มิตซูโอะเปิดใจพบแอนครั้งแรก 14 ก.พ. สึกเพราะใจตนเอง

มิตซูโอะเปิดใจพบแอนครั้งแรก 14 ก.พ. สึกเพราะใจตนเอง

มิตซูโอะเปิดใจพบแอนครั้งแรก 14 ก.พ. สึกเพราะใจตนเอง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ยิ่งกว่านิยาย เรื่องราวของหม้ายสาวนักธุรกิจไฮโซ "แอน-สุทธิรัตน์ มุตตามระ" วัย 52 ปี กับอดีตพระนักปฏิบัติชื่อดัง "มิตซูโอะ คเวสโก" ปัจจุบัน คือ มิตซูโอะ ชิบาฮาชิ วัย 62 ปี ทั้งคู่พบกันครั้งแรกในวันที่ 14 กุมภา วันวาเลนไทน์ ปี 2556 ด้วยเหตุที่สาวเจ้ามีทุกข์หนักเพราะโรงแรมที่ตนถือหุ้นอยู่ถูกไฟใหม้เกือบครึ่ง จึงไปขอธรรมะจากพระ

การพบกันครั้งแรกนั้นอดีตพระได้เทศน์สอนเพียง 1 ชั่วโมงครึ่ง แต่เป็น 1 ชั่วโมงครึ่งที่สั่นคลอนความรู้สึกลึกๆของอดีตพระไม่น้อย เพราะเป็นความรู้สึกแปลกที่ไม่เหมือนความรู้สึกต่อญาติโยมหญิงคนอื่น ไม่นานแอนได้เจออดีตพระอีกครั้ง แต่ตอนนั้นอดีตพระไม่สนทนาด้วย กระทั่งอดีตพระต้องรักษาเบาหวาน สีกาแอนในตอนนั้นจึงยื่นมือเข้ามาดูแลเนื่องจากมีคลินิคสุขภาพ ตั้งแต่นั้นมาสีกาแอนได้รับความไว้วางใจให้ดูแลเรื่องต่างๆ อาทิ ตอบเฟซบุ๊ค รับส่งอดีตพระ และปรนนิบัติรับใช้เรื่องอาหาร วิตามินต่างๆ จนในที่สุดอดีตพระมั่นใจความรู้สึก "รัก" เมื่อถึงทางเลือกจึงไม่ลังเล หรืออาลัยในเพศบรรพชิตที่ครองมาถึง 38 พรรษา

พลันที่พระมิตซูโอะ คเวสโก ได้ตัดสินใจลาสิกขาไปเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2556 ก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ครึกโครมทั้งในโลกจริง และโลกออนไลน์ โดยเฉพาะโลกออนไลน์นั้นเม้าท์กันกระหึ่มไปในทางลบมากกว่าครึ่ง ยิ่งการเดินทางออกจากประเทศไทยอย่างปัจจุบันทันด่วนแล้ว เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา

เป็นเวลาถึง 4 เดือนเต็ม ที่อาจารย์มิตซูโอะตัดสินใจควงแอนมาแถลงข่าว พร้อมทั้งเปิดตัวพ็อคเก๊ตบุ๊ค 2 เล่ม ชื่อว่า บทเทศน์วันสุดท้ายในเพศบรรพชิต และ ความในใจ...อาจารย์มิตซูโอะ เพื่อให้ลูกศิษย์และคนทั่วไปเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยอาจารย์มิตซูโอะได้แบ่งเป็น 8 บท ตั้งแต่ ประสบการณ์ชีวิตช่วงเป็นบรรพชิต ตัดสินใจลาสิกขา วันสุดท้ายในเพศบรรพชิต ชีวิตคู่ มรสุมข่าว ชีวิตอยู่ในประเทศญี่ปุ่น ชีวตในประเทศไทยหลังจากลาสิกขาแล้ว และเปิดใจในฐานะฆราวาส โดยมีบทส่งท้ายเรื่องฟางเส้นสุดท้าย ซึ่งเป็นบทสนทนาสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ระหว่างอาจารย์มิตซูโอะ แอน-สุทธิรัตน์ ดารณี บุญช่วย กรรมการ ผู้ดูแลการเงินของมูลนิธิฯ และวัดสุนันท์ สุจิตรา หิรัญพฤกษ์ ประธานมูลนิธิมายา โคตมี และ กิตตินันท์ อนุพันธ์ หรือ แจ๊ค ผู้โพสต์ในเฟซบุ๊คว่าอาจารย์ถูกสเน็ปยา

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 8 ตุลาคม อาจารย์มิตซูโอะ ชิบาฮาชิ อดีตพระนักบรรยายชื่อดัง และ แอน-สุทธิรัตน์ มุตตามระ นักธุรกิจสาวไฮโซ ได้แถลงข่าวเปิดตัวพ็อกเก๊ตบุ๊ค และเปิดใจครั้งแรกของอาจารย์มิตซูโอะ (คเวสโก) ชิบาฮาชิ และภรรยา ที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ โดยมี ลักขณา จำปา เป็นพิธีกร

มิตซูโอะ กล่าวว่า ที่เงียบไป 4 เดือน ก็คล้ายกับกบจำศีล เมื่อพร้อมแล้วก็ออกมาขอความเห็นใจต่อสังคม เพราะตนไม่ใช่คนเลวร้าย โดยเฉพาะเรื่องโดนมอมยาถูกพูดถึงในสังคมมาก ขออธิบายว่าก่อนจะลาสิกขาในวันเดียวกัน คือวันที่ 8 มิถุนายน 2556 ยังรับกิจนิมนต์เทศน์ทั้งวัน ก่อนเที่ยงเทศน์ให้สภาทนายความฟัง 1,300คน ตอนบ่ายเทศน์ที่วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามฯ และตอนเย็น เทศน์ที่วัดยานนาวา ตอนเทศน์นั้นจิตใจก็สงบ อารมณ์นึกคิดเรื่องลาสิกขาไม่ได้เข้ามารบกวนจิตใจ เตรียมการเทศน์เป็นอย่างดี เรื่องการลาสิกขานั้นได้พิจารณาเปรียบเทียบหลายๆด้าน ก็คิดว่าตัวเองไม่ได้เป็นพระมหาเถระ ไม่ได้เป็นพระอนาคามี หรือพระอรหันต์ จึงตัดสินใจลาสิกขา

"พอสึกออกมา คนบอกเสียศรัทธาทั้งประเทศ คนไทยบอกว่าสึกแปลว่าหมดบุญ แต่อาจารย์คิดว่าไม่ใช่ พระคเวสโกหายไป เหลือแต่อาจารย์มิตซูโอะ อาจารย์ก็ปฏิบัติเหมือนเดิม สอนมายังไงก็ปฏิบัติอย่างนั้น จากความเป็นพระ ก็เหลือศีล 5 เราก็ต้องเจริญอานาปานสติ ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด ซึ่งตั้งแต่สึกมา 4 เดือน ถ้าให้คะแนนตัวเองก็ต้องบอกว่าใช้ได้ แม้จะมีอารมณ์เกิดขึ้น ไม่ค่อยสบายใจก็พิจารณา บางครั้งรู้สึกเศร้า ก็เจริญอานาปานสติ หายใจเข้า-ออกลึกๆ ก็สบายใจขึ้น ทำเป็นประจำ" มิตซูโอะ กล่าวถึงสุขภาพใจหลังสึก

ส่วนสุขภาพกายนั้น อาจารย์มิตซูโอะ บอกว่าก่อนจะลาสิกขา 2-3 เดือน ได้เช็คสุขภาพ น้ำตาลขึ้นต้องกินยาตลอด แต่น้ำตาลยังบวก 180 หมอบอกว่าต้องฉีดอินซูลีน เลยขอเวลาหมอเพื่อจะลดน้ำหนัก ไม่อยากจะฉีดยา แต่คุมยากเพราะสิ่งที่กินมีน้ำตาล จะกินไม่ได้ทั้งข้าว ก๋วยเตี๋ยว แป้งต่างๆ ต้องงดหมดแม้แต่ผลไม้ หรือน้ำปานะ ผลไม้ต้องไม่มีน้ำตาล แต่ทุกวันนี้คุมน้ำตาลได้เฉลี่ยอยู่ที่ 130 แต่ก่อนลาสิขากินยาเต็มที่ยังบวก 180 แต่ตอนนี้ดีขึ้นต่ำสุด 110-120 และลดน้ำหนักได้ 8 กิโลกรัม

ถึงตอนนี้พิธีกร บอกว่าเพราะทำตามที่หมอสั่ง อาจารย์มิตซูโอะบอกทันทีว่า นี่ไงหมอ(หันไปทางภรรยา) แล้วอธิบายต่อว่า แอนเป็นคนดูแลสุขภาพ เพราะจบด้านอะไรนะ(หันไปถามภรรยา) ซึ่งแอนได้ตอบว่าปริญญาโท ด้าน anti aging (ชะลอความชรา)

พิธีกรถามว่า หลังจากอาจารย์มิตซูโอะมีภรรยาเคียงข้างรู้สึกอย่างไร

อาจารย์มิตซูโอะ กล่าวว่า ไม่เคยคิดว่าการลาสิกขาของอาจารย์จะมีปัญหาในสังคม เป็นข่าวใหญ่ เพราะว่าอาจารย์ทำดีมาตลอด การลาสิกขาก็ไม่ได้ทำผิดอะไร กับแอนรู้สึกถูกชะตา มีความคุ้นเคย อาจเหมือนว่ารู้จักกันมานาน ทั้งที่เพิ่งเจอกัน ตอนนั้นแอนมาหาด้วยทุกข์ จึงพยายามจะช่วย หลังจากนั้นเวลาผ่านไป แอนได้มาดูแลสุขภาพ หลายคนก็กังวลเรื่องเบาหวาน จากนั้นให้แอนมาช่วยดูแลตอบปัญหาในเฟซบุ๊คด้วย เพราะบุคลากรไม่ค่อยมี ตั้งแต่เปิดเฟซบุ๊คมาก็ไม่ค่อยได้ตอบ เมื่อแอนมาใกล้ชิดก็ให้พยายามตอบปัญหาประจำ ช่วงนั้นก็พยายามใช้งานหลายอย่าง

ตั้งแต่เด็กๆเคยบอกประจำว่าชาตินี้ไม่แต่งงาน ตั้งแต่ม.ต้น เพราะเราเป็นนักเดินทาง ชอบผจญภัยปีนเขา ก็ไม่ค่อยสนใจ พอบวชเป็นพระก็พยายามปล่อยวาง ไม่เคยมีปัญหา ไม่เคยจินตนาการว่าจะอยู่กับใครก็ไม่มี แต่เมื่อรู้จักแอนก็จินตนาการถึงครอบครัว เป็นความรู้สึกเหมือนรู้จักกันมานาน อาจจะเป็นเนื้อคู่หรือเปล่า จึงตัดสินใจลาสิกขาแล้วอยู่ด้วยกัน

ตอนนี้ก็จะสอนธรรมะที่ญี่ปุ่น สอนการเจริญอานาปานสติ ใช้แก้โรคซึมเศร้า และจะแปลหนังสือเรื่อง "สุขภาพใจดี" ออกเป็น 20 ภาษา อาทิ ไทย อังกฤษ ญี่ปุ่น จีน อินโดนีเซีย ฮินดี รัสเซีย เยอรมัน ฝรั่งเศส สเปน และอีก 10 ภาษา จะมีอาเซียนด้วย คิดว่าจะจับงานนี้ที่ไม่มีใครทำ คิดหลักสูตรมา 1 ปี หวังที่จะให้ชาวโลกมีสุขภาพใจที่ดี

มองว่าการสึกออกมาก็รักษาศีล 5 แต่สามารถเผยแพร่ธรรมะได้กว้างขึ้น แอนมาช่วยประสานงานให้ลงตัว คิดว่า 2 คนอยู่ด้วยกันน่าจะไปได้ เพราะอาจารย์ทำอะไรไม่เป็น โทรศัพท์ก็ไม่ชอบ เมื่อแต่งงานกันเรา 2 คนช่วยกัน เดินทางไปด้วยกัน มีแอนเป็นส่วนผสมลงตัว เผยแพร่คำสอนทำให้เป็นเรื่องง่ายขึ้นกับทุกศาสนาสามารถนำไปปฏิบัติได้

คนไทยบอกว่าลาสิกขาแปลว่าหมดบุญ สำหรับอาจารย์ไม่ใช่ ลาสิกขาแล้วก็ทำงานได้กว้างทั่วโลก อนาคตทำประโยชน์มากกว่าไม่สึก อาจารย์คิดอย่างนั้น

ภายหลังจากการแถลงข่าว ผู้สื่อข่าวและผู้ที่เข้ามาร่วมฟังได้ยกมือถามคำถามหลายข้อ

- เจอกับแอนทำให้หวั่นไหว?

หวั่นไหวก็ใช่ แต่ก็คิดแล้วว่าสึกแล้วทำงานได้กว้างดีกว่า ถ้าไม่สึกก็จะเป็นอยู่อย่างนี้ซ้ำๆ ซากๆ แต่ก็คงจะมีคำสรรเสริญมากขึ้นนิดหน่อย เลยคิดว่าสึกดีกว่าสามารถใช้ธรรมะได้ทั่วโลก คิดว่าคนจะได้ประโยชน์มาก และอยากทิ้งงานไว้ที่ญี่ปุ่นก่อนตาย

- แผนในอนาคต?

ก็คงจะไปๆ มาๆ ไทยกับญี่ปุ่น สอนอานาปานสติใหักับชาวญี่ปุ่น

- ก่อนจะลาสิกขาได้ถามครูบาอาจารย์หรือไม่?

ไม่ถาม อาจารย์ก็เป็นอาจารย์ของอาจารย์(ยิ้ม) ไม่จำเป็นต้องถาม เพราะสึกแล้วก็ธรรมดา ทำงานได้กว้างขึ้น สึกแล้วทำใจกว้าง สึกเพื่อดี ไม่ใช่สึกแล้วหมดบุญ

- เต็มใจที่จะลาสิกขา?

ก็ไม่ได้มีความสงสัยว่าจะสึกหรือไม่สึกดี ไม่ลังเล คือบวชใหม่ๆ ถ้ารักผู้หญิงก็ต้องต่อสู้ แต่ครั้งนี้ตอนสึกอยู่ในอาการสงบ ไม่ใช่ฟุ้งซ่าน ไม่ได้เป็นนิวรณ์ ไม่ได้มีการข่มใจ แม้วันสุดท้ายของเพศบรรพชิตก็เทศน์เป็นปกติ มรณานุสติเป็นประจำ

- อยู่ในศีล 227 ข้อ เผยแพร่ธรรมะไม่สู้ศีล 5 หรือ?

ถามว่าตอนเป็นพระไม่ดีกว่าหรือ ไม่เท่าศีล 5 ข้อหรือ พูดง่ายๆ คนไทยเข้าใจผิดว่าการบวชพระนี่ดี ที่ญี่ปุ่นพระก็ดี แต่พระพุทธเจ้าก็สอนว่าถ้าการรักษาศีลไม่ดีแล้วไปรับบิณฑบาตชาวบ้านถ้าไม่รักษาศีลไปกินยาพิษตายดีกว่า หรือถ้ายังห่มจีวรอยู่ไฟใหม้บ้านตายดีกว่า ยิ่งศีลของพระนั้นเข้มงวดแม้แต่นั่งเครื่องบินยังลำบาก ใกล้ผู้หญิงก็ไม่ได้ แล้วต้องตรวจตัวผู้หญิงมาจับๆ ลูกศิษย์ผู้หญิงที่ไปด้วยก็ร้องใหญ่ เรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่ผิดเล็กๆ หลายๆครั้งมันก็ใหญ่ แล้วที่จริงศีล 5 ก็บรรลุโสดาบันได้อย่างนางวิสาขา และขอยืนยันว่าอาจารย์ไม่ใช่พระอรหันต์ ไม่ใช่อนาคามี ถือศีล 5 ก็อิสระดี

ตอนแรกไม่คิดว่าการลาสิกขาของอาจารย์จะเป็นข่าวในโทรทัศน์ อย่างครูบาอาจารย์มีชื่อเสียงมรณภาพ 2-3 วันก็เงียบ แต่เรื่องอาจารย์กลับเป็นเรื่องใหญ่ คนวิพากษ์วิจารณ์ รู้แล้วก็สลดใจ ไม่สบายใจ คนไม่รู้เรื่อง 20 ปีของอาจารย์ที่เขียนหนังสือออกมา ก็ไม่ค่อยสบายใจที่ไม่รู้เรื่อง บอกว่าสึกไม่ดี เลยตั้งใจเขียนหนังสือ ให้สังคมเข้าใจว่าเราเป็นอย่างไร เรา 2 คนเป็นตัวปัญหาของพุทธศาสนาทำให้เขาเศร้าหมองในพุทธศาสนา ดังนั้นเพื่อให้เข้าใจเหตุการณ์ความเป็นจริงจึงเขียนหนังสือออกมา 2 เล่ม

- มีคนพูดว่าอาจารย์พ่ายแพ้ต่อกิเลส หรือ ตบะแตก

ก็ถือว่าทำงานกว้างขึ้น ถึงเวลาเปลี่ยนชีวิต ไม่ใช่หมดบุญ ตบะแตกไม่มี สึกแล้วก็ดี

- ลูกศิษย์บางกลุ่มไม่เข้าใจ

บอกแล้วว่าลาสิกขาไม่บอกใคร คือ หนักใจ อาจจะรำคาญอะไรอย่างนั้น จึงหายตัวไป แล้วคิดว่าจากไปให้เงียบ แต่เข้าใจผิด ข่าวลง เฟสบุ๊คด่ามากมาย พอเรื่องไม่เงียบอย่างที่คิดเลยใช้เวลา 4 เดือน

- จดทะเบียนแล้วจะมีพิธีแต่งงานไหม

เอ่อ ไม่มี ถ้างานฉลองก็วันนี้เอง(ยิ้ม)

- ในฐานะผู้หญิง อยากถามคุณแอนว่าฮันนีมูนคืนแรกรู้สึกอย่างไร

แอน-ก็อยู่ต่างประเทศ อยู่ฮ่องกง ก็มีรักและศรัทธาท่าน จะฮันนีมูนหรือไม่ฮันนีมูนก็มีความสุข และแอนก็ไม่ได้สัญชาติญี่ปุ่น เพราะที่ญี่ปุ่นต้องเลือก เลยไม่สละสัญชาติไทย ส่วนอาจารย์มิตซูโอะ ท่านมีวีซ่าถาวรที่ประเทศไทยอยู่ได้ตลอดชีวิต

- อาจารย์มิตซูโอะบวชรุ่นเดียวกับพระยันตระหรือไม่

ไม่เคยพบกัน

- จะมีทายาทหรือไม่

ชาตินี้ไม่มีมั๊ง(ยิ้ม)

- ตั้งแต่แต่งงานชีวิตแอนเปลี่ยนอย่างไร

ก็ดีนะ อยู่ใกล้ท่านได้ธรรมะตลอด เพราะท่านธรรมะสูง อะไรกระทบใจยาก ชีวิตก็เปลี่ยนมีความตั้งใจช่วยท่านเผยแผ่ธรรมะต่อไป

- วันพระคุณแอนรักษาศีล 8 หรือไม่

วันพระถือศีล 5 ปกติ

สำหรับผู้ที่สนใจหนังสือบทเทศน์วันสุดท้าย ในเพศบรรพชิต และความในใจอาจารย์มิตซูโอะ สามารถหาซื้อได้แล้วตามแผงหนังสือทั่วไปตั้งแต่วันนี้

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook