คุยกับหมอพิณ จูบใครคิดว่าไม่สำคัญ

คุยกับหมอพิณ จูบใครคิดว่าไม่สำคัญ

คุยกับหมอพิณ จูบใครคิดว่าไม่สำคัญ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สวัสดีโซเชียลแคม เอ๊ย สวัสดีค่ะคุณผู้อ่าน ก็ไม่มีอะไรมาก สัปดาห์นี้จะมาคุยกันเรื่องจูบกันนะคะ

ไม่ว่าจะจูบกันท่าไหน ท่าที่พระเอกกับนางเอกสะดุดล้มกลิ้ง 3-4 ตลบ สุดท้ายปากประกบกัน หรือจูบฉากจบบริบูรณ์

ถ้าขึ้นชื่อว่าจูบแล้ว นอกจากความวาบหวาม โรคอะไรที่สามารถติดต่อกันทางน้ำลายหรือการจูจุ๊บกันได้บ้าง

-โรคแรก ก็โรคสามัญประจำบ้าน อย่าง "หวัด" นี่ละคะ

แค่บางทีเพื่อนเราเป็นหวัด ไม่ต้องให้มันมาจูบเรา แค่ฮัดเช้ยใกล้ ๆ เรายังติดหวัดเขาเลยใช่ไหมค่ะแล้วจูบกันเนี่ยจะขนาดไหน นั่นเป็นเพราะช่องปากติดต่อโดยตรงกับลำคอและจมูก ดังนั้นน้ำมูก น้ำลาย ส่งถึงกันได้แน่นอนค่ะ

-เริม แผลบริเวณปากที่เกิดจากเชื้อ Herpes Simplex Virus

ชนิดที่ 1 สามารถติดต่อกันได้ทางการสัมผัส ซึ่งจะติดต่อกันง่ายมากขึ้น ถ้าแผลปะทุหรือแตกออก

-โรคไวรัสตับอักเสบบี โรคนี้สามารถติดต่อกันทางเพศสัมพันธ์ได้ง่าย

เราสามารถพบเชื้อได้ในอสุจิ สารคัดหลั่งในช่องคลอด น้ำลาย การมีเพศสัมพันธ์โดยใช้ปากและทางทวาร สามารถติดต่อได้ง่าย

แต่การจับมือ กอดกัน จูบกันเบา ๆ แบบปากประกบกัน ไม่ทำให้ติดโรคได้

ส่วนการจูบแบบดูดดื่มนั้น...ไม่แน่ โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ใส่เหล็กดัดฟันหรือมีแผลในปาก

-ฟันผุ เชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดฟันผุ สามารถติดต่อกันทาง

การจูบได้ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นกับว่า คนที่รับเชื้อมาดูแลสุขภาพช่องปากดีแค่ไหน ถ้าดูแลดีฟันก็ไม่ผุ แต่ถ้าดูแลไม่ดีฟันก็ผุอยู่ดีค่ะ

-ส่วนโรคเอดส์ไม่ติดต่อกันทางน้ำลายหรือการจูบนะคะ

ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการจูบหากคุณหรือคนที่คุณจะจูบป่วย เป็นหวัด มีแผล มีตุ่ม มีหูดขึ้นบริเวณปากและดูแลสุขภาพช่องปากอย่างสม่ำเสมอนะคะ (ถ้าฟันผุ มีกลิ่นปาก ก็ไม่น่าจูบจริงไหมค่ะ)

การจูบเป็นการแสดงออกถึงความรักความผูกพัน ทั้งโรแมนติกและอีโรติก คือการจูบถือเป็นการโหมโรง (ก่อนปฏิบัติการบนเตียง) สามารถลดภาวะความเครียดได้ด้วยนะคะ

ดังนั้น หันไปสบตากันอย่างหวานซึ้ง

(และกวาดสายตาดูปากอย่างรวดเร็ว โอเค ไม่มีเริม ไม่มีหูด)

แล้วก็บรรจงจูบกันได้เลยค่ะ

สวัสดีค่ะ จุ๊บ ๆ


ที่มา
คอลัมน์ คุยกับหมอพิณ
โดย พญ.พิณนภางค์ ศรีพหล

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook