ประโยชน์ของการใช้โต๊ะทำงานแบบยืน

ประโยชน์ของการใช้โต๊ะทำงานแบบยืน

ประโยชน์ของการใช้โต๊ะทำงานแบบยืน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แนะนำประโยชน์ของการใช้โต๊ะทำงานแบบยืน ไปดูกันว่าการเปลี่ยนอิริยาบถการทำงานง่ายๆแค่นี้ จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพของเราได้อย่างไรบ้าง

เชื่อหรือไม่ว่า การนั่งทำงานนานๆในชีวิตประจำวันของเรานั้นมีผลเป็นอย่างมากต่อสุขภาพโดยรวมของคนเรา ผลสำรวจจากเว็บไซต์ Science Daily ระบุว่า คนอเมริกานั่งทำงานติดต่อกันโดยไม่มีการเคลื่อนไหวมากถึง 6 ชั่วโมงต่อวันเลยทีเดียว ดังนั้น หลายๆบริษัทนั้นจึงเริ่มมีการปรับเปลี่ยนโต๊ะทำงานให้เป็นแบบยืน ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบด้วยกัน ไปดูกันว่า การใช้โต๊ะทำงานแบบยืนนั้นจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพของเราได้อย่างไรบ้าง

1.  ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคอ้วน

การนั่งอยู่กับที่นานๆทำให้เกิดความเสี่ยงในการเป็นโรคอ้วนเนื่องจากร่างกายขาดการเคลื่อนไหว การวิจัยจาก Mayo Clinic ได้แบ่งกลุ่มคนเป็นสองกลุ่ม โดนให้ทุกคนเพิ่มการกินมากขึ้นกว่าเดิมถึง 1000 แคลอรี่ แต่กลุ่มหนึ่งนั้นมีการเคลื่อนไหวน้อยกว่ากลุ่มที่สอง ผลการวิจัยระบุว่า บุคคลที่อยู่ในกลุ่มที่หนึ่งมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นกว่ากลุ่มที่สองซึ่งนั่งน้อยกว่ากลุ่มแรกถึง 2.25 ชั่วโมง

2. ลดอาการ Office Syndrome และจัดระเบียบกระดูกสันหลัง

การนั่งทำงานนานๆ ยังมีผลต่อกระดูกสันหลัง กระดูกสะโพก บ่า ไหล่และคอ หรือที่เราคุ้นหูกันว่าโรค Office Syndrome นั่นเอง เนื่องจากสรีระของมนุษย์โดนปกตินั้นไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อการนั่งเฉยๆเป็นเวลานาน การเปลี่ยนเป็นโต๊ะแบบยืน จึงสามารถที่จะช่วยปรับสรีระและสร้างสมดุลให้กระดูกสันหลัง อีกทั้งยังสามารถลดอาการปวดเมื่อยต่างๆที่เกิดจาก Office Syndrome และพัฒนาบุคลิกภาพของเราได้อีกด้วย

3. ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง

นอกจากนั้นแล้วนักวิจัยยังพบว่าการนั่งนานๆนั้นทำให้ความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งมากขึ้น โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้และมะเร็งเต้านม โดยผลการวิจัยจากเว็บไซต์ Live Science ระบุว่ามะเร็งสองชนิดนี้มีความเกี่ยวข้องต่อการเคลื่อนไหวร่างกายมากที่สุด ถึงแม้ว่าจะยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่ชัดได้ว่า ปัจจัยหลักในการเกิดมะเร็งนั้นคืออะไร นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า เบื้องต้นนั้นการนั่งนานๆนั้นมีผลให้ร่างกายสร้างC-reactive protein ซึ่งก่อให้เกิดเซลล์มะเร็งมากขึ้นนั่นเอง

ที่มา sciencedaily  livescience

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook