เปลี่ยนวิกฤตหนี้10ล้าน เป็นโอกาสในการตอบแทนคุณ นพ.ภูริวัจน์ อริยกุศลสุทธิ

เปลี่ยนวิกฤตหนี้10ล้าน เป็นโอกาสในการตอบแทนคุณ นพ.ภูริวัจน์ อริยกุศลสุทธิ

เปลี่ยนวิกฤตหนี้10ล้าน เป็นโอกาสในการตอบแทนคุณ นพ.ภูริวัจน์ อริยกุศลสุทธิ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เปลี่ยนวิกฤตหนี้10ล้าน เป็นโอกาสในการตอบแทนคุณ นพ.ภูริวัจน์ อริยกุศลสุทธิ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ความงาม

ในวันที่ชีวิตพบอุปสรรคครั้งใหญ่ สิ่งสำคัญที่ทำให้ผมฝ่าฟันทุกวิกฤติมาได้ก็คือ การบอกตัวเองว่านี่คือช่วงเวลาของการตอบแทนพระคุณผู้ให้กำเนิด

ผมเกิดในครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน มีพี่น้องสี่คน ผมเป็นลูกชายคนโต คุณพ่อ คุณแม่ทำธุรกิจโรงงานทำไม้แขวนเสื้อ
คุณพ่อคุณแม่ของผมเป็นคนขยันมาก และกตัญญูต่อผู้ให้กำเนิด ท่านดูแลคุณย่าเป็นอย่างดี ครั้งหนึ่งเมื่อคุณย่าอายุ 80 ปีล้ม เลือดออกในสมอง คุณหมอบอกว่า ไม่ควรผ่าตัด เพราะอายุมากและค่าใช้จ่ายสูง แต่คุณพ่อสู้ ยอมจ่ายเพื่อให้คุณย่าหายเป็นปกติ หลังจากนั้นไม่นานคุณย่าล้มอีกครั้ง กระดูกสะโพกหักและมีโรคแทรกซ้อน เมื่อคุณหมอ
เห็นว่าไม่ไหวแล้ว จึงเรียกลูกหลานมาดูใจ คุณย่าสั่งเสียลูกหลานทุกคนเสร็จ ท่านก็จากไปอย่างสงบ ผมเสียใจมาก แต่ก็ได้เห็นตัวอย่างความกตัญญูที่คุณพ่อมีต่อคุณย่า ทำให้ผมซึบซับมาปฏิบัติตาม
คุณพ่อส่งลูกๆ ทั้งสี่คนไปเรียนโรงเรียนเอกชน พวกเรามีความเป็นอยู่ที่ดี มีรถนั่ง มีคนขับรถ ทุกอย่างดูดีไปหมด แต่แม้จะอยู่สบายอย่างไร ผมก็ยังไม่ลืมหน้าที่ลูกที่ดี เลิกเรียนผมมักไปช่วยคุณพ่อคุณแม่บรรจุไม้แขวนเสื้อใส่ถุงพลาสติก นั่งรถกระบะขนของไปส่งลูกค้าแถว ๆ ตลาดโบ๊เบ๊และโรงงานต่าง ๆ
หลังจบมัธยมปลาย ผมเลือกเรียนหมอที่มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง เพราะคุณย่าเคยพูดว่าอยากให้ลูกหลานเป็นหมอสักคน
ปีหนึ่ง ผมตั้งใจเรียนเต็มที่ แต่ในขณะเดียวกันก็ใช้ชีวิตวัยรุ่นเต็มที่เช่นกัน เที่ยวกลางคืนกับรุ่นพี่ ตีสนุ้ก สูบบุหรี่ ดื่ม
เหล้า เมากลับบ้าน ผมใช้ชีวิตแบบนั้นโดยไม่รู้เลยว่าครอบครัวกำลังประสบพิษเศรษฐกิจ ปี พ.ศ. 2540 ทำให้มีหนี้สิน 10 ล้านบาท!
ผมมารู้ว่าที่บ้านมีหนี้สินช่วงเรียนอยู่ปี 2 คุณพ่อคุณแม่ต้องปิดโรงงาน ขายที่ดินและเครื่องเพชรที่มีทั้งหมด ต้องยืมเงินเพื่อนมาเป็นค่าเทอมลูกๆ ทั้งสี่คน ผมปรึกษาอาจารย์ถึงปัญหาการเงินของครอบครัว อาจารย์ช่วยให้
ผมได้กู้เงินจากกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา
ตอนขึ้นปี 3 ผมต้องเรียนประมาณ 300 หน่วยกิต ซึ่งค่าหน่วยกิตแพงมาก ผมเครียดหนัก เพราะลำพัง
เงินกู้ไม่พอจ่ายค่าเทอม ผมไม่อยากให้คุณพ่อคุณแม่เดือดร้อนไปกว่าที่เป็นอยู่ นอกจากเครียดเรื่องเงินแล้ว
เรื่องเรียนก็ยากมาก ผมคิดเยอะ ฟุ้งซ่านไปหมดจนคุณแม่ผิดสังเกต ท่านเข้ามาคุยด้วย พอท่านรู้
สาเหตุ ท่านกอดผมเอาไว้ร้องไห้แล้วพูดว่า

“ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น มาถึงจุดนี้แล้วมันต้องมีทางออก”
ฟังคำแม่จบ ผมคิดอย่างเดียวว่า
“ผมต้องเรียนจบ 6 ปีให้ได้ และจะตั้งใจทำงานเพื่อหาเงินมาช่วยคุณพ่อคุณแม่ใช้หนี้”
สุดท้ายผมเรียนจบตามที่ตั้งใจไว้ ผมทำงานทันทีเพื่อหารายได้มาช่วยเหลือที่บ้าน โดยเป็นหมอตรวจคนไข้ประกันสังคมที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ระหว่างนั้นผมสนใจเรื่องผิวหนัง และมีพี่ที่รู้จักเป็นหมอผิวหนัง อยากให้มาช่วยงานที่คลินิก ผมก็ไปช่วย เขาสอนผมหลายอย่างและแนะนำว่าควรเรียนอะไรเพิ่มเติม หลังจากนั้นผมเก็บเงินเพื่อไปเรียนคอร์สผิวหนังระยะสั้นที่ประเทศฝรั่งเศส และนำความรู้ที่ได้มารักษาคนไข้ในคลินิก
ปี พ.ศ. 2552 ผมทำงานอยู่ที่คลินิกแห่งหนึ่ง ผมมีโอกาสได้พบ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ในงานงานหนึ่ง ผมขอท่านว่า ช่วยเขียนข้อคิดเตือนใจให้ผมหน่อย ท่านเขียนให้ว่า
“บอลต้องภูมิใจที่มีโอกาสได้ช่วยเหลือผู้อื่น”
คำที่ท่านเขียนเป็นทั้งข้อคิดและกำลังใจที่ติดตัวผมอยู่เสมอ

ทุกวันนี้ผมช่วยครอบครัวปลดหนี้ได้สำเร็จ เพราะคิดเสมอว่า ทุกสิ่งที่ผมทำผมกำลังทำเพื่อใคร ผมจึงก้าวมาถึงวันนี้ได้สำเร็จ 

Secret BOX
อย่ายึดติดว่าต้องทำงานแบบไหน เราจะเป็นอะไรก็ได้ เพราะทุกคนมีศักยภาพพอที่จะทำ
นพ.ภูริวัจน์ อริยกุศลสุทธิ
เรื่อง นพ.ภูริวัจน์ อริยกุศลสุทธิ เรียบเรียง อุรัชษฎา  ขุนขำ

ภาพ สรยุทธ  พุ่มภักดี  สไตลิสต์ ณัฏฐิตา  เกษตระชนม์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook