4 ไอเท็มคู่กายที่ผู้ชายต้องจำให้ขึ้นใจ

4 ไอเท็มคู่กายที่ผู้ชายต้องจำให้ขึ้นใจ

4 ไอเท็มคู่กายที่ผู้ชายต้องจำให้ขึ้นใจ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พบกับแอ๊กเซสเซอรี่ประจำฤดูกาลใหม่ทั้ง 4 แบบ ตัวช่วยให้การแต่งตัวดูเท่ครบเครื่อง
Story: นิพิฐพนธ์ รุ่งเรือง

1. Loafers
รองเท้ายอดนิยมของผู้ชายทุกรุ่นที่มีมาตั้งแต่ทศวรรษ 30s แรกเริ่มมีการสวมใส่กันในกลุ่มชาวไร่ของประเทศนอร์เวย์ หน้าตาคล้ายรองเท้าสลิปออนสำหรับใส่อยู่บ้าน จนกระทั่งเจ้าของแบรนด์รองเท้าดัง G. H. Bass จากสหรัฐอเมริกาไปสะดุดตาเข้าจึงนำมาปรับโฉมยกเครื่องใหม่ แถมตั้งชื่อใหม่เก๋ไก๋ว่า ‘วีจันส์’ (Weejuns) เพื่อให้ออกเสียงคล้ายกับคำว่า ‘นอร์วีเจียนส์’ (Norwegians) ซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิด เมื่อความนิยมแพร่หลายไปทั่วทั้งทวีปอเมริกาและยุโรป จนมาถึงกลุ่มนักศึกษาไอวี่ลีกในทศวรรษ 50s ที่สร้างค่านิยมด้วยการหยอดเหรียญเพนนีใส่ไว้ตรงช่องรูปเพชรด้านหน้าของรองเท้าเป็นเหรียญสำรองเอาไว้หยอดตู้โทรศัพท์ยามฉุกเฉิน สิ่งนี้จึงกลายมาเป็นชื่อเรียกว่า รองเท้าโลฟเฟอร์รุ่นเพนนี (Penny Loafers) ที่เรารู้จักกันดีในปัจจุบัน

2. Backpack
ตัวช่วยสำหรับการพกสิ่งของที่แน่นไปด้วยฟังก์ชันในการใช้งานของนักเรียนไปจนถึงนักเดินป่า เริ่มมีใช้ครั้งแรกตั้งแต่ยุคหิน ส่งต่อมาสู่ชาวนอร์เวย์ในศตวรรษที่ 19 โดยใช้แผ่นหนังสัตว์เย็บเป็นช่องใส่ของแล้วยึดกับแผ่นไม้ ซึ่งถือเป็นโครงสร้างกระเป๋าแบ็กแพ็คของรุ่นบุกเบิก จนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 1 กองทัพสหรัฐอเมริกาได้ออกแบบกระเป๋าแบ็กแพ็ครุ่น M1910 ให้รองรับการใช้งานของทหาร แต่ยังไม่ดีเท่าที่ควรเพราะกระเป๋ามีลักษณะคล้ายผ้าผืนใหญ่ที่วางทุกสิ่งลงบนผ้าแล้วค่อยๆ พับจนเป็นทรงสี่เหลี่ยมและมีเชือกมัด ที่สำคัญคือมีน้ำหนักมาก จนกระทั่งปีคริสต์ศักราช 1952 คู่สามีภรรยาตระกูลเคลตี้ (Kelty) ซึ่งเป็นชาวอเมริกันจึงสร้างกระเป๋ารุ่นใหม่ด้วยโครงจากแผ่นอลูมิเนียมและตัวกระเป๋าจากร่มชูชีพในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มาตัดแปะและเย็บประกอบ ก่อนเสริมด้วยสายกระเป๋าที่ทำจากพรมผ้าวูล นี่จึงเป็นต้นแบบของกระเป๋าที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน

3. Sneakers
พลิมโซลส์ (Plimsolls) คือชื่อเรียกรองเท้าผ้าใบในยุคแรกที่มีมาตั้งแต่ช่วงปี 1870 รองเท้าลักษณะนี้คล้ายกับรองเท้าผ้าใบพื้นยางบ้านๆ ตัวรองเท้าทำจากผ้าใบแต่แบ่งไม่ออกว่าข้างไหนซ้ายหรือข้างไหนขวา ด้วยเหตุนี้จึงใส่ไม่สบายนัก และที่สำคัญมีจำกัดอยู่ในแวดวงนักกีฬาหรือกองทัพเท่านั้น จนกระทั่งแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง Keds, Adidas และ Converse พากันออกแบบและปรับปรุงรองเท้าผ้าใบเสียใหม่ให้ใส่ง่ายขึ้น จึงทำให้รองเท้าชนิดนี้เป็นที่นิยมแพร่หลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมาร์ลอน แบรนโด และเจมส์ ดีน ใส่รองเท้าผ้าใบชนิดนี้ในภาพยนตร์ที่เขาเล่น จึงทำให้ความนิยมรองเท้าผ้าใบแพร่กระจายออกไปทั่วโลก แต่เคยสงสัยไหมว่าทำไมถึงต้องเรียกว่าสนีกเกอร์ เพราะที่จริงแล้วชื่อสนีกเกอร์นั้นเป็นคำศัพท์อเมริกัน-อิงลิช ถูกตั้งในคริสต์ศักราช 1917 โดย Henry Nelson McKinney นักโฆษณาที่เห็นพ้องว่าพื้นรองเท้ายางของรองเท้าผ้าใบนั้นไม่ส่งเสียงดังในเวลาเดิน ก็แปลตรงตัวว่า ‘นักย่องเบา’ ดีๆ นี่เอง

4. Baseball Cap
รู้หรือไม่ว่าหมวกเบสบอลที่เราใส่กันอยู่ทุกวันมีที่มาตั้งแต่คริสต์ศักราช 1858 ตัวหมวกทำจากผ้าฝ้ายไร้โครงสร้าง มีลักษณะกลมมน มีปีกไว้บังแดดและมีกระดุมด้านบน แต่สมัยนั้นหมวกชนิดนี้นิยมใส่สำหรับเล่นกีฬาเท่านั้น ไม่ฮิตใส่ออกมาเดินเท่นอกบ้านเหมือนปัจจุบัน แต่พอล่วงเลยมาถึงทศวรรษ 1940s หมวกเบสบอลก็ถูกพัฒนาให้มีรูปทรงเหมือนที่เห็นในวันนี้ด้วยการใช้วัสดุยางลาเท็กซ์ทำโครงยึดด้านหน้า และจะปักตราสัญลักษณ์ของทีมเบสบอลต่างๆ ลงบนหมวกเพื่อเป็นการแบ่งทีมอย่างชัดเจน จนกระทั่งถึงทศวรรษ 70s หมวกเบสบอลจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งในเครื่องแบบของคนหลากหลายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจ ไปจนถึงนักวิ่ง และแพร่หลายสู่กระแสแฟชั่นตั้งแต่นั้นมา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook