“ศรราม น้ำเพชร” ลิเกเด็ก 6 ขวบ สู่พระเอกวัย 19 สร้างรายได้ปีละกว่า 10 ล้าน

“ศรราม น้ำเพชร” ลิเกเด็ก 6 ขวบ สู่พระเอกวัย 19 สร้างรายได้ปีละกว่า 10 ล้าน

“ศรราม น้ำเพชร” ลิเกเด็ก 6 ขวบ สู่พระเอกวัย 19 สร้างรายได้ปีละกว่า 10 ล้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“ศรราม น้ำเพชร” ชื่อคณะลิเกที่เริ่มต้นจากการเป็น “ลิเกเด็กคณะแรกของประเทศไทย” ผู้ชมชื่นชอบในลีลาการร่ายรำของทั้ง “ศรราม” และ “น้ำเพชร” สองพี่น้องที่เล่นลิเกตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 10 ขวบ โดยเฉพาะ “ศรราม หรือแบงก์” กลายเป็นดาวเด่นของคณะลิเกยุคหลัง เพราะนอกจากฝีไม้ลายมือ บนเวทีเด็กผู้ชายตัวน้อยคนนี้ยังเป็นผู้นำทีมนักแสดงร่วมสร้างความบันเทิงให้กับผู้ชมด้านล่าง

ความรับผิดชอบเกินตัวเติบโตพร้อมกับเขาเรื่อยมาตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ปัจจุบันในวัย 19 ปี “ศรราม อเนกลาภ” ยังคงแบกรับหน้าที่นี้อย่างมีความสุข Sanook! Men พูดคุยกับพระเอกลิเกเงินล้านที่ยอมรับว่าภูมิใจในความเป็นลูกลิเกท่ามกลางกระแสวัฒนธรรมการแสดงจากต่างชาติถาโถม

แบงก์ซึมซับความเป็นลิเกมาตั้งแต่อยู่ในท้องคุณแม่ซึ่งเป็นอดีตนางเอกลิเกชื่อดัง ที่ร้อง รำเล่นลิเกตั้งแต่ก่อนคลอด ทักษะด้านการแสดงลิเกจากคุณแม่จึงถ่ายทอดถึงเขาตั้งแต่ยังไม่ทันลืมตาดูโลก แม้ตอนแรกไม่ค่อยอยากเล่นลิเก แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งความคิดนั้นกลับเปลี่ยนเป็นชอบและรักที่จะเล่นลิเกเรื่อยมา

“ตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะเล่น แต่พอเราคิดว่าจะเล่น เล่นแล้วก็ชอบไปเลย”
ความรักชอบในลิเกอาจส่งผ่านมาตั้งแต่ตอนอยู่ในครรภ์ หากแต่ลีลาและความสามารถด้านการร่ายรำ คุณพ่ออดีตพระเอกลิเกเป็นผู้ฝึกฝนฝีมือให้เขาตั้งแต่เริ่มจำความได้ การขึ้นเวทีแสดงช่วงแรก ศรรามรับบทพระเอกวัยเด็ก ความน่ารัก น่าเอ็นดูของเขาทำให้ต่อมาเกิดเป็น “ลิเกเด็ก” คณะแรกของประเทศไทย การเล่าเรื่องราวส่งผ่านการร่ายรำของเด็กๆ และชุดลิเกสวยระยับ คณะลิเก “ศรราม น้ำเพชร” จึงได้รับความนิยมตลอดมา

คณะลิเกศรราม น้ำเพชรมีนักแสดงลิเกและทีมงานรวมประมาณ 100 ชีวิต ศรรามในฐานะพระเอกจึงเป็นตัวหลักเล่นลิเกเพื่อดูแลปากท้องของทีมงานที่เหลือทุกคน แต่นั่นก็ไม่เคยสร้างความคิดว่าสิ่งที่ทำคือภาระ “เราไม่เคยมองย้อนกลับไป ทำแล้วก็คือผ่าน แต่ก็ทำให้มันดี มันก็สนุก แต่ว่างๆ เราเคยนั่งคิดเหมือนกันว่าเราทำหลายอย่างจัง ทั้งเรียน เล่นลิเก ร้องเพลง ขายของ คิดไปก็ขำๆ ว่าเราทำได้หลายอย่างจัง แต่เราก็สนุกกับทุกอย่างที่เราทำ”

ฝีมือการแสดงของศรรามน้ำเพชรพัฒนาขึ้นทุกวัน “ตอนเด็กเราจะแสดงหรือเล่นอะไรผิดก็ดูน่ารักเพราะเราเป็นเด็ก แต่พอโตแล้วต้องให้มันเนี้ยบมากขึ้น ผิดพลาดน้อยลง แม้เราจะได้วิชามาจากคุณพ่อ คุณแม่ครบหมดแล้ว แต่ตอนนี้มันอยู่ที่ตัวเราว่าจะดึงสิ่งเหล่านั้นออกมาใช้ได้มากน้อยแค่ไหน หมั่นซ้อม ทบทวน ทำสมาธิก่อนขึ้นแสดง”

คิวการแสดงของ “ศรราม น้ำเพชร” มีเกือบทุกวัน และมักรันยาวข้ามปี หากคิดที่จะเป็นเจ้าภาพจ้างศรรามน้ำเพชรไปแสดงลิเกอาจต้องมีเงินจ้าง 130,000 บาทสำหรับการแสดงลิเกทั้งคณะ โดยใช้เวลาในการแสดงต่อคืนประมาณ 4 ชั่วโมง นอกจากนี้คณะศรรามน้ำเพชรยังมีรูปแบบการแสดงแบ่งย่อยลงมาสำหรับเจ้าภาพที่ต้องการให้ไปแสดงแบบไม่เต็มคณะ

“รายได้ต่อคืนสำหรับผมอยู่ที่ 4 พันบาท ไม่นับรวมมาลัยคล้องคอ ที่เคยได้มากสุดคืนละเป็นแสน ส่วนนักแสดงลิเกคนอื่นมีรายได้ลดหลั่นกันลงไป”

การหาเงินสำหรับพระเอกลิเกเงินล้านนั้นดูได้มาอย่างง่ายดาย ทำให้ที่ผ่านมาเคยพลาดพลั้งใช้จ่ายเงินเกินจำเป็น จนต้องมานั่งกุมขมับ “เคยทำสติกเกอร์ไลน์ของตัวเองให้ดาวน์โหลดแล้วแจก จากนั้นก็แทกซ์มาแปะ แจกรางวัลทัวร์เกาหลี 20 ที่นั่ง ทัวร์ญี่ปุ่น 12 ที่นั่ง ตอนนั้นหมดเงินไป 7 แสนกว่าบาท แต่เรารักษาคำพูด พูดแล้วก็ต้องทำ คิดได้ก็ตอนหยิบเงินจ่าย ไม่น่าใจร้อนเลย”

แบงก์ยังศึกษาอยู่คณะนิเทศศาสตร์ พร้อมชิมลางงานในวงการบันเทิง วงการเพลง รวมทั้งกำลังเริ่มทำธุรกิจเครื่องสำอาง ในขณะที่ทุกคืนยังตระเวนเล่นลิเกทั่วประเทศ

“ผมเป็นคนเต็มที่กับงานมากกว่าการพักผ่อน เหมือนเล่นลิเกเราทำมาตลอด มันชินกับความเหนื่อยไปแล้ว ตอนนี้ร่างกายเรายังไหวอยู่ คิดว่าถ้าเราไม่ทำตอนนี้เราจะไปทำเมื่อไร คนเรามันต้องเหนื่อยตอนนี้แหละ พอเหนื่อยมากๆ วันหนึ่งก็ต้องสำเร็จ”

บทบาทสำคัญนี้จึงเป็นมากกว่าการประกอบอาชีพ เพราะมันคือมรดกที่ไม่เพียงตกทอดมาจากรุ่นพ่อรุ่นแม่ หากแต่มันคือมรดกที่ไม่แน่ว่าสักวันจะเลือนหายไปจากชาติ และหนุ่มน้อยคนนี้คือหนึ่งในตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่มีหน้าที่สานต่อ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook