“ผมอยู่ทุกวันแหล่ะครับ” เคล็ดลับรวยพันล้านฉบับ “วสันต์ เบนซ์ทองหล่อ”

“ผมอยู่ทุกวันแหล่ะครับ” เคล็ดลับรวยพันล้านฉบับ “วสันต์ เบนซ์ทองหล่อ”

“ผมอยู่ทุกวันแหล่ะครับ” เคล็ดลับรวยพันล้านฉบับ “วสันต์ เบนซ์ทองหล่อ”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 “แบไต๋มีเท่านี้ ได้เท่าไหร่ คนล่ะ 50 : 50 แฟร์ไหม คิดดูแล้วมันแฟร์นะ” ประโยคทองของเถ้าแก่เบนซ์ทองหล่อผู้สร้างอาณาจักรโชว์รูมขายเบนซ์ที่สร้างกำไรมหาศาล แถมมีกลยุทธ์ทางการตลาดที่ไม่เหมือนใครพร้อมวลีเด็ด “ผมอยู่ทุกวันล่ะครับ” ทำให้เขาประสบความสำเร็จมีรายได้พร้อมทรัพย์สินเป็นพันล้าน เพราะอะไรเขาจึงได้มาถึงจุดนี้ เพราะอะไรจึงประสบความสำเร็จได้มากมาย Sanook! Men ตามไปดูเคล็ดลับสู่ความสำเร็จแบบฉบับลูกผู้ชายที่คิดต่าง “วสันต์ เบ๊นซ์ทองหล่อ”

ชีวิตวัยเด็กคุณบอกว่าคุณไม่รู้จัก “ความจน” หรือ “ความรวย”
ผมเกิดที่เมืองกาญจน์ ตำบลท่าเรือจำได้ว่าเตี่ยล่องเรือมาเป็นคนค้าข้าว ส่วนแม่ซื้อของจากคนในปลามาขาย เช่น ปลา ซื้อเห็ดโคนมาตลาดสักตี 3 ถึง 4 โมงเช้า เพราะคนสมัยก่อนเค้ากินข้าวกันเร็ว เราเป็นเด็กธรรมดาไม่รู้สึกว่ารวยหรือจน สมัยก่อนไม่พกตังค์เลย ถึงจะไม่มีตังค์ก็อยู่ได้ ถ้าอยากกินอะไรก็มีหมดทั้งผลไม้ ผักปลา อย่างเช่นผักบุ้ง สายบัว ในหนองน้ำสามารถไปเด็ดเอามากินได้เลย ซึ่งแปลกนะสมัยก่อนผักกระเฉดไม่มีใครกินเลยเพราะมันแข็งและเหนียว แต่เดี๋ยวนี้กลับนำเอามาขึ้นเหลาที่กรุงเทพฯ

เราไม่รู้ว่าความจนมันเป็นยังไง รวยมันเป็นยังไง คนแถวนั้นก็เป็นแบบนี้กันหมด บ้านคุณวิกรมก็อยู่แถวนี้ ซึ่งอยู่กันแบบธรรมชาติอยากกินอะไรก็ทำเอง เช่น อยากทอดไข่ก็รอแม่ไก่ออกไข่ จากนั้นก็ซื้อน้ำมันหมูมาทอดกินเอง ผัดผักบุ้ง ซึ่งมันสามารถทำกินเองได้แบบออร์โตเมติก อาบน้ำคลองเล่นน้ำฝน จับปลากัด จับจิ้งหรีดมาเล่น เจองูก็ไม่กลัว ยิงนกตกปลา ซึ่งมันทำให้เราเข้มแข็งสามารถไปอยู่ที่ไหนก็ได้

ตอน 7-8 ขวบ คุณเริ่มไปคุ้ยขยะหาเศษสตางค์ ทั้งๆที่คุณใช้เงินไม่เป็น คุณทำแบบนั้นเพราะอะไร
ผมเห็นเจ้าหน้าที่ออมสินเดินไปรอบบ้านรับฝากเงินแล้วจะให้กระปุกออมสินมาสะสม ผมจึงรู้สึกว่าเงินมันสามารถเอาไปฝากแบงก์ได้ และผมสังเกตเห็นร้านขายยาเค้ากวาดขยะแล้วเอามากองทิ้งที่หลังบ้าน ก็เลยถือวิสาสะเข้าไปเขี่ยๆเพราะคิดว่าอาทิตย์นึงต้องมีเศษสตางค์หลงเหลือมาบ้าง และสมัยก่อนเค้าจะรู้ว่าร้านขายยามีสตางค์ เราก็เข้าไปเขี่ยๆหาเศษตังค์เป็นประจำและก็ได้เกือบจะทุกครั้งไป เนื่องจากเราเป็นคนช่างสังเกตและชอบมองอะไรในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น เป็นเด็กไม่กวนใคร ไม่เคยขอเงินใคร แม้กระทั่งไปเที่ยวไม่มีเงินก็ไม่เคยขอใคร

คุณเริ่มทำงานมาตั้งแต่เด็ก ตอนเรียนมหาลัยปี 3 เริ่มเป็นเซลล์อะไร ทำให้คุณมั่นใจว่าคุณจะทำได้ทั้งๆที่คุณไม่มีประสบการณ์
เป็นทั้งๆ ที่ไม่อยากเป็น ไม่ชอบเลยงานเซลล์เกลียดมากๆ แต่วันนั้นที่มหาวิทยาลัยมีบริษัทเปิดรับสมัครเด็กฝึกงานขายที่ดินจัดสรร โดยช่วงฝึกเค้าให้เงินเดือนตั้ง 500 บาท จึงตัดสินใจไปฝึกงานโดยตื่นเช้าไปฝึกงานตอนบ่ายไปเรียนที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ซึ่งสาเหตุที่ไปก็เพราะว่าอยากได้เงินเดือนและพอรับเงินเดือนเค้ามาแล้วก็คิดว่าต้องทำงาน ค่าคอมไม่เคยคิดว่าจะได้แค่ขายได้ก็บุญแล้ว พอฝึกเสร็จปรากฏว่าผ่าน เค้าก็เลยถามว่าจะทำงานต่อไหม โดยให้เงินเดือนขึ้นเป็น 1,000 บาท ทั้งๆที่ยังเรียนไม่จบ ตอนนั้นก็เลยตัดสินใจทำ ช่วงนั้นก็ขายได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่เคยขายได้ค่าคอมครั้งละตั้ง 5,000 บาท ซึ่งตอนนั้นรู้สึกมีความสุขมาก ที่ยอมเป็นเซลล์เพราะว่าต้องช่วยตัวเองเพื่อเอาตัวรอดต้องอยู่ให้ได้และก็ทำได้ดีพอสมควร พอทำมาพักใหญ่ๆหลายเดือน จนวันนึงเค้ามาบอกว่าคนที่ไม่ขายเค้าจะเริ่มตัดเงินเดือน ก็เลยคิดสงสารว่าบางคนที่ขายไม่ได้ถ้าตัดเงินเดือนแล้วจะเอาที่ไหนใช้และเดินทางไปทำงาน คนอื่นอาจเลี้ยงตัวเองไม่รอดและบางคนก็มีครอบครัวจะเอาที่ไหนเลี้ยงลูก ผมก็เลยเถียงแทนในที่ประชุม ถ้าคุณตัดก็อยู่กันไม่ได้และผมก็จะลาออกด้วย สุดท้ายเค้าก็ยืนยันจะตัดเงินเดือนคนที่ไม่มียอดขาย ผมก็เลยลาออกเลย เพราะไม่ได้สนใจว่าจะมีตังค์หรือไม่มีตังค์ ยังไงผมก็อยู่ได้เป็นแบบนี้มาจนแก่ เนื่องจากว่าเราเกิดจากการไม่มีตังค์เราก็เลยไม่กลัวเรื่องไม่มีตังค์เราคิดว่าเราเอาตัวรอดได้ แข็งแกร่ง ขยับตัวนิดเดียวก็ได้ตังค์ อย่าเลือกงานทำ อย่านั่งรออาหาร จงเดินเข้าไปหา

คุณได้งานทำตั้งแต่เรียนจบ แต่ทำไมตัดสินใจไปบวช และมีแววว่าจะไม่สึก
ตอนนั้นรู้สึกเบื่อมากพอลาออกจากงานเซลล์ที่ดินจัดสรรก็เดินไปเรื่อยๆ จากราชเทวีไปบ้านพักที่หลานหลวงก็เดินใจลอยๆ ไม่รู้จะไปไหนเพราะยังเรียนไม่จบ จากนั้นพี่สาวลูกของป้าชวนไปทำงานขายพื้นที่โฆษณาบนป้ายรถเมล์โดยให้รถใช้คันหนึ่งและเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาด ซึ่งตอนนั้นกว่าจะขายได้แต่ละชิ้นเลือดตาแทบกระเด็น ต้องไปง้อผู้จัดการ ต้องไปรอนัดเจอ ต้องง้อคน มันทำให้รู้สึกเบื่อ และผมก็ไม่ชอบ ปัจจุบันมาขายรถเบนซ์ให้ผมไปหาคนซื้อรถผมก็ทำไม่เป็น ผมไม่เคยออกจากร้านเลยคนมาขอซื้อรถผมถึงอยู่ได้ ให้ผมไปเป็นเซลล์ผมก็ไม่ทำหรอก ความรู้สึกเหมือนขอทาน เหมือนคนไร้ค่า ทำให้รู้สึกเบื่อมากๆ ไม่รู้จะไปไหนก็เลยบวชพระดีกว่า จึงตัดสินใจกลับบ้านไปบวชให้พ่อให้แม่ หลังจากนั้นก็เริ่มเทศน์หลวงพ่อก็เลยเห็นแววว่าจะให้เป็นเจ้าอาวาสเพราะเป็นคนเดียวที่เรียนสูงถึงปริญญาตรี

ตอนบวชครั้งนั้น การบวชเรียนช่วยพัฒนาคุณในด้านใดบ้าง
ทำให้ตัวเองมีวินัยมากขึ้น ประพฤติตัวเป็นคนดีเพราะมีคนกราบไหว้ จิตใจสงบ พัฒนาวัดสร้างโบสถ์


ทำไมคุณตัดสินใจไปเรียนต่างประเทศ ทั้งๆ ที่มันเป็นครั้งแรก และต่างบ้านต่างเมือง
ตอนที่บวชพระเพื่อนได้มาเยี่ยมมากมาย อยู่มาวันหนึ่งเพื่อนรักที่สนิทกันมาก คุณสุพจน์ อั่วศิริพร ซึ่งตอนนั้นเค้าอยู่ที่อเมริกาประมาณ 2 ปีแล้ว ได้ส่งจดหมายชวนไปอยู่ที่อเมริกาด้วยกัน พร้อมทั้งจะหาที่เรียนให้ หางานให้ หาที่อยู่ให้ เพียงแค่หาเงินซื้อตั๋วมาก็พอ ตอนนั้นรู้สึกว่าจากที่คิดว่าจะบวชไม่สึกพอเห็นจดหมายก็จีวรปลิวเลย อยากไปมาก มันตื่นเต้น อยากไปเห็นอเมริกา จึงส่งจดหมายตอบตกลงกลับไปให้เพื่อนและเพื่อนก็ดำเนินการให้ทุกอย่าง ตอนนั้นคิดว่าถ้าเรียนจบอเมริกามีงานดีๆ จะได้เป็นเสาหลักและที่พึ่งให้กับลูกหลาน

ตอนเอ็นทรานซ์คุณสอบไม่ติด สอบตกสัมภาษณ์ตอนเข้าเรียนที่หอการค้า รวมทั้งไปเรียนต่อ ป.โท ที่อเมริกาคุณก็สอบโทเฟลไม่ผ่าน จริงๆคุณเรียนเก่งหรือป่าว
ผมไม่เคยสอบอะไรได้เลย ตอนเรียนในห้องก็ไม่ค่อยสนใจขอแค่สอบผ่านได้เลื่อนชั้นก็พอ ไม่ได้สนใจว่าต้องได้คะแนนเยอะๆ ให้คนชื่นชม แต่ครูก็ให้คะแนนความประพฤติดีเพราะทำตัวดีไม่เคยขาดเรียน แต่ไม่เคยทำการบ้าน ถามว่าเก่งไหม ถ้าผมเรียนผมคิดว่าเก่งสมองผมไม่แพ้ใครแต่ผมไม่ค่อยสนใจที่จะเรียนเอาแค่ผ่านๆก็พอ สอบคัดเลือกอะไรก็ตกหมด ถ้ามีอะไรเขียนๆ ผมก็ผิดหมด เพราะผมเขียนหนังสือไม่จบ สมองเร็วกว่ามือ ตรงนี้แหล่ะที่ทำให้ผมไปสอบไม่ผ่าน สอบเอ็นทรานซ์ก็ไม่ได้ หอการค้าสัมภาษณ์ตก สอบโทเฟลก็ไม่ผ่าน แต่ถ้าได้เรียนก็แค่สอบผ่าน แค่เลื่อนชั้นได้


เพราะอะไรทำให้คุณเดินมาได้ถึงจุดนี้
ผมเชื่อว่าถ้าตั้งใจจริงและมีโอกาสที่ทำได้ เป็นสิ่งสำคัญและถ้าคุณได้มีโอกาสเจอคนที่ให้คุณให้โทษได้ ต้องเจอเบอร์หนึ่งให้ได้สำคัญที่สุด คือคนที่บอก Yes or No ได้ แล้วคุณแสดงความตั้งอกตั้งใจอยากทำสิ่งนั้นและผลประโยชน์เป็นของเค้าและของเราแบ่งกันคนล่ะครึ่ง คือ ทฤษฎี 50 : 50 ผมเชื่อว่าถ้าเราเจอคนๆ นั้นงานทุกงานจะสำเร็จ

ที่มาถึงจุดนี้ได้เพราะอะไรทั้งๆที่คุณก็เรียนไม่เก่ง
ผมเชื่อว่าผมทำอะไรก็ได้ถ้ามีโอกาส แต่โอกาสต้องแสวงหาอย่ารอ มนุษย์ทำอะไรได้ผมก็ทำได้ คนเราเกิดมาหัวเท่ากัน ถ้าเราสนใจมันจริงมันก็ทำได้ โอกาสมันสำคัญถ้าเราได้พบคนที่รู้จริงในเรื่องนั้นๆแล้วเขาสอนเราๆ ก็จะเข้าใจและทำได้ ผมมั่นใจว่าผมทำได้ถ้ามีโอกาสและคิดว่าทำได้ทุกเรื่อง

เข้าสู่วงการการขายรถได้อย่างไร
พอดีพี่ชายส่งจดหมายไปหาที่อเมริกาให้มาช่วยวางแผนบัญชีหลังจากได้หุ้นกับเพื่อนซื้อรถเก่ามาซ่อมขายแต่ทำไปทำมามีแต่หนี้สิน ผมจึงกลับมาช่วยวางระบบให้ ช่วยแก้ปัญหา ดูเรื่องดอกเบี้ย ไฟแนนซ์ ทำเรื่องประกันภัยรถยนต์ วางระบบการผ่อนชำระค่างวด พอเราจัดระบบให้ดีขึ้นยอดขายก็เพิ่มขึ้นเริ่มมีกำไร แต่ก็ประสบปัญหาคือซื้อรถเก่าดีๆหายาก เริ่มไม่มีรถเก่ามาขาย จึงมองหารถใหม่ โดยตัดสินใจเดินเข้าขอเป็นดีลเลอร์ขายรถใหม่ เขาก็ถามว่าโชว์รูมรถอยู่ตรงไหน ก็ตอบเค้าไปว่าไม่มีอะไรเลยและถ้ามีทุกอย่างที่คุณต้องการผมก็รวยแล้วจะมาทำเพื่ออะไร มีแต่เพิงหมาแหงนเป็นสังกะสีเช่าเขาอยู่ แต่มีที่ขายมีโต๊ะตัวหนึ่งพร้อมห้องแอร์ พี่ชายผมคิดต่างกับผมว่านั่งห้องแอร์จะขายได้ยังไงคนต่างจังหวัดเขาไม่เข้าหรอกกลัวแพง เราก็เลยแย้งไปว่าข้างในห้องแอร์นี่แหล่ะดูแล้วมั่นคง ซึ่งตอนนั้นก็ได้รถยี่ห้อฮีโน่มาขายก่อนและตอนนั้นยอดขายถือว่าดีมากผมขายกระเจิงเลย จากนั้นก็ขายรถโตโยต้า

ในเมื่อยอดขายรถใหม่ได้ดีแล้วมาขายรถเบนซ์ได้อย่างไร
ตอนนั้นเพื่อนเอารถเบนซ์มาขายให้บอกให้ช่วยซื้อไว้หน่อยเพราะผ่อนต่อไม่ไหว เราก็กะว่าจะเอามาขับสักพักก็ขายทิ้ง พอเราเอามาขับก็รู้สึกชอบมากมันต่างจากรถญี่ปุ่นเยอะเลย ผมไม่เคยขับรถเบนซ์นะ ขับแต่รถอเมริกันนิ่มยวบยาบยังกะเรือเบรกดังเอี๊ยดรถมันยวบ รถญี่ปุ่นมันเบารู้สึกลอยๆ จากนั้นเราก็ไปเดินงานมอเตอร์โชว์ไปเจอผู้จัดการขายเบนซ์แนะนำให้เอารถไปลองขายดูก็เลยเบิกเงินในธนาคารทั้งหมดไปซื้อเบนซ์มาขายที่เมืองกาญจน์จอดอยู่ 3 เดือนยังขายไม่ออก ตอนนั้นคนเมืองกาญจน์ยังรวยไม่ถึงทั้งเมืองหาคนซื้อคนนึงไม่ได้เลยตังค์เค้าไม่พอ รู้สึกขยาดแต่ไม่เข็ดไม่เอาแล้วซื้อรถเบนซ์มาขาย ทีนี้ไปรู้จักเสี่ยรับเหมาคนนึงที่ขับรถเบนซ์ในเมืองกาญจน์จึงไปขอร้องให้เค้าช่วยซื้อรถหน่อย เค้าก็เลยบอกให้เอารถเก่าไปเทิร์นก็เลยยอมขาดทุนเอารถใหม่ไปแลกดีกว่าขายไม่ออก ต้องจอดไปเรื่อยๆ ยอมขาดทุนแล้วค่อยไปเอาคืนทีหลัง แต่พอคนเริ่มรู้แล้วว่าเราขายเบนซ์ก็เริ่มโทรมาถามเราก็ขายให้ในราคาต้นทุนเลยเพื่อเอาโควต้าไว้ไม่เอากำไรให้ทางสำนักงานใหญ่เค้าเห็นว่าเราขายรถได้ สักพักก็เริ่มให้เอเยนต์ต่างจังหวัดช่วยขายโดยไม่บวกราคาต้นทุนเพิ่ม ขายได้เท่าไหร่แบ่งกำไรคนล่ะครึ่ง ซึ่งทฤษฎี 50 : 50 นี่แหล่ะทำให้ผมรอดมาจนถึงทุกวันนี้ เดี๋ยวนี้ผมทำอะไรก็ครึ่งตลอด

ที่มาของทฤษฎี 50 : 50 มาจากไหน
ทฤษฎีนี้เป็นของหลวงพ่อคูณนะแต่ผมทำมาก่อน เวลาคนถือเงินไปถวายกับหลวงพ่อคูณท่านจะดึงเงินแค่ครึ่งเดียวอีกครึ่งหนึ่งท่านให้เอาไปทำทุนและเป็นที่รู้กันว่าต้องชูแบงก์สองใบนั่นแหล่ะคือทฤษฎีครึ่งๆ แบไต๋เท่านี้ได้เท่าไหร่คนล่ะครึ่งแฟร์ไหม คิดดูแล้วมันแฟร์นะ ซึ่งตั้งแต่ใช้ทฤษฎีนี้ตั้งแต่นั้นมาผมค้ารถไม่เคยมีรถพอขย ผมขายกระจุยเลย ตอนหลังมีปัญหาว่าทำยังไงให้ขายรถได้ล่วงหน้ารุ่นอะไร สีไหน กี่คัน รับจองล่วงหน้าจองทีละร้อยคัน บางทีจองล่วงหน้า 500 คันต่อช่วงเวลาหนึ่ง ตอนนี้ยังมีคนจองไว้ 200-300 คันเลย ผมขายระบบนี้ตลอดเลย เดี๋ยวนี้ลูกค้ามาไม่มีรถหรอกวางเงินจองแล้วก็รอ 3-5 เดือน จากนั้นก็รอส่งมอบเลย ขายล่วงหน้า

เพราะอะไรลูกค้าถึงเชื่อใจมาออกรถกับเราทั้งที่ไม่มีรถให้ดู
อาจจะเป็นความจริงใจเรื่องราคา มีกำไรเท่าไหร่แบไต๋หมด ซึ่งเราแบไต๋เลยว่าได้ราคาลดได้เท่าไหร่ ไม่ใช่ค่อยๆลดราคาลงไปทีละนิดๆ วิธีนี้ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเราจริงใจ
ถามว่าไม่มีกำไรผมอยู่ได้ไงเป็นเพราะผมซื้อรถเป็นล็อตล่วงหน้าบางที 500 คัน เค้าก็ให้ราคาผมมา บางทีผมเหมาทั้งรุ่นก็มี ที่โตมาได้เพราะแบบนี้

ได้ยินมาว่ากำไรหลักๆ เกือบพันล้านมาจากโชว์รูม
รายได้หลักๆ จริงๆ คือตัวโชว์รูมที่เราขอกู้เงินแบงก์ซื้อไว้จากราคาที่ซื้อ 6 ล้าน 9 ล้าน 12 ล้าน ราคา ณ ปัจจุบันตาราวางล่ะ 1.5 ล้านบาท ราคาในอดีตก็ถือว่าแพงมากเหมือนกัน แต่ที่ตัดสินใจซื้อเป็นเพราะว่าถ้าเราเช่าก็มีแต่ราคาสูงขึ้นเช่นกันจึงกัดฟันตัดสินใจกู้แบงก์ซื้อที่ทำโชว์รูม นอกจากนี้ยังซื้อที่ข้างๆ อีก 3 ไร่ในซอยทองหล่อ และยังซื้อที่ทำโชว์รูมแถวพระราม 4 , วิภาวดี ,บางกะปิ,เรียกได้ว่ารวยเพราะโชว์รูม

แผนการตลาด การขายรถของคุณค่อนข้างแตกต่าง เช่น ไม่มีโชว์รูม มีโฆษณาตอนตี 5 มันคือการคิดนอกกรอบหรือเทคนิคพิเศษอะไรของคุณ
ไม่มีเทคนิคอะไรเลยรถเบนซ์มันขายง่ายอยู่แล้ว ผมไปยืนฉี่ยังขายรถได้เลย ตอนไปงานแต่งงานเข้าห้องน้ำก็ยืนฉี่อยู่คนก็เข้ามาถามรถเบนซ์รุ่นใหม่ออกยังราคาเท่าไหร่เอาคันนึงสีดำจบล่ะ งานเผาศพกำลังถือดอกไม้จันทน์ขึ้นไปไว้ที่ศพยังขายได้เลย เป็นแบบนี้จริงๆ ฐานลูกค้าเราแน่นจริงๆ จนบางทียังขี้เกียจขายเลยเพราะขายให้ในราคาทุน บางครั้งยังขี้เกียจออกงานเพราะออกงานเมื่อไหร่ก็ได้ขายรถตลอด

ทำไมคำว่า เบนซ์ทองหล่อ ถึงติดหูมากกว่า เบนซ์ที่ต่อท้ายด้วยคำอื่นๆ
เพราะเราขายเบนซ์ที่ทองหล่อก็เลยเรียกเบนซ์ทองหล่อ พูดสั้นๆแล้วมันเข้าใจ

เพราะอะไรคุณต้องบอกว่าคุณอยู่ทุกวันในโฆษณา
มันจะมีกี่คนที่ขายรถโดยมีเถ้าแก่อยู่ คนอื่นทำไม่ได้ แคมเปญผมที่ทำการตลาดคือ “เอาอะไรมาแลกก็ยอม” เอาเพชรมาแลกก็ได้ เอาพระมาแลกก็ได้ เอาที่ดินมาแลกก็ได้ อะไรก็ได้ ซึ่งไม่มีใครทำได้ เป็นวิธีคิดของเรา มีสักกี่ที่ที่เถ้าแก่อยู่โชว์รูมทุกวันเดินดูความเรียบร้อย ดูแลเอาใจใส่ลูกค้า ผมจะลงโฆษณาว่าผมอยู่ทุกวันมาเถอะผมอยู่ จะเอาอะไรมาแลกก็ยอม ก็ใช้คำว่าผมอยู่ทุกวันละครับ ถ้าผมไม่อยู่แล้วจะให้ผมไปไหนบริษัทตัวเองก็ต้องอยู่จริงๆ ก็แค่บอกความจริงว่าผมอยู่

อะไรคือหัวใจของการเป็น พ่อค้า แม่ค้า หรือคนขายรถ
เริ่มต้นต้องจริงใจก่อน รวมไปถึงความซื่อสัตย์ ความรู้จริง เปิดใจคุยกัน บอกส่วนลดจริงๆเลยว่าเราได้เท่าไหร่เช่นได้มา 5%ผมให้คุณหมดเลย ผมขอกลับซัก 1% ได้ไหม ไม่ต้องไปบอกว่าลดได้เท่าไหร่ ผมมีส่วนลด 4% ให้ผมกลับ 1% ได้ไหม เพียงคุณกลับข้าง หรือ Reverse engineering คือบอกส่วนลดตามจริงแล้วขอแบ่งกำไรกับลูกค้าเท่านั้นเอง บางคนขอเกินถามว่าให้ได้ไหม ตอบว่าได้แต่ได้ครั้งเดียวนะ มาคราวหน้าผมไม่อยู่แล้วนะ ไม่ต้องคุยกับผมแล้วนะไม่เหลืออะไรให้เลย (หัวเราะ)

คุณเคยให้สัมภาษณ์ว่า คุณชอบคนซื่อๆ มาทำงานมากกว่าเลือกคนเก่ง เป็นเพราะอะไร
ผมเชื่อทุกคนเก่งได้สามารถสอนให้เก่งได้บางคนอาจสอนเร็วหน่อย บางคนอาจสอนช้าหน่อย แต่ทุกคนสอนให้เก่งได้ ความซื่อสอนไม่ได้ บุคลิกเราปรับให้ได้

เคล็ดลับในการประสบความสำเร็จของคุณคืออะไร
ทำอะไรก็ต้องมีความสุขอยู่ในงาน ต้องมีความสุขในสิ่งที่คุณทำ ทำในสิ่งที่เราอยากทำ เราชอบทำและเรามีสุขก็คือสำเร็จ

ช่วยให้แง่คิด หรือ เคล็ดลับสำหรับคนที่อยากจะประสบความสำเร็จแบบคุณหน่อยครับ
ถ้าคุณเป็นคนมืดบอดไม่รู้ทางเลยก็ให้หลับตามองไปทั่วๆ อะไรหรือวิถีชีวิตแบบไหนที่คุณชอบ พระสงฆ์มีสุขคุณอยากมีความสุขแบบพระคุณก็ไปขอพรพระ แต่คุณก็อยากรวยแบบ คุณเจริญหรือคุณชนินทร์ ก็ศึกษาหาความรู้จากเขา ซึ่งมันขัดกันให้คุณต้องเลือกเอาซักอย่าง ถ้าอยากรวยแบบเขาก็ต้องไปศึกษาดูประวัติเขาว่าเค้าทำแบบไหน พยายามเรียนรู้กับคนที่เชี่ยวชาญในสิ่งนั้นๆ อยู่ที่ตัวเป็นสำคัญว่าอยากเป็นอะไร ทำอะไร เริ่มต้นลงมือทำหมั่นเรียนรู้จากคนที่ชำนาญในงานนั้นๆ ถ้าคิดอย่างเดียวแล้วไม่ทำก็ไม่สำเร็จ คิดปุ๊บตัวต้องขยับกาย ขยับใจ ขยับปาก

หากคุณกำลังมองหาเป้าหมายและความสำเร็จจงหมั่นเรียนรู้และศึกษาเดินเข้าไปหาอย่ารอ พร้อมลงมือทำอย่างจริงจังคุณก็สามารถประสบความสำเร็จได้ และหนึ่งในคัมภีร์ที่คุณสามารถนำไปใช้ได้ก็คือ ทฤษฎีครึ่งๆ ที่สามารถปรับใช้ได้ในทุกสถานการณ์และทำในสิ่งที่เราอยากทำ เราชอบทำและเรามีความสุขก็คือสำเร็จไม่ใช่สุขเพราะได้เงินมาก นี่แหล่ะคือเคล็ดลับสู่เส้นทางพันล้านของ “วสันต์ เบนซ์ทองหล่อ”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook