“ทิวา ยอร์ค” เด็กเช็ดโต๊ะ เรียนไม่จบ สู่ Head Coach ขายดีดอทคอม

“ทิวา ยอร์ค” เด็กเช็ดโต๊ะ เรียนไม่จบ สู่ Head Coach ขายดีดอทคอม

“ทิวา ยอร์ค” เด็กเช็ดโต๊ะ เรียนไม่จบ สู่ Head Coach ขายดีดอทคอม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“ในทุกๆ 17 วินาทีจะมีสินค้า 1 ชิ้นขายได้ผ่าน Kaidee.com” คำการันตีจาก “ทิวา ยอร์ค” Head Coach แห่งเว็บไซต์ซื้อ-ขายของมือสอง (Kaidee ขายดี) ที่เชื่อว่าตอนนี้คนไทยน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี

ทิวา ยอร์คเป็นผู้บริหารหนุ่มลูกครึ่งไทย-อเมริกันผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ แม้ยังดูหนุ่มแน่นแต่เมื่อพูดคุยลึกลงไปการเดินทางสู่ตำแหน่งผู้บริหารของเขากลับเกิดจากการทำงานสารพัดอย่างมาตั้งแต่เด็ก จึงถือได้ว่าเขาเป็นผู้บริหารอีกคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จได้โดยไม่ต้องพึ่งใบปริญญา หากแต่เส้นทางนั้นก็ไม่ง่ายดายอย่างที่คิด

ชีวิตการทำงานเริ่มขึ้นตั้งแต่อายุ 13

คุณทิวา ยอร์คเป็นหนุ่มลูกครึ่งไทย-อเมริกันเติบโตที่อเมริกาในครอบครัวประกอบธุรกิจร้านอาหารไทย งานชิ้นแรกของเขาจึงเริ่มต้นจากเป็นเด็กเก็บจาน ทำความสะอาดโต๊ะภายในร้าน เมื่อเข้าสู่วัยมัธยมเริ่มรับจ้างเขียนป้ายให้โรงเรียนและทำงานพาร์ทไทม์อีกหลายประเภท

กระทั่งจบระดับมัธยมจึงเริ่มทำงานด้านคอมพิวเตอร์ให้คลินิกแห่งหนึ่งในแอริโซน่า แต่ไม่นานบริษัทซอฟต์แวร์ที่โอเรกอนก็ชวนเขาไปทำงานด้วย ทำให้เด็กหนุ่มวัย 20 คนนั้นตัดสินใจพักการเรียนและย้ายไปทำงานต่างเมือง เมื่อทำงานได้ 4 ปีเริ่มอิ่มตัวอยากเจอประสบการณ์ใหม่ๆ จึงตัดสินใจลาออก โดยตั้งใจนำเงินเก็บมาเดินทางเที่ยวรอบโลก และการมาเที่ยวบ้านแม่ที่เมืองไทย ก็ทำให้ชีวิตของเขาพลิกผันจนถึงทุกวันนี้

“ตอนแรกผมตั้งใจจะอยู่เมืองไทย 3 เดือน เพราะครอบครัวญาติผมอยู่ที่นี่ อยากลองดูว่าบ้านคุณแม่วัฒนธรรมเป็นยังไง ผมอยู่สักพักหนึ่งพอเจอแฟน แล้วก็ไม่ได้ไปไหนเลย จากที่วางแผน 16 ประเทศภายใน 10 เดือน ได้มา 2ประเทศภายใน 16 ปี”

ในช่วงเวลาที่กำลังค้นหาตัวเองไปพร้อมๆ กับการท่องเที่ยวเก็บเกี่ยวประสบการณ์เขาลองทำอะไรหลายๆ อย่างรวมทั้งเป็นครูสอนภาษาอังกฤษเพื่อหารายได้เสริมจนเวลาผ่านไป 3 ปี เขาอยากพัฒนาตัวเองและทำงานสายไอทีที่ตนเองชอบอีกครั้ง จึงเริ่มงานที่บริษัท Start up แห่งหนึ่งซึ่งถือเป็นบริษัทอันดับต้นๆ ของธุรกิจมีเดียออนไลน์เน็ตเวิร์คของประเทศไทย ทั้งยังเป็นผู้ก่อตั้ง WWTH (Web Wednesday Thailand) ซึ่งเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์คแรกของคนออนไลน์ ก่อนที่ Sanook.com จะติดต่อมาให้เข้าไปช่วยงานในส่วนของอีคอมเมิร์ซจนต่อมามีโอกาสได้ดูแล Kaidee.com จนถึงทุกวันนี้

“ทำสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกค้า เดี๋ยวรายได้ตามมาเอง” ปรัชญาธุรกิจ Kaidee.com

ในช่วงแรกของการทำธุรกิจขายดีดอทคอมยังเป็นช่วงของการลงทุนเพื่อสร้างและพัฒนาบริการให้กับลูกค้า จึงทำให้ยังไม่ก่อให้เกิดรายได้ แต่ในขณะนี้ขายดีมีบริการลักษณะ Freemium model หรือจะเรียกว่า Bump เป็นการกดเพื่อ “เลื่อน” ประกาศขึ้นไปไว้ตำแหน่งด้านบนใหม่ จากปกติเมื่อมีการลงประกาศขาย ตัวประกาศจะหล่นลงไปเรื่อยๆ แต่ถ้ากด Bump จะทำให้ประกาศเดิมที่หล่นไปแล้วเลื่อนไปอยู่ด้านบนเพื่อให้ผู้ซื้อเห็นประกาศอย่างต่อเนื่อง โดยคิดรายการจากการส่ง SMS ไปที่ระบบ หากแต่สิ่งเหล่านี้ก็ยังคงคิดถึงการบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า

“ที่ผ่านมาเราโฟกัสให้ตลาดของเราดีที่สุด เราลงทุนไปก่อน เพราะกลุ่มหลักของเราเป็นคนทั่วไปเอาของส่วนตัวที่ไม่ได้ใช้มาลงขาย เพราะฉะนั้นเราต้องทำให้มันใช้ง่ายที่สุด เมื่อไรที่มันยาก คุณป้า คุณลุง เขาจะไม่ค่อยใช้ แต่สิ่งที่เราจะได้กลับมาคือผู้ขายที่ต้องการบริการเสริม เราก็เพิ่มพรีเมียมเซอร์วิส ถ้าเขาเจอประโยชน์ในการโพสต์ขายกับเราแล้วอยากใช้บริการเสริมเราก็เก็บทีละนิด”

ไม่สำเร็จครั้งแรก ถือเป็นประสบการณ์

การบริหารงานในฐานะ Head Coach คุณทิวาบอกว่าสำหรับเขาแล้วหากจะทำงานให้สำเร็จโดยเฉพาะกับ Kaidee คำว่า “ทีม” สำคัญที่สุด

“การที่ทำงานไม่สำเร็จตั้งแต่ครั้งแรกถือเป็นประสบการณ์ ถ้าคุณไม่เคยล้มเหลว ไม่เคยลอง คุณจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร ตำแหน่งของผมเป็น Head Coach แต่ผมแค่เป็นหนึ่งในทีม หน้าที่ของผมแค่ไม่เหมือนคุณแค่นั้น ธุรกิจแบบเราเป็นกีฬาประเภททีมไม่ใช่กีฬาเดี่ยว ไม่ใช่กอล์ฟ ไม่ใช่เทนนิส เราเป็นฟุตบอล ถ้าคนนี้ไม่วิ่งด้วย เราก็ไม่ชนะหรอก หน้าที่ของ Head Coach ไม่ใช่วิ่งลงสนามเล่น หน้าที่ของผมคือช่วยผลักดันทีม ช่วยในการที่เขาจะลงสนามได้เล่นจริง”

3 อย่างถึงจะเรียกว่า “สำเร็จ”

แม้จะเป็นผู้บริหารที่ไม่มีใบปริญญาการันตี แต่สิ่งที่ทำให้คุณทิวาประสบความสำเร็จได้นั้นสำหรับเขาเชื่อว่าคือ 3 สิ่ง ซึ่งหากใครไม่พบ 3 สิ่งในงานที่ตนเองทำอยู่ คุณทิวาบอกว่า “ลาออก” ไปเถอะ

“ผมเรียนไม่จบ ผมควรจะไปเรียนต่อให้จบ ผมจึงไม่แนะนำให้ใครทำตามแบบผม เพราะมันทำให้ชีวิตยากขึ้น ผมแนะนำให้เรียนจบจะง่ายกว่า แต่ถ้าถามว่าทำได้ไหมมันทำได้ เพียงแต่มันสร้างอุปสรรคให้เยอะมากขึ้น ส่วนเรื่องความสำเร็จถ้าผมจะบอกว่าผมไม่ประสบความสำเร็จมันก็คงไม่ใช่ เพียงแต่เรื่องความสำเร็จไม่ได้อยู่ในหัวผมตั้งแต่แรก แต่เพราะผมมี 3 อย่างในสิ่งที่ผมทำอยู่คือ “รักในอาชีพ ได้ทำงานกับทีมที่เรารัก และเงินที่เหมาะสม ถ้างานที่ทำไม่มีสิ่งเหล่านี้ แนะนำให้ลาออกไปเถอะ อย่าอยู่รอความสำเร็จ”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook