เพราะชีวิตไร้ขีดจำกัด I love you… “นิก วูยิชิช”

เพราะชีวิตไร้ขีดจำกัด I love you… “นิก วูยิชิช”

เพราะชีวิตไร้ขีดจำกัด I love you… “นิก วูยิชิช”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ถ้าใครสักคนจะเป็นตัวแทนของความสิ้นหวังได้ ผู้ชายคนนี้ใช่เลย!
แล้วถ้าจะมีใครสักคนเปลี่ยนความสิ้นหวังเป็นพลังยิ่งใหญ่ในชีวิตได้ คงไม่ลังเลที่จะบอกว่าก็เขาคนเดียวกันนั่นแหละ
ผู้ชายที่ชื่อ "นิก วูยิชิช (Nick Vujicic)" บุคคลของโลกที่คุณอาจไม่เคยรู้จักแต่จะตกหลุมรักโดยไม่รู้ตัว
จากเด็กชายที่พยายามจบชีวิตตัวเอง เพราะเฝ้าค้นหาคำตอบและทนอยู่กับความไม่ปรกติของร่างกาย กลายเป็นนักพูดสร้างแรงบันดาลใจที่เดินทางไปทั่วโลก
"น้ำตา รอยยิ้ม และความอิ่มใจ" คือสิ่งที่คุณจะได้เรียนรู้จาก "นิก วูยิชิช"

"I love you" ประโยคที่เขาพูดจนติดปาก และมักบอกผู้คนที่พบเจอ
ใครจะเชื่อว่าคำ ๆ นี้ เรียกเสียงร้องไห้โฮจากคนตั้งมากมายที่กำลังท้อแท้หรือรอความหวังในชีวิต
ใช่...เขาสามารถจริง ๆ
เป็นความสามารถของนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ "นิก วูยิชิช" !!
อยากรู้ตัวตนของ "นิก" แบบเต็ม ๆ ตั้งแต่เกิดจนถึงวันแต่งงาน และวันที่ชีวิตเต็มไปด้วยพลังศรัทธาในพระเจ้า ควรยิ่งที่จะต้องหยิบสองเล่มนี้อ่าน

ชีวิตไร้ขีดจำกัด (Life without Limits) และหยุดไม่อยู่ (Unstoppable)
อีกเล่มหนึ่งน่าอ่านไม่แพ้กัน "ฮัก...Give me a hug" หนังสือให้กำลังใจที่จะพาไปเรียนรู้กันว่า "นิก" คิดอะไร และอยากบอกอะไรกับพวกเรา
ดังเช่นความตอนหนึ่งในหนังสือแสนอบอุ่น "ฮัก...Give me a hug"

นิกกล่าวว่า "เราต้องไม่ยอมแพ้เพียงเพราะมีคนบอกว่า เราทำบางอย่างไม่ได้ ถ้าเราล้มเหลว ก็แค่พยายามใหม่อีกครั้ง! โธมัส เอดิสัน คิดค้นหลอดไฟได้สำเร็จ ก็หลังจากที่ล้มเหลวมานับพันครั้งก่อนหน้านั้น ความล้มเหลวเป็นบิดาแห่งความสำเร็จ ความล้มเหลวสอนให้รู้ว่าเราทำอะไรผิดพลาด แล้วควรจะปรับปรุงอย่างไร ฉะนั้น หนู ๆ อย่ายอมแพ้นะ อย่าวิ่งหนีซะล่ะ เพราะความสำเร็จอยู่ไม่ไกล มาขยันทำงานกันเถอะ"

คนไทยรอเวลาที่นิกจะบินมาที่นี่นานถึง 4 ปี ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกในเมื่อนิกมีคำเชิญมากถึง 20,000 กว่ารายการ

แม้ทุกอย่างดูเร่งรีบ แข่งกับเวลาที่ไม่หยุดเดิน แต่ถือเป็นชั่วโมงหยุดโลกของความท้อแท้ เพราะเขาทำให้รู้ว่าทำไมมนุษย์ต้องมีความหวังบนโลกใบนี้
"นิก" เดินทางมาแล้ว 49 ประเทศ ในนามนักพูดสร้างแรงบันดาลใจตั้งแต่อายุ 19 ปี หลังจากที่ก่อนหน้านั้นบรรยายให้คนกลุ่มเล็กฟังเมื่อตอนอายุ 15 ปี และใช้เวลา 11 ปี ไปทั่วโลกเพื่อบอกเล่าเรื่องราวในชีวิตและกระตุ้นให้ทุกคนที่มีโอกาสฟังเขารู้จักใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

"นิก" มีโอกาสพบประธานาธิบดีมากถึง 8 คน รวมทั้งผู้นำสิงคโปร์ที่เพิ่งได้เจอเมื่อไม่นานนี้ และยังมีคิวยาวจนถึงสิ้นปีอีก 12 ประเทศ
แม้ไม่ทราบเหตุผลทางการแพทย์ที่จะช่วยเขาหาคำตอบ "ทำไมเกิดมาไม่มีแขน ไม่มีขา" ทั้ง ๆ ที่น้องชายและน้องสาวมีร่างกายปรกติ แต่ใครจะรู้ว่า "นิก" สามารถเตะฟุตบอล ว่ายน้ำ ดำน้ำ เล่นเซิร์ฟ และดิ่งพสุธาได้

ความมหัศจรรย์ที่นิกทำได้เกิดจากความคิด "เราจะไม่รู้เลยว่าทำอะไรได้บ้าง จนกว่าเราจะได้ลองทำ"
เขาบอกว่าพ่อแม่สอนอยู่เสมอ "ต้องรู้จักขอบคุณสิ่งที่ตัวเองมี ทำให้ดีที่สุดแล้วพระเจ้าจะทำในสิ่งที่เหลือ"

"นิก" เป็นชาวออสเตรเลีย เกิดเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2525 สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยกริฟฟิท สาขาการบัญชีและสาขาการวางแผนการเงิน
ปัจจุบันอายุ 30 ปี ใช้ชีวิตที่แคลิฟอร์เนียใต้ เป็นประธานอำนวยการองค์กรไม่แสวงผลกำไร Life Without Limbs เพิ่งแต่งงานเมื่อปีที่แล้ว มีภรรยาที่สวยทั้งภายนอกและภายใน "คะนะเอะ" และลูกชาย "คิโยะชิ เจมส์"

นิกเล่าว่าเมื่อตอนอายุ 8 ขวบ เริ่มเครียดกับคำถามที่ติดอยู่ในใจ "ทำไมเกิดมาเป็นแบบนี้ทั้งที่คนอื่นมีอวัยวะครบหมด"
พ่อแม่ให้กำลังใจด้วยคำพูดที่ว่าไม่ต้องเป็นห่วง ทุกอย่างจะโอ.เค. นิกกลับไม่รู้สึกเช่นนั้น สิ่งที่กังวลคือ การไม่มีเป้าหมายในชีวิต ไม่มีความหวังในชีวิต กลัวจะหางานทำไม่ได้ แต่งงานแล้วจะกอดภรรยาไม่ได้เพราะไม่มีแขน แล้วจะอุ้มลูกได้อย่างไรถ้าลูกร้องไห้

"ตอนอายุ 10 ปี พยายามฆ่าตัวในอ่างอาบน้ำที่บ้าน การยอมแพ้คือหนทางออกไปจากความเจ็บปวด"

อะไรทำให้นิกล้มเลิกความคิดนั้น นิกตอบว่าเขาเห็นภาพพ่อแม่ร้องไห้ที่หลุมฝังศพ เมื่อพ่อแม่ให้แต่ความรัก เขาก็ไม่อยากตอบแทนด้วยความเจ็บปวด จึงตัดสินใจมีชีวิตอยู่
"ถ้าจากไปจริง ๆ จะพลาดสิ่งดีในชีวิตขนาดไหน และวันนี้รู้แล้วว่าการมีงานหรือไม่มีงานเป็นคนละเรื่องกัน มีความหวังหรือเปล่าสำคัญกว่า"

ในวัย 13 ปี นิกเป็นคนที่ชื่นชอบการเล่นฟุตบอล หากสภาพร่างกายที่ไม่อำนวย ทำให้เขาได้รับความเจ็บปวด เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าตัวเองพิการ โชคดีที่มีครอบครัวดีคอยให้กำลังใจ และการได้อ่านพระคัมภีร์ไบเบิล เมื่อตอนอายุ 15 ปี นิกเริ่มมองเห็นคำตอบ "คนทุกคนมีคุณค่า ต่อให้เป็นคนพิการ ทุกคนมีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน และสามารถเป็นสิ่งมหัศจรรย์ได้เหมือนกัน"
เมื่อพระเยซูสามารถรักษาคนตาบอดได้ ก็คิดว่าถ้าพระเจ้ามีแผนการสำหรับคนตาบอด ย่อมมีแผนการให้เขา "ถ้ามีคนให้แขนขาก็ดี แต่ถ้าไม่ให้แขนขา ขอให้รักษาหัวใจ แล้วให้ใช้อย่างที่เป็น ตอนนี้มีความสุขมาก เพราะพระเจ้าให้อภัยต่อบาปที่ได้กระทำ และตอนนี้สวรรค์กำลังรออยู่"

แน่นอนว่าในวัยเด็ก นิกถูกแกล้งและรู้สึกเดียวดายมาก เป็นประเด็นที่นิกพยายามย้ำกับวัยรุ่นถึงผลร้ายของการแกล้งเพื่อน และอยากให้โรงเรียนเปิดกว้าง สนับสนุนเด็กพิการได้เข้าเรียนร่วมกับเด็กปรกติ
"สิ่งหนึ่งที่มนุษยทำได้ คือการสื่อสารระหว่างกัน สื่อสารให้เกิดความเกลียดชังหรือความรักก็ได้ จะฆ่าคนหรือรักษาชีวิตคนก็ได้ ทำให้คนอื่นท้อถอย ท้อแท้ หรือให้การสนับสนุนก็ได้ เพราะฉะนั้นพลังการสื่อสารยิ่งใหญ่มาก"

จะว่าไปแล้ว จุดเริ่มต้นของการเป็นนักพูด เป็นเรื่องเหลือเชื่อสำหรับนิก ในวันที่นักการโรงเรียนบอกกับเขาว่า "โตขึ้นนิกจะเป็นนักพูด"
"บ้าไปแล้ว เพี้ยนหรือเปล่า จะพูดอะไร" นิกตอบนักการไปในเวลานั้น
นักการโรงเรียนไม่หยุดตื๊อ ใช้เวลาอยู่สามเดือน เพื่อให้นิกเล่าเรื่องของตัวเอง

จากคนไม่กี่คนเริ่มเป็นกลุ่มใหญ่ขึ้น 300 คน ใช้เวลาพูดสั้น ๆ ด้วยความรู้สึกตื่นเต้น
ภาพที่เขาเห็น ผู้หญิงครึ่งหนึ่งร้องไห้ "มีผู้หญิงคนหนึ่งยกมือขอขึ้นบนเวทีมากอด ร้องไห้ แล้วพูดขอบคุณ ไม่เคยมีใครบอกรักเธอและบอกเธอว่าสวย" วินาทีนั้นนิกรู้ว่าเขาเกิดมาเพื่อพูด และบอกเป้าหมายนี้กับพ่อแม่เมื่อตอนเรียนจบปริญญาสองใบ

พูดเกี่ยวกับอะไร นิกยังไม่รู้ คนเชิญยังไม่มี นิกรู้แค่ว่ามีภาพความทรงจำที่ผู้หญิงกอดเขาไว้ มีคนอีกหลายล้านคนต้องการฟังสิ่งที่เขาอยากพูด เลยมีความกล้าที่จะลอง

"คนเราไม่ต้องมีความกล้าเอาชนะ แต่กล้าที่จะลองเสี่ยง และอาจล้มเหลว เพราะหลายอย่างในชีวิตก่อนสำเร็จต้องล้มเหลว ฉะนั้นเปลี่ยนอุปสรรคให้เป็นโอกาส พยายามฝันให้ใหญ่และอย่ายอมแพ้"


พ่อแม่ของนิกเป็นตัวอย่างของพ่อแม่ที่ไม่เคยทำให้ลูกสิ้นหวังกับสภาพร่างกายที่เป็นอยู่ พวกท่านพูดกับนิกเสมอว่า "นิกเป็นสิ่งสวยงาม"
"พ่อแม่เป็นเกษตรกร ต้องใช้เมล็ดในการหว่านพืช ไม่รู้หรอกว่าเมล็ดไหนจะหยั่งรากลงมา บังคับไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ต้องหว่านไปเรื่อย ๆ ถ้าเราไม่บอกคุณค่าแท้จริงของลูก ใครจะบอกล่ะ อยากให้ขยันหว่านไปเรื่อย ๆ ยากมากที่จะบอกว่าอย่าไปสนใจเวลาโดนแกล้ง ทำให้ลูกแน่ใจว่าลูกสามารถพักพิงใจได้"
การก่อตั้ง Life Without Limbs เป็นอีกวิธีให้กำลังใจคนทั่วโลกที่นิกตั้งใจทำ เขาให้เหตุผลว่า "คุณจะมีความสุขในการช่วยเหลือคนอื่น อย่างที่เงินซื้อไม่ได้"

ชีวิตของนิกมีทั้งขึ้นและลง ในช่วงเครียดที่สุดคือสองปีก่อนที่เขารู้สึกล้า เหนื่อย ไม่มีเงิน ร้องไห้กับคนรักทุกวัน (ภรรยาคนปัจจุบัน) และคงไม่มีอะไรแย่หรือตกต่ำไปกว่านั้นแล้ว
เธอปลอบนิกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวหางานทำ เดี๋ยวเลี้ยงดูเขาเอง เลยรู้ว่าภรรยารักเขามากขนาดไหน และรู้ว่าต้องการใช้ชีวิตกับผู้หญิงคนนี้ไปตลอดชีวิต เหนืออื่นใด นิกอยากเป็นพ่อและสามีที่ดีที่สุดมากกว่าเป็นนักพูดที่ดีที่สุด (อ่านต่อความรัก ความผูกพัน และการใช้ชีวิตของคนทั้งคู่ได้จาก "หยุดไม่อยู่")

ติดตามผลงานของนิกได้ทุกปี รวมทั้งผลงานของนิกและภรรยา ที่ให้กำลังใจทุกรูปแบบ ไม่ว่าคนโสด คนแต่งงาน หรือหย่าร้าง
นิกกำลังเดินไปข้างหน้า พร้อม ๆ กับการทำให้คนพิการรู้ว่าตัวเองมีคุณค่า สามารถทำอะไรให้สังคมได้ ก่อนจะไปถึงจุดสุดท้ายของนิก "การเดินทางสู่สวรรค์"

 

เรื่องโดย ป.วรัตม์ watta.ryo@gmail.com


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook