5 เหตุผลที่ไม่ควรออกกำลังกายแบบเดิมซ้ำๆ

5 เหตุผลที่ไม่ควรออกกำลังกายแบบเดิมซ้ำๆ

5 เหตุผลที่ไม่ควรออกกำลังกายแบบเดิมซ้ำๆ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลายคนเมื่อพบการออกกำลังที่ใช่แล้วก็มักจะทำแบบเดิมซ้ำๆ การออกกำลังกายแบบอื่นไม่อยู่ในสายตาอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคนชอบวิ่งที่ได้เห็นระยะทางของตัวเองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หรือคนที่ติดใจช่วงเวลาหลังยกเวท เมื่อผลที่ได้คือกล้ามเนื้อเฟิร์มแน่นจนไม่อยากเล่นอย่างอื่นอีก

แต่เมื่อออกกำลังกายซ้ำรูปแบบไปในระยะหนึ่งจะเริ่มไม่เห็นผลความเปลี่ยนแปลง ออกกำลังเป็นชั่วโมงแล้วไม่สะใจเหมือนก่อน เหมือนกับร่างกายหยุดพัฒนาไปเสียเฉยๆ

“เมื่อออกกำลังกายตามโปรแกรมที่วางไว้อย่างสม่ำเสมอเป็นระยะเวลาหนึ่ง ร่างกายจะปรับตัวเพราะคุ้นเคยกับการใช้งานแบบนั้นแล้ว ดังนั้นจากเดิมที่ร่างกายกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อให้เกิดการเผาผลาญพลังงาน พอร่างกายชินกับการเคลื่อนไหวลักษณะนี้จนกล้ามเนื้อจำกลายเป็นการทำงานตามอัตโนมัติ จึงเกิดการเผาผลาญน้อยลง ทั้งๆ ที่ออกกำลังกายแบบเดิมในระยะเวลาเท่าเดิม ดังนั้นหลายคนจึงรู้สึกได้ว่าน้ำหนักลดยากไม่เหมือนช่วงแรกๆ”

คุณทนงศักดิ์ วงษาโสม Fitness Training and Development Manager จากฟิตเนส เฟิรส์ท ผู้เชี่ยวชาญด้านออกกำลังกาย บอกเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อออกกำลังกายเพียงรูปแบบเดียว แล้วก็ชวนมาปรับเปลี่ยนเพื่อท้าทายให้ร่างกายพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วยเหตุผลทั้ง 5 ประการดังนี้

 5 เหตุผลที่ควรปรับเปลี่ยนการออกกำลังให้หลากหลาย

1.       น้ำหนักสามารถลดลงต่อเนื่อง เมื่อออกกำลังด้วยกิจกรรมเดิมไปนานๆ จะทำให้ใช้ร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและกล้ามเนื้อไม่ทำงานหนักเหมือนตอนที่เริ่มออกกำลังกายใหม่ๆ ไม่เผาผลาญพลังงานมากเหมือนก่อน ส่งผลให้น้ำหนักก็ไม่ลดลงไปด้วย สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักจึงควรปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มการออกกำลังรูปแบบใหม่ เพื่อท้าทายร่างกายให้ใช้งานแบบที่ไม่คุ้นชิน เมื่อร่างกายไม่ชินแล้วก็จะกลับมาทำงานหนักขึ้นและเผาผลาญพลังงานเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ถึงกระนั้นก็ต้องไม่ลืมที่จะดูแลเรื่องอาหารควบคู่กันไปเพื่อให้การลดน้ำหนักได้ผล

2.       ป้องกันการบาดเจ็บกล้ามเนื้อส่วนเดิม คนที่ออกกำลังกายรูปแบบเดิมเป็นประจำย่อมใช้กล้ามเนื้อชุดใดชุดหนึ่งเคลื่อนไหวในรูปแบบซ้ำๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อ ข้อต่อ และเอ็นเฉพาะส่วนได้ การปรับโปรแกรมหรือเข้าคลาสใหม่ๆ จะเปิดโอกาสให้เคลื่อนไหวในรูปแบบอื่นใช้กล้ามเนื้อที่หลากหลายขึ้น ถือเป็นการพักกล้ามเนื้อส่วนที่ใช้งานเป็นประจำให้ฟื้นฟูกลับมาพร้อมสำหรับการออกกำลังแบบที่ชอบอีกครั้ง

3.       สร้างกล้ามเนื้อส่วนอื่นให้แข็งแรงขึ้น เวลาที่ถนัดหรือชอบการออกกำลังกายแบบหนึ่ง ร่างกายก็จะพัฒนากล้ามเนื้อและความสามารถในการใช้สำหรับการเคลื่อนไหวแบบนั้น แต่อาจจะทำให้ละเลยกล้ามเนื้อส่วนอื่นได้เหมือนกัน การทำกิจกรรมใหม่ๆ จะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อส่วนที่อ่อนแอให้แข็งแรง เตรียมความพร้อมสำหรับการทำกิจกรรมรูปแบบที่หลากหลาย และให้ผลดีต่อสุขภาพโดยรวมด้วย

4.       กระตุ้นการทำงานของสมอง นอกจากการออกกำลังจะพัฒนาร่างกายแล้ว การฝึกซ้อมเพื่อให้เคลื่อนไหวและใช้งานร่างกายได้ตามต้องการนั้นต้องผ่านการกระตุ้นเซลล์ประสาทจากสมอง แต่เมื่อเริ่มชำนาญหรือเคยชินแล้วร่างกายก็จะสามารถทำไปตามอัตโนมัติ การออกกำลังแบบอื่นหรือการเข้าคลาสใหม่ๆ จึงเป็นการท้าทายและจุดประกายสมองให้ทำงานเพิ่มขึ้นไปด้วย

5.       กลับมาตื่นเต้นกับการออกกำลังกายอีกครั้ง การวิ่งในเส้นทางเดิมๆ เล่นเครื่องมือชนิดเดิมๆ เข้าคลาสเดิมกับการทำท่าเดิม อาจทำให้การออกกำลังกายเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่ายจำเจ กลายเป็นหน้าที่เพื่อดูแลสุขภาพไม่ให้เจ็บป่วย แค่เข้ามาทำให้ครบเซทหรือนับเวลาถอยหลังรอให้ครบเวลาจะได้รีบกลับบ้านเท่านั้น การปรับเปลี่ยนรูปแบบการออกกำลังกายที่ได้เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ หรือกระทั่งพบเพื่อนกลุ่มใหม่ ที่ล้วนเป็นส่วนที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดความสนุกและตื่นเต้นกับการออกกำลังกายอีกครั้ง

 

                จะเห็นได้ว่าการออกกำลังกายที่หลากหลายนอกจากจะส่งผลดีต่อร่างกายและสมองแล้ว ยังถือว่าดีต่อใจอย่างมากอีกด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook