น้าต๋อย เซมเบ้ นิรันดร์ บุญยรัตพันธุ์ อมตะนิรันดร์กาล

น้าต๋อย เซมเบ้ นิรันดร์ บุญยรัตพันธุ์ อมตะนิรันดร์กาล

น้าต๋อย เซมเบ้ นิรันดร์ บุญยรัตพันธุ์ อมตะนิรันดร์กาล
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

‘นิรันดร์ บุญยรัตพันธุ์' ชื่อไม่คุ้นหูเลย ถึงพูดขึ้นมา คุณก็ไม่รู้ว่าเขาคือใคร แต่ถ้าคุณได้เห็นหน้า ได้ยินเสียง และรู้ฉายานามของเขา คุณจะต้องร้อง...อ๋อ! ...แล้วความทรงจำในวัยเด็ก ก็จะพรั่งพรูออกมาอย่างท่วมท้น

เขาคือเจ้าของเสียงพากย์ ผู้สร้างสีสันให้เหล่าตัวการ์ตูนได้โลดแล่นในจินตนาการของเรามานานกว่า 4 ทศวรรษ ทั้งนักมวยปล้ำผู้เสียสละ ‘หน้ากากเสือ' พระเอกตลอดกาลครองเวลาฉายนานนับสิบปี อย่าง ‘ซุน โงกุน' ตัวร้ายที่แสนรักของเด็กทั่วโลก ‘ไจแอนท์' จาก โดเรมอน คนส่วนใหญ่จดจำเขาได้จากการพากย์เสียงอัจฉริยะสติเฟื่อง นักประดิษฐ์หุ่นยนต์ จากการ์ตูน ดร.สลัมป์ กับหนูน้อยอาราเล่

ไม่ผิดตัวแน่ๆ กับ Icon of Style ของเราในเล่มนี้ เขาคือ น้าต๋อย เซมเบ้ เจ้าของน้ำเสียงเปี่ยมอารมณ์ขัน และนักด้นมุกสดอันเป็นเอกลักษณ์ ที่เรียกรอยยิ้มจากทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ถือเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิก และยกระดับรายการเด็กของประเทศไทยให้เป็นที่นิยมและมีคุณค่า สามารถนำประโยชน์จากเรื่องสนุกมาใช้ได้ในชีวิตจริง

เรานัดเจอเขาที่บ้านพักอันเงียบสงบ เพื่อให้เขาเล่าเรื่องราวชีวิตและบทเรียนที่ผ่านพ้นมา จากจุดสูงสุดของชีวิตที่อู้ฟู่ด้วยชื่อเสียงและเงินทอง จนปัจจุบันที่เขาใช้ชีวิตอย่างสงบสุข และยังคงเฝ้ามองจอทีวีด้วยความเป็นห่วงเป็นใย

ความหมายในน้ำเสียง

ผมทำงานพากย์เสียงมาหลายสิบปี ได้เรียนรู้ว่าเสียงไม่ใช่สิ่งนามธรรม แต่มันคือรูปธรรมชนิดหนึ่ง เสียงเป็นจุดเริ่มต้นของจินตนาการ ก่อให้เกิดความรู้สึก ความคิด และให้ผลที่ลึกซึ้งกว่าภาพเสียอีก คุณลองนึกถึงตอนนั่งดูหนังผี แล้วปิดเสียงทีวีสิ มันไม่น่ากลัวหรอก แต่กลับกัน คุณลองนึกถึงตอนฟังเพื่อนเล่าเรื่องผี โดยไม่ต้องมีภาพ เรากลับกลัวมากกว่า ดังนั้นผมจึงคิดว่าถ้าเราสามารถใช้เสียงได้อย่างถูกต้อง เหมาะกับสถานการณ์ เสียงจะเป็นสิ่งที่มีอำนาจสูงมาก

Born To Be ไม่มีหรอก

กว่า 40 ปีที่ทำงานมา ผมเรียนรู้ว่าคนที่จะเกิดมาเพื่อเป็นอะไรสักอย่าง มันไม่มีหรอกนะ แต่ชีวิตของเราทุกคน อยู่ที่การฝึกฝนอย่างมหาศาล อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวย และพยายามยืนหยัดทำในสิ่งที่ตัวเองรักอย่างเต็มที่ มันไม่มีหรอก Born To Be มีแต่คนที่พยายาม ผมพากย์การ์ตูนสนุก นั่นเป็นเพราะการฝึกฝนในการทำงาน สิ่งสำคัญคือเราต้องมีความรักในงานที่ทำเสียก่อน ต่อเมื่อเราลงไปคลุกคลี ทำบ่อยๆ จนเกิดความชำนาญ ทำมากพอ จนเกิดความคิดว่าอยากให้คนดูเราสนุก อยากให้เขามีความสุข นั่นต่างหาก ความสนุกจึงเกิดขึ้น จำไว้เลย หากเรามีความรู้สึกอยากให้คนอื่นสนุกเมื่อไร รับรองว่ามันจะออกมาดี

คนเราสำคัญคือต้องหาทางลงให้ได้

เมื่อเราทำงานมานานมากๆ หรือเดินทางจนถึงจุดที่ล้า ทั้งร่างกายและจิตใจ จงจบมันให้ได้ อย่ามัวฝืนมัน หากล้าแล้วยังฝืนตะบี้ตะบันทำงานนี้ต่อไป ชีวิตเรามีแต่จะเดินลงเหวนะ แล้วทุกสิ่งที่สั่งสมมา จะไม่เหลืออะไรไว้เป็นตำนานเลย ถ้าเราล้า และรู้จักหยุด คนดูจะจดจำเราในสิ่งดี ผมหวังให้คุณคิดถึงเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ จำภาพการ์ตูนที่สวยงามดีกว่า เพราะ ณ ตอนนี้ กับสมญานาม ‘น้าต๋อย เซมเบ้' ก็ถึงจุดอิ่มตัวแล้ว

ไม่ต้องเป็นพระเอกทุกเรื่องก็ได้

ผมเคยทำงานอยู่ในบทบาทที่สามารถเลือกใครมาพากย์ก็ได้ เลือกหนังมาฉายก็ได้ เมื่ออยู่ในบทบาทนั้น สำคัญคือการให้โอกาสทุกคน น้าต๋อยไม่จำเป็นต้องพากย์เป็นพระเอกทุกเรื่องหรอก จริงไหม? น้าต๋อยควรได้พากย์บทที่เหมาะสม เช่นเดียวกับทีมงานคนอื่น ก็ควรได้รับโอกาสที่จะพากย์บทที่เหมาะสมเช่นกัน ในการทำงาน เราต้องลดตัวตนลงให้ได้ ปล่อยวาง ตัดความอิจฉาออกไป และรักคนอื่นให้มากขึ้น

ดูการ์ตูนแล้วย้อนดูตัว

สำหรับผม การ์ตูนญี่ปุ่นรุ่นเก่าๆ ได้สอนอะไรมากมาย สอนให้อดทนกับความยากลำบาก ตัวละครทุกตัวมีจุดอ่อน เพราะผู้วาดต้องการสอนให้เรารู้จักความผิดหวัง และรู้จักการกลับมาลุกขึ้นต่อสู้ นี่เป็นสัจธรรมของโลก เรื่องราวนี้มักจะถูกแทรกเอาไว้ในการ์ตูนหลายๆ เรื่องในอดีต แต่การ์ตูนในยุคปัจจุบัน ผมสังเกตว่ามันมีวิธีคิดต่างออกไป เรื่องราวก็ไปเน้นที่วัตถุมากขึ้น ฮีโร่มีพื้นฐานที่สุขสบาย และเน้นขายความสนุก สะใจอย่างเดียว

จาก ‘หน้ากากเสือ' ถึง ‘ซุน โงกุน' ฮีโร่ในชีวิตจริง

ฮีโร่ในดวงใจของผมคือตัวละครหน้ากากเสือ เขาเป็นพระเอกคนแรกที่ทำให้ผมรักงานพากย์การ์ตูน พระเอกที่ยอมเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น หน้ากากเสือเป็นแรงบันดาลใจให้ผมพากย์เสียงการ์ตูนตลอดมา เพราะทำให้ผมรู้ว่าการ์ตูนก็มีสาระ มีประโยชน์ อีกคนคือ ซุน โงกุน จากเรื่องดราก้อนบอล นี่คือพระเอกที่แท้จริงสำหรับผม เขาต่อสู้เอาชนะได้ทุกคน แต่เขาไม่เคยลงมือปลิดชีวิตใครเลย เขาบอกศัตรูให้กลับไปฝึกฝนมาใหม่ แล้วกลับตัวเป็นคนดี นี่สิ! สุดยอดฝีมือผู้ไม่รังแกคนอ่อนแอ

สิ่งสุดท้ายที่ต้องกำจัด

ผมเคยเห็นเพื่อนหลายคน ที่ทำงานหนักจนวันตาย แล้วก็ไม่ได้อะไรกลับมา ธุรกิจที่สร้างขึ้น ก็ส่งมอบไป เอาอะไรไปไม่ได้เลยเมื่อตายแล้ว สิ่งที่ผมอยากทำให้ได้มากที่สุดในตอนนี้ คือตัดกิเลส ลดทอนสิ่งยั่วยุของตัวเอง ซึ่งพยายามลดมาตลอด 20 ปี จนตอนนี้ก็เหลือเจ้าโนบิ (สุนัขที่น้าต๋อยเลี้ยงไว้) สิ่งสุดท้ายที่ตัดมันไม่ได้สักที "ชีวิตผมพอแล้ว" บั้นปลายผมอาจจะมีร้านกาแฟ ธุรกิจเล็กๆ ไว้นั่งเฝ้าร้านทั้งวัน เผื่อจะได้คุยกับคนผ่านไปผ่านมา ไว้ฟังแผ่นเสียงเก่า ใช้ชีวิตบั้นปลายให้มีความสุขด้วยการแบ่งปันความคิด ความรู้ ธรรมะ แค่นี้ก็พอแล้วครับ

 

เรื่อง : พรรษิษฐ์ วิชญคุปต์
ภาพ : พิชญุตม์ คชารักษ์

 

 

ติดตามคอลัมน์อื่นๆเพิ่มเติม ดาวน์โหลดนิตยสารในเครือจีเอ็มได้แล้วที่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook