ความสำเร็จออกแบบได้ “บัญชา ชุมชัยเวทย์”

ความสำเร็จออกแบบได้ “บัญชา ชุมชัยเวทย์”

ความสำเร็จออกแบบได้ “บัญชา ชุมชัยเวทย์”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สิ่งที่เราเป็น ประกอบอาชีพ สร้างรายได้จากมันในวันนี้ สำหรับบางคนอาจได้รับแรงกระเพื่อมมาจากความถนัดและความสนใจในวัยเยาว์ “บัญชา ชุมชัยเวทย์” ผู้สื่อข่าวสายเศรษฐกิจที่ปัจจุบันมิได้สวมบทบาทในฐานะผู้ประกาศข่าวเพียงอย่างเดียว หากแต่อีกบทบาทหนึ่งเขาคือนักธุรกิจผู้ผลิตรายการเศรษฐกิจ จัดกิจกรรมด้านการเงินและการลงทุนโดยหวังจะเป็นผู้นำในด้านนี้

ในความสำเร็จและได้รับการยอมรับนี้ล้วนเกิดจากความสนใจเรื่องเศรษฐกิจ การเงิน การลงทุนของเขาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย โดยมีคุณอาแท้ๆ ของตนเองเป็นผู้ปลูกฝัง ชีวิตที่เกิดจากการรู้จักความสนใจของตนเองไปพร้อมๆ กับการวางแผนตั้งแต่แรกเริ่ม ทำให้ผู้ชายคนนี้มีทุกสิ่งตามที่วาดฝันไปพร้อมๆ กับชีวิตที่สมดุล

คุณสนใจเรื่องเศรษฐกิจการเงินมาตั้งแต่เด็กเลยหรือเปล่า
ผมสนใจตั้งแต่ตอนที่เริ่มเข้าเรียนมหาวิทยาลัย เพราะตอนนั้นเราชอบอ่านบทความต่างประเทศ อย่างตอนเรียนจบโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่นก็ตั้งเป้าหมายไว้เลยว่าอยากเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่มีการสอนภาษาอังกฤษและเกี่ยวข้องกับเรื่องการบริหารต่างประเทศเลยทำให้เราสนใจเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้

แรงบันดาลใจที่ทำให้คุณชอบเรื่องเศรษฐกิจมาจากไหน
มาจากคุณอาครับ คุณอาเป็นเด็กต่างจังหวัดเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ แล้วทำงานเกี่ยวกับภาคธุรกิจการเงินซึ่งช่วงหนึ่งผมมีโอกาสใกล้ชิดกับคุณอาเพราะว่าเข้ามาเรียนหนังสือในกรุงเทพฯ คุณอาเป็นคนบอกว่าเรื่องธุรกิจ หรือการไปเป็นนักบริหารมืออาชีพมันสำคัญ คุณอาบอกเสมอให้ลองอ่านหนังสือพวกนี้ดู และคุณอาทำงานทางด้านนี้ด้วยทำให้ผมเรียนรู้จากท่าน อาผมจบนิติศาสตร์แต่ทำงานฝั่งกฎหมายของสถาบันการเงินก็เลยทำให้เรามองเห็นภาพธุรกิจกลุ่มนี้ไปแบบนี้แบงก์กิงเป็นอย่างนี้ ทำให้ผมมีความคิดและตั้งเป้าว่าอยากจะเป็นนักบริหารธุรกิจหรือองค์กร แต่ก็ต้องมีภาษาอังกฤษซึ่งภาษาอังกฤษคุณอาผมก็เป็นคนปลูกฝัง แนวคิด คาแรคเตอร์ การใช้ชีวิตของผมก็ค่อนข้างเป็นแบบผู้ใหญ่ จึงเป็นแรงบันดาลใจให้ชอบธุรกิจและการบริหาร บางคนบอกว่าผมไม่มีช่วงวัยรุ่นคือข้ามไปเป็นผู้ใหญ่เลยเพราะผมชอบติดสอยห้อยตามคุณอาไปที่ทำงานเจอแต่ผู้ใหญ่ ทำให้ผมพูดหรือคิดแบบผู้ใหญ่

ตอนแรกคุณสนใจเรื่องธุรกิจแล้วอะไรคือจุดเปลี่ยนให้คุณสนใจแวดวงสื่อสารมวลชน
ตอนนั้นเรียนจบมาเป็นภาษาอังกฤษเลยอยากทำงานกับองค์กรที่ใช้ภาษาอังกฤษเพราะเรียนมาตั้ง 4 ปี พยายามถีบตัวเองไปทำงานกับพวกส่งออก การได้เขียนโต้ตอบกับลูกค้าเป็นภาษาอังกฤษตอนนั้นผมรู้สึกว่ามีความสุขกับพื้นที่ๆ ผมอยู่ คิดว่าที่นี่มันดีที่สุดแต่จริงแล้วๆ ไม่ใช่ ผมอยากเป็นนักบริหาร ขึ้นตำแหน่งสูงๆ พอทำงานให้องค์กรไปสักพักเป้าหมายต่อไปคือการเรียนต่อเพราะตอนนั้นเราจบแค่ปริญญาตรี อย่างน้อยต้องโทสักใบนึงและน่าจะเปิดทางให้เรา ก็เลยไปเรียนคณะเศรษฐศาสตร์ สาขาการเงินระหว่างประเทศที่จุฬาลงกรณ์ แล้วก็ไปต่อ MBA ที่จุฬาลงกรณ์ ได้โทมาสองใบ

ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงตัดสินใจว่าเราจะกลับไปในเส้นทางเดิมสายนักบริหารองค์กรมืออาชีพหรือตั้งบริษัทเป็นของตัวเอง หรือจะไปสายนักการเงิน ตรงนั้นเป็นจุดเปลี่ยนหลายอย่าง สุดท้ายก็เลยมองว่าทักษะหนึ่งที่เรามีตั้งแต่ตอนทำงานคือการพรีเซ็นเทชั่น ผมเลยขอคำปรึกษากับญาติๆ ถ้าทักษะส่วนหนึ่งคือพรีเซ็นเทชั่นน่าจะใช้ตรงนี้ให้เป็นประโยชน์ต่อคนหมู่มาก ในขณะเดียวกันมันสามารถทำให้เราเป็นเจ้าของธุรกิจมากกว่าที่เราจะไปทางเส้นทางการเป็นนักบริหารมืออาชีพจนถึงปลายทาง ตอนนั้นก็เลยศึกษาหาข้อมูลดูว่าใครบ้างเป็นนักบริหารมืออาชีพปลายทางเขาคืออะไร ความสิ้นสุดเขาอยู่ตรงไหนหลังความสำเร็จนั้นเขาต่อไปได้ถึงแค่ไหน ผมจะเป็นคนชอบศึกษาหาข้อมูลไว้ล่วงหน้า มีต้นแบบแล้วก็ทำตาม

เสร็จแล้วเราก็จะดูว่าถ้าเป็นนักบริหารองค์กรมืออาชีพ ถึงจุดหนึ่งถ้าเก่งจริงเราก็คงเป็น CEOของบริษัทซึ่งมันก็คงเป็นเพียง 1 ใน 100 หรือถ้าไปไม่ถึง CEO ก็อาจได้เป็นผู้อำนวยการฝ่าย แล้วชีวิตหลังจากนั้นคืออะไร เส้นทางตรงนี้พูดตามประสาชาวบ้านคือมนุษย์เงินเดือน ช่วงนั้นผมศึกษาหาข้อมูลเรื่องดอทคอมเยอะมาก ทำให้มองเห็นว่าคนที่ทำดอทคอมในต่างประเทศเค้าไม่ได้จบสูง เค้าไม่ได้เป็นนักบริหารมืออาชีพ แต่ว่าวิธีคิดกับวิธีมองธุรกิจเขาขาด ตอนนั้นผมช่างน้ำหนักว่าจะไปต่ออย่างไร จะเป็นมนุษย์เงินเดือนตอนปลายทางเกษียณจะมีเงินใช้หรือเปล่า แต่ทำธุรกิจก็มีความเสี่ยงถ้าคุณไม่เก่งจริง ไม่เจ๋งจริง คอนเน็กชั่นไม่มีธุรกิจคุณจะไปอย่างไร แต่พอเรามีทักษะพรีเซ็นเทชั่น ผมก็เลยคิดว่าเราน่าจะทำอะไรให้เป็นประโยชน์ต่อคนหมู่มากและปลายทางสามารถตั้งธุรกิจของตัวเองได้ด้วย

จุดเริ่มต้นการเข้ามาทำงานในวงการสื่อสารมวลชนของคุณคืออะไร
ช่วงนั้นได้มีโอกาสรู้จักท่านอดีตผู้อำนวยการอสมท. คุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ท่านเป็นนักกลยุทธ์การสื่อสาร ท่านก็เลยชวนผมไปทำรายการหนึ่งซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงยังเรียนไม่จบ เป็นรายการเงินและเศรษฐกิจการลงทุนในช่องทีวี ผมก็มีคำว่าคนไทยดูช่องทีวีส่วนมากดูละครเกมโชว์แล้วอะไรที่คิดว่าจะทำให้รายการตัวนี้เกิดเพราะเนื้อหาค่อนข้างฉีกคนดู ให้อธิบายในเรื่องยากๆ มันใช่เหรอ ท่านเลยบอกว่าอยากให้มีรายการที่เป็นสังคมอุดมปัญญามีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์และพัฒนาความคิดของคน ซึ่งผมชอบไอเดียตรงนี้คือพัฒนาความคิดของคน นั่นเป็นจุดแรกในการก้าวเข้ามาในวงการสื่อ ซึ่งคุณมิ่งขวัญก็บอกว่าทักษะการพรีเซนท์งานของคุณนั่นแหล่ะทำไมไม่เอามาใช้ให้เป็นประโยชน์เพราะพื้นฐานคุณพร้อม เรียนบริหาร เรียนภาษาอังกฤษ บุคลิกดูดี นำเสนอแล้วโดน น่าจะทำประโยชน์ต่อคนหมู่มากได้ และถ้าโอกาสคุณได้จริงคือการเป็น Business wonder

อะไรคือสิ่งสำคัญของการเป็นนักข่าวเศรษฐกิจ
สิ่งสำคัญของนักข่าวเศรษฐกิจคือทำเรื่องที่ยากให้เข้าใจง่ายที่สุด เพราะเศรษฐกิจเกี่ยวข้องกับตัวเลข คำแปลกๆ เฉพาะทาง แล้วก็เป็นกลุ่มเฉพาะ คือเวลาเราพูดเรื่องเงินมันเกี่ยวข้องกับกลุ่มเล็กๆ ไปจนถึงกลุ่มใหญ่ ผมก็ต้องลองทำดู ก็เลยเป็นที่มาของการทำรายการชื่อ “ภาษาเศรษฐกิจ” ออกอากาศครึ่งชั่วโมงต่อวันเป็นรายการสดออกอากาศทางช่อง 9 ซึ่งตอนนั้นยอมรับว่ารายการมีคนดู มีคนยอมรับ มีคนพูดถึง ทำงานอยู่ช่อง 9 ประมาณ 4 ปี และนั่นคือที่มาของการเข้ามาในวงการสื่อ

เอกลักษณ์ของคุณคือการทำเรื่องเศรษฐกิจให้เข้าใจง่าย คุณมีเทคนิคและวิธีการอย่างไร
ผมว่าเรื่องการทำให้เข้าใจง่ายมันอยู่ที่ความสามารถในการนำเสนอ ผมยอมรับว่าผู้ใหญ่บางคนค้นพบเราจากจุดนี้ แล้วผมยังได้รับคำแนะนำจากผู้ใหญ่ใกล้ชิดว่าเศรษฐกิจต้องยกตัวอย่างเทียบเพราะคำเฉพาะมันเยอะ เราต้องอธิบายคำนั้นเพิ่มหรือมีตัวอย่างที่จับต้องได้มาประกอบเพิ่ม แล้วมันจะทำให้รู้สึกว่าเขาอยากเข้าใจ สุดท้ายผมคิดว่าคนที่เรียนหรือศึกษาเรื่องธุรกิจ การตลาดมาตลอดจะเชื่อเรื่องการสร้างความแตกต่าง คนทำรายการสื่อทางเศรษฐกิจจะบอกว่าความเชื่อมั่นหรือความน่าเชื่อถือมาจากบุคลิกของคนทำรายการต้องเครียด ใส่แว่น แต่ผมบอกว่าไม่ใช่ ถ้าอย่างนั้นมันจะเป็นเรื่องที่ยิ่งทำให้เข้าใจยาก บุคลิกส่วนตัวของผมคือคุยง่าย ยิ้มง่าย ดังนั้นผมจะตั้งคาแรคเตอร์ตรงนี้บวกกับนิสัยส่วนตัว ผมเชื่อว่าพอเรายิ้มในทีวี มันจะทำให้คนดูอยากเปิดเข้ามา แต่ถ้าเราทำรายการขึ้นมาแล้วหน้าบึ้ง หน้าบูด หรือเราเครียด ผมเชื่อว่าแค่ตัวเราทำหน้ายากคนยิ่งไม่เข้าใจ คนดูก็จะเปลี่ยนช่องไปดูละครแล้วยิ้มสนุกสนานดีกว่า

หลายคนคิดว่านักเศรษฐกิจ นักวิเคราะห์ อย่างที่คุณเป็นจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องการเงินเป็นหลัก แต่โดยส่วนตัวมีวิธีการบาลานซ์เรื่องเงินกับเรื่องอื่นๆ ในชีวิตอย่างไร เดี๋ยวนี้มันมีสื่อโซเชียลมีเดียด้านหนึ่งมันทำให้เรามีเวลาเหลือ ถ้าเราใช้เครื่องมือพวกนี้เป็น ทุกวันนี้งานหน้าจอของช่อง 3 เราก็ทำงานเป็นทีมในการอ่านข่าวช่อง 3 จันทร์ – ศุกร์ เราจะวางแผนในการทำงานล่วงหน้าเพื่อทำให้ประเด็นในการนำเสนอมันถูกคิดขึ้นมาแล้วมีความต่างและสามารถทำให้ทีมทำงานแล้วเข้าใจง่าย ส่วนทางด้านครอบครัวตอนนี้มีลูกสาววัย 6 ขวบ เราคิดไว้ว่า จันทร์-ศุกร์ คืองาน เสาร์-อาทิตย์และวันหยุดคือครอบครัว หลังจากทำงานเสร็จทุกอย่างแล้วประมาณสองทุ่มผมตัดการสื่อสารทุกอย่างเพื่อให้เวลากับครอบครัว ยกเว้นพูดคุยก็เป็นกรณีเร่งด่วนจริงๆ อยู่กับครอบครัว จะไม่เอาเรื่องงานมาพูดเลย

สิ่งที่มนุษย์เงินเดือนหรือคนรากหญ้าจะต้องปรับตัวเพื่อเข้าสู่ยุคของ Digital Economy คืออะไร
สิ่งแรกคือเราต้องยอมรับ ต่อไปนี้เราจะไม่เห็นเงินทองหรือการนับแบงก์ในปัจจุบันอีกแล้ว แต่มันจะเกิดจากการแค่ใช้นิ้วแตะมือถือก็โอนเงินเสร็จแล้ว ซึ่งถ้าตรงนี้คุณเปิดกว้างคุณก็จะเห็นประโยชน์ เมื่อเทคโนโลยีเข้ามาคุณจะมีเวลามากขึ้น สามารถนำเวลาที่เหลือไปให้ครอบครัวได้ หรือนำไปบริหารงานได้ ผมอยากให้คนรุ่นกลางเก่ากลางเปิดกว้าง หากคุณไม่มีเทคโนโลยีเข้ามาคุณก็จะทำงานในกรอบ 24 ชั่วโมงเท่าเดิม แต่ถ้าคุณใช้เทคโนโลยีช่วยคุณจะได้เวลาเพิ่มขึ้นมาอย่างน้อย 5 – 6 ชั่วโมง ทำให้ชีวิตมันดีขึ้นเยอะ

ทุกคนอยากรวยหมด สำหรับคุณให้ความหมายคำว่า “คนรวย” ไว้อย่างไร
ผมคิดว่าคนรวยที่แท้จริง คือคนรวยด้วยโอกาส เปิดโอกาสในการสร้างธุรกิจให้เกิดความมั่งคั่ง การที่เราเห็นเงินเข้าบัญชี การที่เราเห็นตัวเลขกำไรต่อปีในบัญชีพวกนี้คือผลลัพธ์ เราจะมีพวกนี้และมาถึงจุดนี้ได้คือเราต้องเห็นโอกาสในการสร้างมันขึ้นมา

การเชี่ยวชาญด้านการเงิน การรู้และวิเคราะห์เศรษฐกิจได้ล่วงหน้ามันให้คุณค่าอย่างไรต่อชีวิตของคุณ
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือมันให้ความรู้สึกมั่งคั่งกับชีวิตได้ดี ถ้าเราไม่รู้ตัวเลขอะไรล่วงหน้าหรือถ้าเราไม่เห็นแนวโน้มการเปลี่ยนแปลง หรือถ้าเราไม่เห็นการส่งสัญญาณ ไม่ว่าจะเป็นการให้สัมภาษณ์บอกใบ้ พอเราไปถึงจุดนั้นโดยที่เราไม่ได้รับรู้ข้อมูลมาก่อนสิ่งที่เกิดขึ้นคือปรับตัวไม่ทัน พอปรับตัวไม่ทันทางเลือกเดียวคือคุณต้องยอมรับสภาพเพราะคุณปรับตัวไม่ทัน ดังนั้นการคาดการณ์สามารถนำไปใช้กับมนุษย์ทุกอาชีพ

ความสำเร็จในวันนี้ของคุณบัญชา จึงเป็นความสำเร็จที่เขาดีไซน์ไว้แล้วตั้งแต่ต้น ชีวิตเราก็เป็นเช่นนั้นได้หากเรามีเป้าหมาย ก้าวเดินของเราแต่ละก้าวก็จะเป็นก้าวเดินที่มีแต่ความมั่นอกมั่นใจและมั่นคง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook