เปิดตำนานชีวิต”เจ้าพ่อเพชรพันล้าน”พาชมทุกมุมโปรเจ็กต์บิ๊กบึ้ม”ชูชัยบุรี ศรีอัมพวา”

เปิดตำนานชีวิต”เจ้าพ่อเพชรพันล้าน”พาชมทุกมุมโปรเจ็กต์บิ๊กบึ้ม”ชูชัยบุรี ศรีอัมพวา”

เปิดตำนานชีวิต”เจ้าพ่อเพชรพันล้าน”พาชมทุกมุมโปรเจ็กต์บิ๊กบึ้ม”ชูชัยบุรี ศรีอัมพวา”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อปลายปี 2555 เจ้าพ่อเพชรพันล้าน ชูชัย ชัยฤทธิเลิศ เจอมรสุมชีวิตจนเกือบจะล้มทั้งยืนจากการที่เขาลงทุนนับร้อยล้านสร้างเมกะโปรเจ็กต์ใหญ่ยักษ์ โครงการชูชัยบุรี ศรีอัมพวา โรงแรมหรู 5 ดาว ที่ถูกต่อต้านอย่างหนักจากนักอนุรักษ์และเครือข่ายประชาคมคนอัมพวา เพราะเกรงว่าโรงแรมหรูระดับไฮเอนด์จะมากระทบวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวอัมพวา

ในครั้งนั้น เขาแก้วิกฤตด้วยการยอมฟังเสียงชาวบ้านและปฏิบัติตามข้อเรียกร้องต่างๆ โดยเฉพาะข้อเรียกร้องที่ไม่ให้รื้อบ้านและห้องแถวริมคลอง 12 ห้อง อายุเก่าแก่เกือบ 100 ปี

ทุกอย่างจึงจบลงด้วยดี!


ชูชัยบุรี ศรีอัมพวา


บรรยากาศตัวตึกริมน้ำที่ตกแต่งในคอนเซ็ปต์ “รัตนโกสินทร์ตอนต้น”



ตกแต่งภายในอย่างพิถีพิถัน

ตำนานเมืองชูชัยบุรี ศรีอัมพวา

จากวันนั้น เวลาผ่านไปเกือบ 4 ปี “อาณาจักรชูชัยบุรี ศรีอัมพวา” ที่เจ้าพ่อเพชรพันล้านคนนี้ทุ่มแรงกายแรงใจและเม็ดเงินลงไปเกือบ 1,000 ล้านบาท เจียระไนอย่างพิถีพิถัน ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว และพร้อมแกรนด์โอเพนนิ่งอย่างยิ่งใหญ่ในเดือนมีนาคมนี้

“กว่าจะมาถึงวันนี้ ยากมาก” ชูชัยกล่าว ในโอกาสที่เปิดให้มติชนเข้าชมชูชัยบุรีแบบเอ็กซ์คลูซีฟ พร้อมเปิดใจให้สัมภาษณ์ “เปลือยชีวิตทุกแง่มุม”

“เหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นอุปสรรคครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต คนเราถ้าทำผิดจริงแล้วเป็นข่าวดังก็เรื่องหนึ่ง แต่นี่โดนในข่าวที่ไม่เป็นความจริง เพราะเราไม่ได้ทำร้ายใครเลย เราอยู่เฉยๆ แต่อยู่ดีๆ ก็มีคนเอาอุจจาระมาสาดเรา แล้วบอกว่าเราเป็นคนชั่ว มันร้ายแรงมาก และพอเหม็นแล้ว การที่จะทำให้หอมเหมือนเดิม ถามว่ายากไหม ยากมาก (ลากเสียงยาว)”

แต่เมื่อทุกอย่างคลี่คลายลง ชูชัยก็แปรเปลี่ยนมรสุมร้ายให้มาเป็น “แรงผลักดัน” ให้ทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดเพื่อโปรเจ็กต์นี้

“แม้จะมีคนเอาผงซักฟอกอย่างดีมาล้างให้ แต่กลิ่นเน่าเหม็นเราได้รับมาแล้ว จึงตัดสินใจว่าต่อจากนี้ไปเราจะทำศักยภาพให้คนที่เคยมองเราเป็นอย่างนั้น ให้เข้าใจเรามากยิ่งขึ้น ให้รู้ว่าฉันทำได้ดีกว่าที่คุณคิดเอาไว้ ฉันต้องพยายามทำให้ได้มากกว่า ให้ออกมาแล้วเกินคำว่า ชูชัยบุรี”

จากลงทุน 100 กว่าล้าน กลายเป็นเกือบพันล้าน ณ ปัจจุบัน

“เรามาตรงนี้ เพื่อมาฟูมฟักและทำให้เห็นว่าอัมพวาเป็นสาวสวยที่งดงาม สามารถประกวดในเวทีระดับโลกระดับชาติได้ โดยใส่มงกุฎ ต่างหู เครื่องประดับลงไป เพราะเค้าสวยอยู่แล้ว เพียงแต่ยังไม่มีใครเอาเค้ามาประกวดเวทีโลกเท่านั้นเอง”

จากเดิมที่จะสร้างเพียง “โรงแรม” ก็ขยายงานออกมาเป็น 5 ส่วนในโปรเจ็กต์เดียว มีทั้งศูนย์อาหาร ห้องจัดเลี้ยงสัมมนา โรงแรม คอมมูนิตี้มอลล์ และเทวสถาน

“การออกแบบตัวตึกของที่นี่ออกมาเป็นแนวยุคต้นรัตนโกสินทร์ มีความเป็นไทยพร้อมสรรพ คล้ายๆ พระที่นั่งวิมานเมฆ การตกแต่งภายในเป็นไทยประยุกต์ เพราะเป็นคนชอบของเก่า ของเก่าที่สะสมไว้ทั่วทุกมุมโลก ก็นำมาตกแต่งที่นี่” ชูชัยอธิบาย


หอนาฬิกา


ร้านเบเกอรี่ “ชิมชู”


ร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน “แม่สมใจ”



ร้านจำหน่ายสินค้าชุมชน “ร้านแม่สมใจ” ซึ่งชูชัยนำชื่อมารดาที่เสียชีวิตไปแล้วมาตั้งเพื่อระลึกถึงคุณแม่ที่ชอบค้าขาย

สำหรับ เรือนไม้ชายน้ำ ซึ่งเป็นชนวนของปัญหาเมื่อปี 2555 ซีอีโอเจมพีซ กรุ๊ป ได้ทำการรีโนเวทใหม่ให้เป็น เรือนรับรองสไตล์วิถีไทยชายคลอง เพื่อใช้เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมพื้นบ้าน งานแสดง การประชุม สัมมนา นิทรรศการ งานโชว์ต่างๆ

“เรายังรักษาทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนวัสดุใหม่หมด ใช้ไม้ที่ดีขึ้น สวยมากขึ้น แข็งแรงขึ้น ซึ่งอันนี้หมดไปหลายสิบล้าน เพราะถ้าเราใช้ของเดิม คิดว่าจุคนแค่ 10 กว่าคนก็คงถล่มมาหมดแล้ว เพราะว่าเป็นปลวกทั้งสิ้น”


เรือนไม้เก่าอายุ 100 ปีที่ได้รับการรีโนเวทใหม่ให้เป็น “เรือนรับรองสไตล์วิถีไทยชายคลอง”



เรือนไม้เก่าอายุ 100 ปีที่ได้รับการรีโนเวทใหม่ให้เป็น “เรือนรับรองสไตล์วิถีไทยชายคลอง”
และติดๆ กันคือ “ร้านอาหาร ณ คิดถึง” ที่จรุงปรุงเมนูจากมาสเตอร์เชฟระดับเวิลด์คลาส ซึ่งเจ้าตัวการันตีว่า “ระดับชูชัย คนจะคิดว่า ราคาจับต้องไม่ได้ แต่เราเน้นเลยว่า ต้องจับต้องได้ เชยชมได้ สัมผัสได้ ในรสนิยมที่หรู เริ่ด อลังการ แต่จับต้องได้”

หนึ่งใน “ไฮไลต์” ที่ชูชัยอยากนำเสนอคือ “เทวสถาน” โดยจะประดิษฐาน องค์ศิวลึงค์ ที่เขาตั้งใจสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นจุดรวมใจ เป็นเดสทิเนชั่นใหม่ให้นักท่องเที่ยวมากราบไหว้บูชา

“เรานับถือศิวลึงค์ เพราะท่านเป็นเทพที่ใหญ่ที่สุด ตั้งแต่เด็กๆ ก็จะเห็นคนนับถือปลัดขิก ซึ่งปลัดขิกเป็นสิ่งที่อวยพรให้การค้าเจริญรุ่งเรือง พอมาทำโปรเจ็กต์นี้ จึงอยากทำศิวลึงค์ฝังเพชรเพื่ออำนวยพร ปัดเป่าสิ่งไม่ดีไปให้หมด ให้มีแต่สิ่งที่เป็นมงคล ดีงาม”

โดยองค์ศิวลึงค์มีทั้งหมด 3 องค์ ประกอบด้วย องค์ใหญ่ องค์เล็กซึ่งเป็นองค์ออริจินัลจากประเทศอินเดีย และองค์แท่ง “หยกห่มเพชร” ที่แพงที่สุดในโลก!

“องค์ศิวลึงค์แท่งหยก เป็นหยกสามสี ฮก ลก ซิ่ว มาจากพม่า มีความเป็นสิริมงคลให้ลาภ อายุ วรรณะ สุขะ พละ กว่าจะได้มาใช้เวลาเกือบ 3 ปี เพราะต้องหาไซซ์ให้ได้ตามขนาดที่ต้องการ ซึ่งหายากมาก และเราจะแต่งองค์ทรงเครื่องเพชรนิลจินดาในลีลาระโยงระย้าสวยงาม เป็นหนึ่งเดียวในโลกที่ประเมินค่ามิได้”

โดยทั้งหมดนั้น เจ้าของร้านเพชรคนดังตั้งใจพรีเซนต์ออกมาให้ดูน่าเคารพบูชา

“คอนเซ็ปต์ อยากให้ดูเป็นเจ้า เจ้า ไม่ได้ออกมาแนวลามก เพราะคนชอบพูดถึงแนวประมาณนั้น ซึ่งเราไม่ชอบอะไรประมาณนั้น อยากให้มองแล้วเกิดความเลื่อมใสศรัทธา” เขาย้ำ


ร้านอาหาร ณ คิดถึง

ลงทุนทำขนาดนี้ หลายคนคงห่วงเรื่องความปลอดภัย แต่ชูชัยยืนยันว่า “ไม่ต้องห่วง” เพราะติดตั้งอย่างดีทั้งระบบเลเซอร์ และวงจรปิด

“อยากจะทำที่นี่ให้เป็น ไนต์ มาร์เก็ต แห่งแรกของโลก” เขาวาดฝัน ซึ่งปกติอัมพวาเป็นตลาดน้ำยามเย็นเริ่มบ่าย 3 ถึง 3 ทุ่ม แต่ต่อไปอาจจะขยายเวลาไปอีกสัก 2-3 ชั่วโมง ซึ่งคนกรุงเทพฯเวลาเลิกงานแล้วก็สามารถมาเที่ยวได้

“ถ้าเกิดตรงนี้ได้จริงๆ คนจะไม่มาเที่ยวแบบวันเดย์ทริป แต่จะสามารถมาพักค้างแรมได้ ธุรกิจโรงแรมก็จะเกิด จากที่เป็นตลาดวีกเอนด์ ก็จะกลายเป็น ออล วีก ออล เดย์ ตั้งใจให้เป็นอย่างนั้น อยากทำให้ชุมชนมีความเจริญรุ่งเรือง และเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ แหล่งการค้าใหม่ เป็นแหล่งที่นำเงินตราเข้าสู่ประเทศได้มากยิ่งขึ้น ต่อไปถ้ามีพัทยา หัวหิน ก็จะมีอัมพวาอีกจุดหนึ่งที่คนจะนึกถึง”

คุยมาถึงจุดนี้ เจ้าตัวว่า “ลงทุนเยอะมาก แต่ก็ไม่อยากจะตีเป็นเงินทอง เพราะตายไปเอาอะไรไปไม่ได้ ชั่วชีวิตก็อยากทำผลงานไว้ให้มากที่สุด”

ซึ่งเขาตั้งใจสร้างที่นี่ให้เป็น ตำนานชีวิต

“เราก็มองว่า ถ้าเราจะสร้างเมืองเมืองหนึ่ง หรือทำสิ่งใดให้เป็นตำนานชีวิต จะต้องทำด้วยจิตใจ และจิตวิญญาณ จะต้องทุ่มเทกับมันให้มาก เพราะตายไปทรัพย์สินเงินทองเอาไปไม่ได้ แต่ตำนานชีวิตจะช่วยให้อยู่คู่บ้านคู่เมืองไปได้อีกนานแสนนาน”

ด้วยภาพลักษณ์ที่ดูเริ่ดหรูเว่อร์วังอลังการ แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ เขาดิ้นรนต่อสู้ชนิดที่เรียกว่า “ปากกัดตีนถีบ”

“บางคนจะมองว่า ชูชัยนี่รวยมาจากช้อนเงินช้อนทอง เกิดมาก็ร่ำรวยเลย แต่น้อยคนมากที่จะรู้ว่า จริงๆ เราเกิดมาจากครอบครัวที่ยากจน เห็นความขัดแย้ง ความทนทุกข์ทรมานของครอบครัว พ่อแม่ที่ทะเลาะกัน ข้างบ้านตีกัน ความโกรธ เกลียด ความอิจฉาริษยา ได้สัมผัสมาหมด

“จากตรงนั้น ทำให้มีความรู้สึกว่าอยากหลุดพ้น เราต้องมีครอบครัวที่อบอุ่น เป็นครอบครัวที่มีเงิน มีทอง มีรถ มีบ้าน มีอะไรที่เทียมหน้าเทียมตาคนอื่น ตรงนี้จึงเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้เป็นคนทะเยอทะยาน มีความมุ่งมั่น เชื่อมั่น และพยายามที่จะทำให้สำเร็จให้ได้ เราเคี่ยวเข็ญตัวเองมาก แม้จะเรียนหนังสือน้อยจบ ป.7 แต่พยายามเรียนรู้ทุกอย่าง”

และในวัยย่าง 54 ปี สิ่งที่ตั้งใจไว้ไม่ใช่ได้มาดั่งฝันเท่านั้น แต่ได้มา “เกินฝัน” แล้ว

“ตั้งแต่เด็กแล้ว แม้จะเกิดมาในครอบครัวยากจน แต่เป็นเด็กเรียนดี ทำอะไรแล้วได้ดั่งฝันตลอด จากที่ฝันไว้ว่าขอให้มีกินมีใช้ ลืมตาอ้าปากได้แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว แต่พอมาค้าขายก็ขายดี พอขายเพชรก็เป็นร้านเพชรอันดับหนึ่งของประเทศไทย รูปร่างหน้าตาเราก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ จะมีข่าวความรักกับดาราบ่อย คือทุกอย่างเราได้มาชนิดที่เกินฝัน ความอิจฉาไม่เคยอยู่ในตัวตนเราเลย คิดแต่ว่าเราต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุด ทำให้เริ่ดที่สุด”

ผ่านร้อนผ่านหนาวกรำแดดกรำฝนเจอมรสุมมานับไม่ถ้วน ชูชัยเผยถึง 5 ที่สุดในชีวิต ที่มีทั้งสุขเศร้าเคล้าน้ำตา

“ที่สุดในชีวิตอันดับ 1 คือ คุณแม่เสียชีวิต เป็นความเสียใจที่สุดในชีวิตแล้ว 2.เป็นตอนเข้ามาในสังคมและดัง อันนี้ก็ที่สุดในชีวิต เพราะอยู่ดีๆ ก็ดังขึ้นมา 3.เป็นคนที่ทำอะไรแล้วเด่นเสมอ ไม่ว่าจะเรียน จะทำอะไร จะเป็นจุดเด่นตลอดเวลา 4.บ้านที่อยู่ทุกวันนี้ราคา 200 ล้าน ดังมาก ได้รับเสียงชื่นชมว่าสวยมาก ใช้เป็นสถานที่ถ่ายละครถ่ายภาพยนตร์เป็น 10 เรื่องแล้ว เช่น สะใภ้เจ้า เสน่หาสัญญาแค้น เจ้าหญิงลำซิ่ง และ 5.ชูชัยบุรี ที่เป็นข่าวดัง และเราทำโปรเจ็กต์นี้ เหนื่อยสุด ใหญ่สุด ใช้พลังเยอะสุด”

ในอนาคต หากชูชัยบุรี ศรีอัมพวา สำเร็จแล้ว โปรเจ็กต์ต่อไปที่ผู้ชายคนนี้จะลงมือทำคือ “สร้างสถานปฏิบัติธรรม”

“บั้นปลายชีวิตอยากเข้าถึงรสพระธรรมให้มากที่สุด เพื่อให้เข้าถึงการนิพพานให้มากที่สุด ซึ่งตัวเองเป็นคนปฏิบัติธรรม เชื่อเรื่องพวกนี้มาก เราทำการค้า มีสิ่งกระทบเร้าทำให้ใจเราขุ่น แต่ธรรมะเหมือนการดีท็อกซ์ เมื่อเรารู้หลักการเราก็จะรู้วิธีที่จะดีลีทมันออกไป จะฟังธรรมะ และปรัชญาชีวิตเยอะ ทำให้เรารู้สึกว่าจิตวิญญาณแข็งแกร่ง ทำให้เราสตรองไม่ไปหลงมัวเมา หรือทำตัวให้โอเว่อร์เกินไป”

พูดถึงตรงนี้ เจ้าพ่อร้านเพชรยืนยันว่าเขาไม่เว่อร์เลย เป็นคนเรียบง่าย และโลว์โปรไฟล์สุดสุด แต่บางครั้งที่แต่งตัวก็เพราะจำเป็น

“เราอยู่ในสังคมนี้ บางครั้งก็ต้องมีของแบรนด์เนม หรื อมีของอะไรที่ประโคมเข้าไป แต่ตัวตนจริงๆ ไม่ได้ยึดติดอะไรพวกนี้มาก แต่ด้วยหน้าที่การงาน มันจำเป็นจะต้องมี ก็เลยต้องมีก็แค่นั้นเอง เป็นคนกินง่าย นอนง่าย ทุกอย่างง่ายหมด คนจะมองว่าเป็นคนจับต้องอยาก ชีวิตเริ่ดหรู อลังการ แต่จริงๆ แล้วไม่เลย”

ณ วันนี้จึงตั้งใจ “ทำดีที่สุดในทุกวัน”

“จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จก็ถือว่าเราทำดีที่สุดแล้ว” เจ้าเมืองชูชัยบุรี ศรีอัมพวาทิ้งท้าย


บรรยากาศท่าน้ำที่ให้นักท่องเที่ยวมานั่งชิลๆ รับลมเบาๆ


ท่าเรือชูชัยบุรี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook