คิดแบบ “พอล ภัทรพล” เหนื่อยชั่วคราว สบายชั่วโคตร

คิดแบบ “พอล ภัทรพล” เหนื่อยชั่วคราว สบายชั่วโคตร

คิดแบบ “พอล ภัทรพล” เหนื่อยชั่วคราว สบายชั่วโคตร
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากจุดเริ่มต้นครอบครัวประสบปัญหาทางการเงินขั้นรุนแรง จนทางบ้านไม่สามารถส่งเสียให้เรียนต่อที่อเมริกาได้ “พอล ภัทรพล ศิลปาจารย์” อดีตพระเอกชื่อดัง จึงต้องตัดสินใจกลับประเทศไทย และจากปัญหาครอบครัวประสบปัญหาทางด้านการเงินจึงทำให้เขาตั้งใจแน่วแน่ว่า “ผมต้องรวย”

ในเวลาต่อมาเขามีโอกาสเข้าสู่วงการบันเทิง เป็นดีเจ นักแสดง พิธีกร และเจ้าของรายการ พร้อมกับทำธุรกิจหลายอย่าง  จนประสบความสำเร็จทั้งชื่อเสียงและเงินทอง แต่เขาก็มีคำถามในใจว่า  การใช้ชีวิตเพื่อรอวันเกษียน  ทำไมถึงได้เหนื่อย  ทำไมไม่มีวันหยุด และสุขภาพกลับแย่ลงทุกวัน เขาจึงเริ่มค้นหาคำตอบว่า  จะมีทางไหนที่ทำให้ชีวิตแค่ “เหนื่อยชั่วคราว สบายชั่วโคตร” และในที่สุดเขาก็ได้เจอคำตอบ

จุดเริ่มที่อยากให้ตัวเองเกษียณอายุเร็ว

“มันเกิดขึ้นตั้งแต่เด็กๆ ที่ผมอยากจะเกษียนเร็วเพราะคิดว่าชีวิตนี้เกิดมาเพื่อใช้ชีวิต  ไม่ได้เกิดมาไว้ทำงานตลอดชีวิต คำว่าเกษียนเร็วไม่ใช่ว่าอยากอยู่บ้านเร็วๆ แต่หมายถึงว่าอยากได้ไปทำในสิ่งที่เรารักเราชอบ ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่รู้หรอกว่าคืออะไร  แต่ความบังเอิญผมได้เข้าวงการบันเทิงตั้งแต่อายุยังน้อย  ก็เลยทำให้มีโอกาสพบกับที่ปรึกษาทางด้านการเงิน ซึ่งจริงๆ คือคุยกันเรื่องภาษี

หลังจากนั้นพี่เขาก็ถามว่ามีแผนเรื่องการเกษียนไว้บ้างไหม ซึ่งเราก็เพิ่งอายุ 19-20 แน่นอนว่าเราก็ยังไม่ได้คิดอะไร  ซึ่งพี่เขาก็ถามอีกว่าตั้งใจมีลูกกี่คน  ลูกจะเรียนที่ไหนถ้ามี  รายได้จะเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ต่อปี  ถ้าเข้าโรงพยาบาลระดับไหน และเขาก็ถามว่าอยากเกษียนตอนอายุเท่าไหร่ ผมก็บอกว่า 45 ในตอนนั้นและเขาก็ถามว่าแล้วตายล่ะผมก็บอกว่า 80 แล้วกัน

พี่เขาก็ก้มหน้าเคาะคอมพิวเตอร์ และเขาก็เงยมาบอกว่าถ้าคุณอยากมีทั้งหมดที่บอกมาคุณต้องมีเงิน 300 ล้าน ซึ่งผมยังคิดว่าพี่เขาบอกผิดหรือเปล่า พอทุกวันนี้มาถึงวันนี้มันก็ใช่จริงๆ นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นแรกๆ ของผมที่ตั้งโจทย์ให้ตัวเองเกษียณอายุทำงานเร็ว”

คุณเริ่มต้นอย่างไรหลังที่ตั้งโจทย์ชีวิตต้องมีเงิน 300 ล้านบาท

 “ผมทำงานหนักมากทำทุกอย่าง ดีเจ เล่นละคร ร้องเพลง และก็ทำให้ค้นพบว่า  สิ่งที่ได้คือความสำเร็จในหน้าที่การงาน ได้เงินเยอะ ได้ชื่อเสียง  แต่ส่วนตัวผมกลับรู้สึกว่าผมล้มเหลวในเรื่องคุณภาพชีวิต  เวลาไม่มี  สุขภาพก็ค่อยๆ แย่ลง ทำงานหนักต่อเนื่อง 7 วัน ตลอดเวลา 15 ปีของชีวิตในวงการ  แต่ก็ยังมองว่ามันเป็นชีวิตที่เยี่ยมมากเราอายุยังน้อย แต่เรามีโอกาสหาเงินได้มากกว่าเพื่อนๆ ในวัยเดียวกัน  และก็ยังไม่จบแค่นั้น 

พอเราหาเงินได้เราก็รู้ว่ายังไม่พอ  ในอาชีพวงการบันเทิงอย่างเดียว ก็เลยทำธุรกิจส่วนตัว  ทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดก็ทำรายการสารคดี  มันก็เริ่มส่งผลให้เรามีรายได้เพิ่มมากขึ้น  แต่ปรากฏว่าเวลายิ่งหายไป  ความเครียดก็เพิ่มมา แต่ก็ยังไม่รู้ตัว ก็เริ่มทำธุรกิจใหญ่ขึ้นไปลงทุนทำธุรกิจยากับเพื่อนๆ ทุกอย่างไปได้ดีแต่ระหว่างทางผมก็มีคำถามในใจว่า  ได้เงินมากมายแต่เวลาชีวิตยิ่งหาย เงินเยอะขึ้นสุขภาพยิ่งแย่ลง”

 

การทำงานหนักดูเหมือนว่าจะทำให้คุณค้นพบคำตอบชีวิตบางอย่าง

 “ข้อแรกคือ  ความสุขมันไม่ใช่การมีเงินอย่างเดียว  ความสุขของผมแบ่งเป็นสองส่วนก็คือกายและใจ ความสุขมันอยู่ที่ใจ  จะรวยจะจนจะ  ร่างกายครบ 32 หรือแขนขาขาด  จริงๆ ก็มีความสุขได้ไม่แพ้กันอยู่ที่ใจ  แต่ถ้าเป็นความสุขกาย  สำหรับผมต้องมีสามอย่างเป็นอย่างน้อย คือต้องมี  เงิน เวลา และก็สุขภาพ ต้องมีพร้อมกัน ไม่ใช่ ได้เงิน เวลา สุขภาพแย่ แต่พออยากได้เวลาเงินไม่มี ก็เลยเข้าใจว่า  ที่จะมีทั้งหมดนี้ได้วิธีเดียวก็คือ  อิสรภาพทางการเงิน คือ ต้องไม่ถูกเงินใช้

ผมก็เริ่มศึกษา  การจะมีอิสระทางการเงินได้ก็ต้องมีทรัพย์สิน  ต้องเลิกทำงานแลกเงิน  ต้องเอาเวลาไปสร้างทรัพย์สินแทน  และทรัพย์สินสร้างเงินแทนเรา  หรือที่เรียกว่า Passive Income จากนั้นเราจึงค่อยๆ ถอยออกมาได้ หมายความว่า  คุณต้องสร้างอะไรก็ได้ที่สร้างรายได้ให้คุณได้ เช่น ปล่อยเช่าคอนโด หุ้นปันผล หรืออย่างผมก็เขียนหนังสือ เป็นต้น และก็ค่อยๆ สะสมไป เมื่อเราทำไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้  เราก็สามารถใช้ชีวิตได้ยาวนานและก็ไม่ต้องถูกเงินใช้ให้ทำงานหนัก

 ส่วนตัวผมก็ได้ลองทำมาหลายอย่าง เล่นหุ้นปันผล ปล่อยเช่าคอนโด ควบคู่กันไปทั้งสองอย่าง แต่ก็ใช่ว่าทำแล้วจะราบรื่นเลย มันก็มีการเจ็บตัวด้วย และตอนนี้ก็เขียนหนังสือ “เหนื่อยชั่วคราว สบายชั่วโคตร ฉบับพนักงานประจำ” คือ ผมแค่จะบอกว่าผมมีคุณภาพชีวิตที่ดี  มีความสุขมาก  มีอิสรภาพ  ผมก็มีชีวิตทุกวันนี้ได้  ออกจากวงการบันเทิงไม่ต้องทำงานแบบเมื่อก่อนก็ได้”

 

หนังสือ เหนื่อยชั่วคราว สบายชั่วโคตร คุณอยากให้อะไรกับคนอ่าน

“ในหนังสือเล่มนี้ไม่ได้สอนว่าให้คนทำงานน้อยๆ ขี้เกียจหรือรวยเร็ว จุดประสงค์จริงๆ  ของหนังสือคือ  สอนให้คนมีความสุขโดย มีเงิน มีเวลา และสุขภาพที่มาพร้อมกัน  ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต้องเปลี่ยนรูปแบบรายได้ให้เงินทำงาน  ไม่ใช่ใช้แรงทำงาน  และเมื่อคุณทำเสร็จเร็วคุณก็ได้ใช้ชีวิตยาว  แต่ถ้าคุณทำเสร็จช้า  คุณก็ได้ใช้ชีวิตสั้น  ก็มีแค่นี้ เพราะว่าชีวิตคนเรามีจำกัด เหนื่อยชั่วคราว สบายชั่วโคตรผม คือ ต้องมีเงินใช้แบบไร้กังวลไม่ต้องมีล้นฟ้าแต่ต้องมีให้ใช้  มีเวลาวันหยุดเป็นวันไหนก็ได้ที่ไม่ใช่แค่เสาร์อาทิตย์ และจะต้องมีสุขภาพที่แข็งแรงด้วย เพื่อได้ใช้อยู่กับคนที่เรารักและทำสิ่งที่เราชอบ

จะว่าไปผมเขียนหนังสือเหนื่อยชั่วคราวสบายชั่วโคตรมา 3-4 ปี จะเจอคำถามมาจากพนักงานประจำว่า  กลุ่มแบบพวกเขาที่เวลาน้อยมีข้อจำกัดพอสมควรจะมีแบบผมได้ไหม  ผมบอกเลยว่าได้  เพราะผมก็เคยเป็นพนักงานประจำมาเหมือนกันไม่ใช่ว่าไม่เคย  ซึ่งหลายคนไม่เคยทราบว่าผมทำงานเงินเดือนเก้าพันบาท  เคยนะขึ้นรถเมล์สองต่อไปทำงาน เงินชักหน้าไม่ถึงหลังก็เคย  บ้านโดนวิกฤตปี 40 ติดลบแปดหลักก็เคยมาแล้วครับ”

 

เคล็ดลับความสำเร็จที่คิดว่าทำให้ตัวเองมีคุณภาพชีวิตดีคืออะไร

“การเป็นนักลงทุนที่ดีต้องมี EQ และ AQ เพราะมันคือเรื่องของความมีน้ำอดน้ำทน  ความเฉลียวฉลาดทางด้านอารมณ์ ผมยกตัวอย่าง หุ้นปูนซีเมนต์ไทยเข้าตลาดวันแรกคือ บาทเดียว วันนี้อยู่ที่ห้าร้อยบาท แปลว่าถ้าวันนั้นเราใส่เงินไปหนึ่งล้านบาท ดังนั้นทุกคนจะมีห้าร้อยล้านบาทในวันนี้  แต่ผมบอกเลยว่าอาจจะมีแค่คนเดียว หรือสองคนในประเทศนี้ที่ยังถือไว้เพราะส่วนมากลงไปหนึ่งบาทพอหุ้นขึ้นไปห้าบาทขายกันแล้วเพราะมันขึ้นตั้งห้าเท่าแล้ว สิบบาทนี่คือสิบเท่า ตื่นเต้นแล้ว  ผมถึงบอกว่านี่คือ EQ มันเห็นเหมือนกันแต่เห็นแล้วคุณทำใจกับมันได้มั้ยมันคือวิสัยทัศน์

ส่วนคนที่ยังถือไว้คือ  คนที่เชื่อว่ามันยังไปต่อได้  ระหว่างทางที่ถือก็ได้ปันผลตลอด  คนที่ทำได้ตั้งแต่วันนั้นจริงๆ มีเป็นพันๆ ล้านแล้วครับทั้งรวมปันผลด้วย แต่ทั้งหมดเลยมันคือน้อยมาก  นี่คือตัวอย่างความสำเร็จของการเป็นนักลงทุน การลงทุนไม่ใช่เรื่องดวง แต่ต้องศึกษาเพราะการลงทุนคือความเสี่ยง  แต่วิธีที่จะควบคุมความเสี่ยงได้ต้องมีความรู้  ทุกอย่างมันมีความเสี่ยงอยู่แล้วขึ้นอยู่กับว่าคุณรู้มากรู้น้อย รู้น้อยก็เป็นเหยื่อคนเสมอ รู้มากก็เหมือนมีเกาะเป็นกำแพงป้องกันตัวเอง”

ความหมายรูปแบบรายได้

Active income  คือ หรือรายได้ที่ได้มาจากการทำงาน เป็นรายได้ของคนส่วนมากในปัจจุบัน เป็นรายได้ที่เกิดจากการทำงานของเรา ถ้าหากว่าเราหยุดทำงาน เราก็จะขาดรายได้ ดังนั้นการหารายได้แบบ active income เราจะไม่สามารถหยุดการทำงานของเราได้เลย เช่น พนักงานออฟฟิศ ลูกจ้างประจำ ซึ่งรายได้ที่ได้มาจะต้องแลกกับแรงงานของเรา รวมถึงเวลาในชีวิตของเรา  เราต้องทำงานทั้งชีวิตเพื่อรายได้ประเภทนี้

หลายคนอาจพอใจที่จะทำงานที่ได้รายได้ประเภทนี้ แล้วเก็บรายได้ที่ได้มาเอาไว้ใช้ตอนเกษียนหรือชรา แต่ก็อาจลืมไปว่าตอนนั้นร่างกายของเราก็ทรุดโทรม ไม่เหมือนตอนหนุ่มสาวที่สุขภาพแข็งแรง สามารถไปไหนมาไหนได้สะดวก ความรู้สึกที่ได้รับจากการมีอิสรภาพทางการเงิน ณ เวลานี้กับตอนชรา คงต่างกันไม่น้อยเลยทีเดียว

Passive income คือ เป็นรายได้ที่ได้มาแม้เราไม่ได้ทำงาน  หรือทำงานหนักเพียงครั้งเดียว บางทีหลายๆคนอาจยังมองไม่เห็นภาพ  ตัวอย่างที่ง่ายที่สุดเลยก็คือ เราทำงานหนักเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์  อย่างใดอย่างหนึ่งเช่น บ้าน ที่ดิน หรือห้องเช่า จากนั้นเราก็เอาอสังหาริมทรัพย์เรานั้น ปล่อยให้คนอื่นเช่าต่อ ก็จะทำให้เรามีรายได้จากค่าเช่าเป็น passive income ในทุกๆเดือน ถึงแม้เราจะไม่ได้ทำงานก็สามารถอยู่ได้

อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือ การลงทุนในตลาดหุ้นแบบ value investment  หรือ ลงทุนแบบเน้นคุณค่าในตัวหุ้น หรือเราจะเน้นลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ  ก็นับว่าเป็น passive income ในอีกรูปแบบ  การหารายได้หรือรายรับแบบ passive นั้นอาจต้องเหนื่อยในตอนแรก แต่ถ้าเราสามารถทำได้สำเร็จ จะทำให้เรามีอิสรภาพทางการเงินอย่างแน่นอน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook