับฝึก

เพราะเครื่องบางชิ้นมันคอนโทรลความดัง-เบาของเสียงลำบาก โดยเฉพาะพวกเครื่องประเภทเคาะ (พวกสารพัดกลองนั่นแหละ) ดังนั้น ถ้าเครื่องของคุณมันคอนโทรลเสียงยาก ห้องเก็บเสียง คือสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งยวด (เชื่อเถอะว่า สำหรับคนอื่น เสียงตอนซ้อมเนี่ยมันน่ารำคาญสุดๆ มันจะน่าฟังก็ต่อเมื่อเล่นเป็นเพลงแล้วเท่านั้น) จริงๆ ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องเสียงคุณจะฝึกที่ไหนก็ได้ที่ไม่มีอะไรมากวนสมาธิ จะเป็นห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ หรือห้องอะไรก็ตามสะดวกครับ (ไม่แนะนำให้ทำอย่างอื่นขณะฝึก)

สิ่งที่หก : มีใจ

จริงๆ แล้วทุกคนมีใจที่จะเล่นตั้งแต่คิดจะฝึกแล้วละ แต่ด้วยความที่ใจคนมันไม่แน่นอน วันนี้อยาก พรุ่งนี้อาจจะขี้เกียจก็ได้ ใครจะไปรู้ (มันก็ไหลไปเรื่อยตามเรื่องมันแหละ) ดังนั้น เรื่องใจนี่ตัวใครตัวมันเถอะครับ

สิ่งที่เจ็ด : มีอุปสรรค

การฝึก คือ การชนะอุปสรรคให้ได้ ยิ่งฝึกมาก ก็ยิ่งเจออุปสรรคมาก ยิ่งเหนื่อยมาก ยิ่งลำบากมาก แต่มันก็ทำให้เก่งมากไปด้วย ดนตรีไม่มีทางลัดครับ อยากได้ต้องฝึกเอาเอง

สิ่งที่แปด : มีสุข

จินตนาการภาพตอนคุณเล่นมันเป็นแล้วครับ นั่นแหละ มีสุข

สรุป

แปดสิ่งนี้ คุณขาดตรงไหน ยังไง ก็หามาใส่ให้เต็มนะครับ เชื่อเถอะว่า มันจะทำให้การฝึกเล่นดนตรีหลังจากนี้เป็นไปอย่างราบรื่น ชื่นมื่นหัวใจ สดใจทางอารมณ์ จริงๆ นะ!!!

 

ณัฐพงษ์ ทองน้อย (ถังเบียร์)
นักดนตรีอิสระ
คอลัมน์นิสต์อิสระ

 

 

ติดตามทุกเรื่องราวเกี่ยวกับผู้ชาย รวบรวมข้อมูลเรื่อง แฟชั่นผู้ชาย ทรงผมผู้ชาย น้ำหอมผู้ชาย
พร้อมด้วยหลากหลายบทความเกี่ยวกับ สุขภาพ สาวสวย และที่เที่ยวกลางคืนได้ที่นี่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook