ผู้ชายฉีดน้ำหอมผิด ความผิดติดตัวตลอดวัน

ผู้ชายฉีดน้ำหอมผิด ความผิดติดตัวตลอดวัน

ผู้ชายฉีดน้ำหอมผิด ความผิดติดตัวตลอดวัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้ชายกับการฉีดน้ำหอม เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ผู้ชายฉีดน้ำหอมผิด ความผิดติดตัวตลอดวัน มาดูทางรอดกันเถอะ

ผู้ชายกับการฉีดน้ำหอมเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ไม่ง่ายเหมือนกับการโปะ Aftershave หลังโกนหนวด เพราะการฉีดน้ำหอมนั้น ถ้าจะให้ได้อรรถรส ต้องพิจารณาการฉีดในจุดสำคัญของร่างกาย จุดที่ดี จุดที่ใช่ ก็จะทำให้กลิ่นหอมเข้มข้น และช่วยรักษาความหอมไว้ได้ยาวนาน อย่าเสียเวลาเลยครับชิคสเตอร์ เรามาเรียนรู้เทคนิคการฉีดน้ำหอมสำหรับชายหนุ่มกันเถอะครับ

Get Started!

การเลือกซื้อน้ำหอมสำหรับผู้ชาย คุณควรทดสอบกลิ่น ด้วยการสเปรย์ลงบนผ้าหรือกระดาษ ซึ่งห้างหรือร้านค้าส่วนใหญ่ก็จะมีกระดาษสำหรับทดสอบกลิ่นไว้ให้บริการอยู่แล้ว ลองขอจากพนักงานดูนะครับ

น้ำหอมของผู้ชาย ถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ Eau du parfum, Eau de Toilette และ Eau du Cologne โดย Eau du parfum จะมีกลิ่นที่แรงที่สุดในบรรดาน้ำหอมทั้งหมดสำหรับผู้ชาย เพราะมีส่วนผสมของสารสกัดน้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติสูงถึง 14% ในขณะที่ Eau de Toilette จะมีกลิ่นแรงน้อยกว่า Eau du parfum ส่วน Eau de Cologne จะมีกลิ่นแรงน้อยที่สุดในบรรดา 3 ประเภทนี้ คุณชอบความรุนแรงระดับไหน ก็เลือกกันตามใจชอบเลยนะครับ

สิ่งที่ต้องทดสอบกันก็คือกลิ่นและความเข้มข้น การทดสอบต้องทำในสองส่วน คือ การดมกลิ่นแรกทันทีที่ฉีด และการดมกลิ่นหลังจากเวลาผ่านไปสักครู่ เพราะกลิ่นหลังนี้จะอยู่กับเราไปทั้งวัน ใครจะได้กลิ่นอะไรจากตัวเราก็คือกลิ่นนี้เนี่ยล่ะครับ

กลิ่นน้ำหอมของผู้ชายอาจได้จากการสังเคราะห์กลิ่นที่หลากหลาย ทั้งกลิ่นเหมือนไม้ตัดใหม่ กลิ่นผลไม้แห้ง หรือแม้แต่กลิ่นดอกไม้ที่เป็นที่นิยมในน้ำหอมสตรี ทั้งนี้ก็สุดแท้แต่ความชอบของชิคสเตอร์ เลือกกลิ่นที่ใช่สำหรับเรา หรือถ้ายังไม่ถูกใจ ก็ลองฉีด 2 กลิ่นผสมกันเลยก็ได้ครับ

น้ำหอมแบรนด์ที่เป็นที่ถูกใจชายทั่วโลก (โดยพิจารณาจากยอดขายทั่วโลก) ยกตัวอย่างเช่น Giorgio Armani, Hugo Boss, Dolce & Gabbana, Alfred Dunhill, Givenchy, Liz Claiborne, Davidoff, Ralph Lauren, Christian Dior, Versace, Perry Ellis และ Calvin Klein

ซึ่งเว็บไซต์ squidoo.com ได้แนะนำแบรนด์ยอดฮิตสำหรับชายหนุ่มปี 2013 ไว้ คือ Acqua Di Gio ของ Giorgio Armani (ยอดนิยมตลอดกาล ตั้งแต่ปี 1996), AQVA POUR HOMME by BVLGARI (ยอดขายถล่มทลายใน Amazon.com), Davidoff Hot Water, Ungaro iii, Obsession By Calvin Klein For Men, PACO RABANNE – One Million และ Davidoff Cool Water แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะถูกใจไปซะทุกคน แค่เอาไว้ดูเป็นแนวทางละกันนะครับคุณผู้ชาย

Are you Ready?

เมื่อได้น้ำหอมที่ใช่ กลิ่นที่ชอบมาครอบครองแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนต่อไป ซึ่งสำคัญที่สุด นั่นก็คือการฉีดน้ำหอมลงบนร่างกาย เทคนิคก็คือ เราต้องพิจารณาเริ่มจากเสื้อผ้า และระยะเวลาที่ต้องการให้กลิ่นหอม

ถ้าคุณแต่งตัวสบายๆ เสื้อยืดแขนสั้นไปเดินเล่นชิลๆ 3-4 ชั่วโมง ลองใช้ความร้อนของร่างกายเพิ่มความเข้มข้นของกลิ่นให้หอมมากยิ่งขึ้น ด้วยการฉีดลงบนต้นคอ ข้อมือ และหลังใบหู เพราะจุดเหล่านี้จะสามารถสัมผัสกับอากาศ ทำให้ลมโชยกลิ่นหอมนี้ไปเตะจมูกสาวๆ ที่เดินผ่านแน่นอน

แต่ถ้าเป็นวันทำงาน ที่ต้องใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาว และอยากให้กลิ่นหอมอยู่ทนทั้งวัน ลองฉีดที่ข้อมือ หน้าอก และแผ่นหลัง ยิ่งอากาศผ่านจุดที่ฉีดได้น้อยเท่าไหร่ กลิ่นหอมก็จะคงทนมากขึ้นเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาที่น้ำหอมจะหอมทนหอมนานหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับประเภทของน้ำมัน และแอลกอฮอลล์ที่ใช้เป็นส่วนผสมในน้ำหอมนั้นๆ นะครับ

How to Spray?

ฉีดน้ำหอม 1-2 ครั้ง บริเวณลูกกระเดือก โดยถือขวดน้ำหอมห่างจากร่างกายประมาณ 7 นิ้ว จากนั้นฉีดลงบนข้อมือข้างใดก็ได้ 1 ครั้ง โดยถือขวดให้ห่างจากข้อมือประมาณ 4 นิ้ว หลังจากนั้น นำข้อมือทั้งสองข้างมาถูกัน เพื่อให้กลิ่นติดข้อมือทั้ง 2 ข้าง

ในระหว่างวัน คุณอาจเติมน้ำหอมได้ ถ้ารู้สึกว่ากลิ่นที่ฉีดมาตั้งแต่เช้าได้จางไปหมดแล้ว หรือเพิ่งไปเผชิญกับกลิ่นรุนแรงรอบตัวมาหมาดๆ ลองฉีดน้ำหอมในอากาศ แล้วเดินผ่าน เพื่อให้กลิ่นติดตัว

Warning!

เมื่อจะฉีดน้ำหอม สำคัญที่สุดคือการกะปริมาณการฉีด ต้องไม่ให้มากหรือน้อยเกินไป เพราะถ้าน้อยไป กลิ่นตัวอาจจะแรงล้ำกว่ากลิ่นหอม หรือคนอื่นๆ อาจไม่ได้กลิ่นน้ำหอมที่คุณลงทุนซื้อมาแพงแสนแพงเลยก็เป็นได้ แต่ถ้าฉีดมากจนล้น ก็อาจจะทำให้สาวเหลียวหลังได้ อ่อ! ไม่ได้เหลียวมามองเพราะความพิศวาสนะครับ แต่อาจจะเหลียวหลังมาด่าได้ว่าทำน้ำหอมหกหรือไง เป็นอย่างไรบ้างครับ ใครจะคิดว่า กับแค่การฉีดน้ำหอมสำหรับผู้ชาย มันจะอะไรกันนักกันหนา แต่ก็อย่างว่าล่ะครับ จะฉีดทั้งทีมันก็ต้องมีเทคนิคก็ซะหน่อย ทำแบบนี้ก็ประหยัดทั้งเวลา และน้ำหอมได้ด้วยนะครับ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก www.ehow.com และ www.feelconfident.co.uk

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook