ต้นกำเนิด ใบเหลือง – แดง

ต้นกำเนิด ใบเหลือง – แดง

ต้นกำเนิด ใบเหลือง – แดง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

The begining of yellow and red cards.

ในเกมฟุตบอลต้องมีการปะทะกันตลอดเวลา หากนักฟุตบอลคนใดควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้ ก็มักปี๊ดแตกใส่คู่แข่ง เมื่อมีการฟาวล์เกิดขึ้นกรรมการก็ต้องควักใบเหลือง หรือแดงออกมาแจกแน่นอนและหากผู้จัดการทีมแสดงอาการไม่เห็นด้วย ออกมาโวยวายแบบใช้คำหยาบคาย กรรมการก็มีสิทธิ์ไล่ออกจากซุ้มม้านั่ง ไปชมวิวอยู่บนอัฒจรรย์เป็นคนต่อไป

การให้ใบเหลือง - แดงจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะสามารถชี้ชะตาได้เลยว่าทีมที่โดนใบแดง จะเสียเปรียบตัวผู้เล่นฝั่งตรงข้ามทันทีอาจมีผลทำให้ทีมถึงขั้นแพ้ก็เป็นได้

ความจริงถ้าวงการฟุตบอลไม่มีใบเหลือง - แดง การสื่อสารอะไรก็คงจะยากขึ้น สมมติมีการเล่นนอกกติกา กรรมการอาจใช้นิ้วบอกเห้ย! คุณออกไปจากสนามซะบางทีมันอาจเป็นการแสดงของกรรมการที่ไม่ชัดเจนนัก แต่พอมีใบเหลือง - แดงเข้ามาทุกคนก็เข้าใจทันทีโดยไม่ต้องถามอะไรมากมาย

คนที่คิดค้นใบแดงในกติกาฟุตบอลคนแรกเลยก็คือเคน แอสตัน เขาคือผู้ตัดสินชื่อดังชาวอังกฤษ เขาได้รับการคัดเลือกให้เป็นกรรมการในการแข่งขันฟุตบอลโลกถึง 3 ครั้ง เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ.1966 ค.ศ.1970 และ ค.ศ.1974

ส่วนเรื่องใบเหลือง - แดงนั้นมันเกิดจากวันหนึ่งเขาขับรถออกมาจากสนาม Wembley มุ่งหน้าไป Lancaster Gate ระหว่างนั้นเองเขาก็ต้องหยุดรถตามสัญญาณไฟจราจร เท่านั้นแหละเขาก็เกิดปิ๊งไอเดีย ที่จะสื่อสารกับนักเตะได้อย่างง่ายโดยใช้สัญลักษณ์ที่เป็นสี

ไม่รอช้าเขารีบขับรถกลับบ้านหากระดาษสีแดง และสีเหลืองมาตัดเป็นใบสี่เหลี่ยม แล้วนำมาให้ภรรยาเขาดูว่าเข้าใจในสิ่งที่เขาสื่อสารหรือไม่ แน่นอนเธอเข้าใจได้ไม่ยาก

เคน แอสตัน จึงนำแนวคิดนี้ไปเสนอต่อสมาคมฟุตบอลอังกฤษ และในระดับฟีฟ่าโดยใช้ใบเหลืองแทนในการฟาวล์ครั้งแรกเพื่อเป็นการเตือน และใช้ใบแดงเป็นการลงโทษขั้นเด็ดขาดคือไล่ออก หากมีการฟาว์ลติดต่อกันเป็นครั้งที่สองหรือทำฟาวล์รุนแรงมากในครั้งแรก

เขาและเพื่อนๆ กรรมการได้รับอนุมัติจากฟีฟ่าให้ใช้ใบเหลือง - แดง เป็นครั้งแรกใน ปี 1970 ซึ่งถือว่าเป็นต้นแบบการใช้ใบเหลือง - แดง ที่ใช้จนถึงปัจจุบัน

เดี๋ยวนี้นอกจากในวงการฟุตบอลแล้วใบเหลือง - แดงยังนำมาใช้ในหลายวงการ แม้กระทั่งการทำงานในบริษัท ที่มีการตักเตือน จนกระทั่งหรือไล่ออก ซึ่งเราก็หวังว่าในชีวิตจริงคงไม่มีใครอยากโดนใบแดงเหมือนนักฟุตบอลนะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook