“เต็นท์-กัลป์ กัลย์จาฤก” ผู้บริหารรุ่น 3 กับก้าวต่อไปของ “กันตนา”

“เต็นท์-กัลป์ กัลย์จาฤก” ผู้บริหารรุ่น 3 กับก้าวต่อไปของ “กันตนา”

“เต็นท์-กัลป์ กัลย์จาฤก” ผู้บริหารรุ่น 3 กับก้าวต่อไปของ “กันตนา”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ชื่อเสียงที่สั่งสมมาอย่างยาวนานถึงเกือบ 70 ปีของบริษัทสร้างสรรค์ผลงานบันเทิงเก่าแก่อย่าง “กันตนา” ไม่ได้เพียงให้กำเนิดดาวดวงใหม่แก่วงการบันเทิง หรือสร้างผลงานละคร รายการทีวี และภาพยนตร์สู่สายตาผู้ชมเท่านั้น หากแต่การทำงานของ “กันตนา” ในแต่ละยุคสมัยยังเปรียบเสมือนเวทีสะท้อนฝีมือของคนทำงานบันเทิงในตระกูล “กัลย์จาฤก” มารุ่นแล้วรุ่นเล่า

เต็นท์-กัลป์ กัลย์จาฤก หนึ่งในทายาทรุ่น 3 ที่เข้ามารับบทบาทผู้บริหาร ในขณะที่เขาเองยังคงเป็นทั้งโปรดิวเซอร์ และผู้กำกับไปด้วยในตัว อะไรคือจุดเริ่มต้นของผู้กำกับที่ตอนเด็กไม่นึกสนุกเมื่อต้องวิ่งเล่นอยู่ในกองละคร อะไรคือแรงผลักดันสำคัญที่จะทำให้เขาพัฒนา “กันตนา” ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และธรรมนูญครอบครัวกัลย์จาฤก สำคัญต่อชีวิตของเขาอย่างไร Sanook! Men มีคำตอบ

อะไรเป็นแรงผลักดันให้คุณมาเป็นผู้กำกับทั้งๆ ที่คุณเคยบอกว่าเบื่อบรรยากาศในห้องตัดต่อ
มันไม่เชิงเบื่อหรอกครับ เด็กๆ มันเหมือนเราเห็นมันจนเรารู้สึกว่าเราอยากไปเล่นสนุกมากกว่า แต่คุณพ่อให้เรามาอยู่ในที่ๆ แทนที่เราจะได้ไปวิ่งเล่น แต่เรากลับต้องมาอยู่ในห้องตัดต่อ มันไม่เชิงเบื่อหรอก แต่ตอนนั้นเราอยากไปเล่นมากกว่า แต่มาถึงตอนนี้เราเข้าใจแล้วว่าทำไม เพราะเมื่อเรามาทำแล้วเราเข้าใจมันจริงๆ มันเหมือนเราถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กโดยที่ไม่รู้ตัว

ถ้าอย่างนั้นการมาเป็นผู้กำกับในวันนี้ จริงๆ แล้วเป็นเพราะความคุ้นชินหรือเป็นเพราะใจรัก
ตอนแรกผมไม่รู้หรอก ทุกคนไม่มีใครรู้หรอกว่าอยากทำอะไร แต่พอได้อยู่กับมัน เมื่อก่อนผมเป็นเด็กเกเร เที่ยวสนุกเหมือนกัน แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมได้ไปฝึกงานที่บริษัทหนึ่งทำหนังนอกนี่แหละ พอไปฝึกจริงๆ ผม ผมโดนเขาตำหนิ เห็นการทำงานของเขาจริงๆ ผมถึงกับต้องเฮ้ย! ช็อตๆ นึงเขาใช้เวลาเซ็ทอัพ 4-5 ชั่วโมง เราได้ไปยืนอยู่ใกล้ๆ ผู้กำกับแล้วได้มองมอนิเตอร์เขาแล้วแบบแว๊บๆ เดียวมันเหมือนเป็นโมติเวชั่น เฮ้ย! สิ่งนี้คือสิ่งที่เราอยากทำ หลังจากนั้นเราก็มุ่งไปทางนี้เลย แต่ตอนนั้นมันก็ปี 4 แล้ว เราเพิ่งรู้ตัว

ห้องหุ่นเป็นหนังยาวเรื่องแรกของคุณ ผลตอบรับเป็นอย่างไรบ้าง
ผลตอบรับเมืองนอกโอเค ในแง่ของโปรดักชั่น ภาพ ผมแฮปปี้กับมัน ไปเทศกาลต่างๆ ได้รางวัลบ้าง แต่ในประเทศไทยมันอาจจะดูยากไปนิดนึง และด้วยประสบการณ์ของเราที่มันยังน้อย ตอนนั้นเราอายุน้อยมาก ปัญหาเยอะ ก็แก้กันไป

ปัญหาที่เจอในช่วงนั้นมีอะไรบ้าง พอจะยกตัวอย่างได้ไหม
คือเราเป็นคนทำหนัง เราอยากทำหนังแต่เราไม่มีประสบการณ์เรื่องการจัดการ มันก็มีคนที่เข้ามาเอาเปรียบเราบ้าง ไม่เชื่อใจเราบ้าง เชื่อในเงินอย่างเดียว แต่มันก็มีกลุ่มคนที่เชื่อในตัวเรา เราฝ่าฟันมันไปด้วยกัน เราก็รู้สึกว่ามันท้าทายว่ายังไงเราต้องทำให้สำเร็จด้วยมือของเราเอง

ถ้าย้อนกลับไปได้คุณอยากจะแก้ไขอะไรในภาพยนตร์เรื่อง “ห้องหุ่น”
ผมคงเปลี่ยนที่ตัวเอง จะใจเย็นลง ตอนนี้ผมใจเย็นลงกว่าแต่ก่อนเยอะ และก็ต้องดูคนให้ดี สุดท้ายแล้วภาพยนตร์มันไม่ใช่การทำงานแบบคนๆ เดียว แต่ทำกันเป็นทีม ไม่งั้นภาพยนตร์มันก็จะไม่ดี มันไม่ใช่เซ็นเตอร์แค่คนเดียว แต่มันคือทุกคนมีความสำคัญ ดังนั้นเราต้องหาทีมที่แข็งแรงไปด้วยกันได้

พอจะบอกได้ไหมว่าความใจร้อนของเราในวันนั้นมันทำให้เกิดความเสียหายอะไรบ้าง
เป็นเรื่องการตัดสินใจมากกว่า เป็นการตัดสินใจที่ผิด ที่ตอนนี้มันก็ยังเป็นอยู่ แต่มันมีบางช่วงเพราะเราเป็นคนตรงไปตรงมา เราไม่อ้อมค้อม ตอนนั้นผมใจร้อนมาก ด้วยความที่เราเห็นว่ามันไม่แฟร์กับทุกคน ที่เขาจะมาคุกคามคนนั้นคนนี้ ผมเลยบอกว่า ถ้างั้นคุณออกไปทั้งหมด พอมันเป็นแบบนั้น เลยกลายเป็นว่าทุกอย่างมาตกอยู่ที่ตัวผม เราก็วิ่งวุ่นแทนที่จะได้ไปกำกับ มันกลายเป็นว่าเราต้องมาจัดการ โชคดีที่ผมจบโปรดิวเซอร์ ผมไม่ได้จบไดเร็คติ้ง ผมก็เลยพอมีพื้นฐานบ้างแต่มันก็ยังขลุกขลัก

ห้องหุ่นเป็นหนังสไตล์ Thriller (หนังสไตล์ระทึกขวัญ) และอวสานโลกสวยก็เป็นแบบนั้นอีก นี่คือหนังในสไตล์ที่คุณถนัดหรือ
ชอบมากกว่าถนัด ดูแล้วเราชอบ ดูแล้วมันสนุก ชอบดูหนังแนวนี้ ลุ้น ติดตาม แต่สไตล์นี้ผมชอบมากที่สุด แต่ Thriller มันก็มีหลายแบบ เราแค่หาคอมมิเนชั่นตรงกลางเท่านั้นเอง ผมชอบเรื่องสืบสวน จังหวะ อะไรแบบนั้น

คุณเรียนฟิล์มมาจากต่างประเทศ สิ่งที่สอนให้คุณมาทำหนังในบ้านเราคือเรื่องอะไรบ้าง
ผมว่ามันสอนเยอะ อยู่โน่นผมต้องทำเองทุกอย่าง แล้วมันยังสอนเรื่องการใช้ชีวิตด้วยตัวเอง มันคือประสบการณ์การใช้ชีวิต มันไม่ใช่แค่เรื่องการทำหนังอย่างเดียว มันไม่ใช่แค่เรียนฟิล์มแล้วได้อะไร แต่มันคือการใช้ชีวิตที่นั่นด้วย เราต้องขับรถไปขนไฟเอง แต่คนไทยต้องจ้าง เรารู้หมดว่าไฟดวงนี้คืออะไร ตัวหนีบนี้ชื่ออะไร ใช้ทำอะไร ระบบที่นั่นมันทำด้วยตัวเองทุกอย่าง ทั้งติดต่อสถานที่ถ่ายทำ ซึ่งมันไม่เหมือนเมืองไทย พอกลับมาก็เป็นอีกระบบหนึ่ง มันทำให้รู้สึกว่าวิธีการจัดการเราได้นำมาใช้จริง และเราก็สามารถทำได้ ไม่ใช่แค่ว่าสั่งๆ ไป สิ่งสำคัญคือเราได้เห็นหนังหลายประเภทที่มากกว่าหนังในบ้านเรา แล้วทำไมบ้านเราจะมีหนังแค่ไม่กี่ประเภทเพราะคนดูจะได้มีทางเลือก

อย่างหนังเรื่อง “อวสานโลกสวย” ที่มาที่ไปมันคืออะไร
เพราะผมชอบหนังสั้น ดูหนังสั้นในอินเทอร์เน็ตแล้วชอบ มีคนแนะนำมาให้ดู จากนั้นก็ติดต่อหาน้องทั้งสองคน และพัฒนาบทจากหนังสั้นที่เป็นวิทยานิพนธ์ของเด็กม.รังสิต โดยให้เขามาเป็นผู้กำกับและเราเป็นโปรดิวเซอร์ให้ ใช้เวลาพัฒนาบทกันมาเป็นปี

หนังเรื่องนี้มีฉากที่ค่อนข้างรุนแรง ในฐานะที่หนังก็เป็นสื่อหนึ่งที่สามารถทำให้คนดู โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนเกิดการเลียนแบบ สำหรับคุณคิดอย่างไร
ผมว่าเด็กไทยฉลาดพอ ผมไม่ดูถูกคนดู ไม่แนะนำให้ทำตามอยู่แล้ว แต่สิ่งที่หนังกำลังจะบอกไม่ใช่ให้ใช้ความรุนแรง แต่ให้ใช้สมอง เราได้อะไรจากหนังมากกว่า คือกำลังสอนว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ดี อย่าทำตาม ถ้าเลียนแบบมันก็ไม่ใช่เรื่องอยู่แล้ว และมันก็ไม่ใช่เจตนาของผมอยู่แล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องแรกที่เป็นแบบนี้ ต่างประเทศมีเยอะแยะ และเข้าประเทศไทยตั้งกี่ร้อยเรื่องแล้ว มันก็เหมือนกัน แล้วมันได้อะไรจากการดูหนังเรื่องนี้ ถ้าทุกคนช่วยกันพูดว่ามันไม่ควร มันก็จะไม่ควร แต่ถ้าทุกคนโหมกระหน่ำว่ามันรุนแรงๆ เด็กไม่เข้าใจ มันก็เอาไปทำตาม ดังนั้นเราต้องช่วยกัน ดูให้เป็นเอ็นเตอร์เทนเมนท์

สำหรับคุณ หนังจะประสบความสำเร็จได้ต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้าง
ผมว่าทุกองค์ประกอบสำคัญมาก ถ่ายหนังเสร็จต้องนั่งกรอง ดูกัน เติมนั่นนี่ให้สมบูรณ์ ทุกอย่างสำคัญ พีอาร์ มาร์เก็ตติ้ง ทำหนังเสร็จแล้วเสร็จก็ไม่ใช่วงการหนังบ้านเราในตอนนี้ภาพรวมแล้วมันเติบโตยากพอสมควร และมีหนังบางแนวเท่านั้นที่ทำรายได้ ในฐานะผู้กำกับรู้สึกว่ากดดันและลำบากใจในการทำงานไหมจริงๆ เป็นผู้กำกับไม่ลำบากใจหรอกครับ ผู้กำกับมันทำออกมามันเป็นสิ่งที่เรารัก คนลงทุนซิลำบากใจว่าเราจะเอาของกลับมาอย่างไร เพื่อเราจะได้พัฒนาภาพยนตร์และวงการต่อไป คือมันไม่ใช่เรื่องของการได้กำไร เรารู้อยู่แล้วว่าวงการนี้มันได้กำไรยาก แต่เราต้องการที่จะได้เงินกลับมาเพื่อพัฒนาวงการให้มีกลุ่มคนดูมากขึ้น ให้มีเด็กได้เห็นในสิ่งที่แตกต่างมากขึ้น สำหรับการเป็นผู้กำกับนั้นผมก็บาลานซ์ให้เงินทุนกับสิ่งที่เรารักมันสมดุลกันด้วยเพื่อพัฒนาวงการ แต่จะบอกว่าอยากได้พันล้านผมไม่ได้บอกว่าอยากได้ ผมอยากให้เขาแฮปปี้เขาให้ทำต่อ เขาได้กำไรนิดหน่อยเขาโอเค ทุกคนวินๆ จบ แค่นั้นเอง

สิ่งที่คุณเต็นท์มองว่าวงการภาพยนตร์บ้านเราต้องพัฒนาเป็นอันดับแรกคือเรื่องอะไร
ผมว่าวงการภาพยนตร์มันพัฒนาอยู่แล้ว ผมว่าให้โอกาสเด็กรุ่นใหม่ได้มีโอกาสโชว์ฝีมือ โดยที่มีพี่เลี้ยงเป็นผู้ใหญ่ แล้วก็ปล่อยให้เขาทำอะไรใหม่ๆ ดู เพราะเด็กสมัยใหม่เขาก็คิดแบบสมัยใหม่แล้ว อย่างอวสานโลกสวยรุนแรง ผมถามจริงๆ ว่าทุกวันนี้อินเทอร์เน็ตมีสิ่งที่รุนแรงหรือเปล่า เขาเสิร์ชเรื่องโลกสวย เราดูอะไรน่ารักๆ กันดีกว่า เขาก็ไม่หรอก เขาก็คงไปดูเรื่องคนไหนโป๊ คนไหนต่อยกันวะ คนไหนตีกันวะ ดังนั้นเยาวชนต้องใช้วิจารณญาณของตัวเอง เขาดูเองเป็นแล้ว เราห้ามเขาไม่ได้แล้ว ตอนนี้สื่อมันกระจายมาก ดังนั้นมันต้องเปิดโอกาสให้เขาเห็นอะไรมากขึ้นด้วย เราไม่ควรปิดกั้นศักยภาพของมันสมองเด็กประเทศเรา

สิ่งที่วงการภาพยนตร์บ้านเราโดดเด่นกว่าหนังต่างประเทศคือเรื่องอะไร
ผมว่า Mood มันไม่เหมือนกันอยู่แล้ว เหมือนประเทศเรามันเป็นประเทศแบบของเรา เรื่องที่เราเล่ามันก็เป็นสังคมของเรา ยังไงมันไม่มีทางเหมือนอยู่แล้ว ถ้าเราเลือกเล่าเรื่องที่ดี ยังไงมันก็แตกต่างกันอยู่แล้วครับ แต่จะไปบอกว่าเราจะไปทำ Transformers มันก็คงไม่ใช่ เราก็ต้องเลือกเล่าในเรื่องที่เราสามารถเล่าได้ ซึ่งประเทศไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกอยู่แล้ว อย่างหนังเรื่องพี่มากพระโขนง มันโด่งดังมาก คนในเอเชียกำลังรอดูอยู่ว่าเขาจะเชื่อใจหนังไทยได้หรือเปล่า ตอนนี้ผมว่าปัญหามันอยู่ที่คนดูว่าเขาจะเชื่อใจคนทำหนังได้มากแค่ไหน ดังนั้นเราเองก็ต้องพัฒนา ให้มันมีมาตรฐานที่ดี รวมถึงให้โอกาสเด็กรุ่นใหม่ที่มีความคิดแปลกใหม่ โดยควบคุมโดยผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์

ใครคือต้นแบบในการทำงานหรือการดำเนินชีวิตของคุณ
น่าจะเป็นคุณพ่อนะครับ เพราะคุณพ่อให้ผมเรียนรู้จากความผิดพลาด ทำดูแล้วก็จะรู้เอง แล้วเราก็เรียนรู้ว่าเราจะไม่พลาดซ้ำ เพราะพ่อไม่เคยห้ามอะไร แต่ให้ระวัง แนะนำ แต่ไม่เคยบอกว่าอย่า ตั้งแต่เด็กแล้วที่เราได้ทำอะไรผิดแปลกจากชาวบ้านเขามาตลอด ด้วยที่ว่ามันไม่มีใครห้าม แต่เรารู้ด้วยตัวเราเองว่าลิมิตมันอยู่ที่ไหน ถ้ามันไม่ได้ มันก็คือไม่ได้ แล้วมันก็ทำให้เรามีแรงกดดันเพิ่มมากขึ้น เฮ้ย! เขาปล่อยให้เราทำขนาดนี้เลยนะ เราก็อยากทำให้เขาภูมิใจ อยากทำให้กันตนาเป็นกันตนาต่อไปเรื่อยๆ เพราะคุณย่าก็ปลูกฝังมาตลอดว่ากันตนาก็คือของเราทุกคน เราต้องทำมันต่อไปเรื่อยๆ ยิ่งผมมี Gen 4 มาแล้ว ผมต้องมีความรับผิดชอบมากยิ่งขึ้น


การที่คุณเต็นท์นามสกุลกัลย์จาฤก คุณรู้สึกว่ามันเป็นข้อได้เปรียบหรือข้อจำกัดอะไรบ้างไหม
ผมคิดว่ามันมีทั้งดีและไม่ดี คือคนจะมองภาพกันตนาในแบบของเขา ผมทำอะไรเขาก็จะรู้สึกว่าเฮ้ย ก็มันเป็นกันตนา แต่ส่วนตัวผม ผมมีศักยภาพที่จะทำได้เพราะผมเป็นกันตนา และผมตั้งใจที่จะทำงานให้มันไปในที่ๆ มันไกลกว่านี้ ทันสมัยกว่านี้ นี่คือเป้าหมายผม กันตนาคือครอบครัว ผมไม่สนว่าใครจะคิดยังไง คนส่วนใหญ่พูด มันคือการอิจฉา ช่วยไม่ได้คนเราเกิดมาวาสนา บารมีมันไม่เท่ากัน แล้วจะให้ผมทำไงอ่ะ แล้วจะให้ผมไม่ใช้ ผมก็โง่สิ เป็นพี่ๆ มี พี่ใช้ไหมล่ะ ผมถามแค่นี้ ใครไม่ใช้วะ ใครเขาก็ใช้ทั้งนั้นแหละพี่ ซึ่งใช้ให้ถูกวิธีนั่นคือสิ่งสำคัญ ตัวผมเองก็ไม่เคยไปทำอะไรใคร ผมใช้อยู่ในที่ของผม ไม่เคยไปเบ่งหรืออะไร

อย่างคุณเป็นทายาทรุ่นที่ 3 แล้ว หลายคนบอกว่าการสร้างที่มันว่ายากแล้ว แต่การรักษามันยากกว่า สำหรับคุณมีแนวทางอย่างไร ที่จะรักษาความเป็นกันตนาไว้
ผมว่ารักษามันอาจไม่ยากเท่าจะทำอย่างไรให้มันโตขึ้น เพราะรักษามันก็อยู่ในที่ของมัน มันอยู่ของมันอยู่แล้ว มันมีคุณภาพของมันอยู่แล้ว มันมีผู้ใหญ่ที่เขาดูแลดีอยู่แล้ว แต่เราจะทำอย่างไรให้มี 4 มิติ 5 มิติ นั่นคือเรื่องของเรา ซึ่งผมพยายามทำหนังที่แตกต่างจากคนอื่น เพราะมันเป็นมิติที่ 5 ของผมมันไม่ใช่มิติที่ 3 ต่อไปเราอาจจะเห็นละครที่ไตเติ้ลชื่อห้องหุ่น ทายาทอสูร แฝดล่องหนเป็นซีรี่ย์ก็ได้ เพราะมันคือพัฒนาการ

คุณเต้พี่ชายของคุณเคยบอกถึง ธรรมนูญของครอบครัว คุณช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยว่ามันคืออะไร
มันเป็นการบัญญัติมากกว่าว่าเราจะอยู่ร่วมกันโดยไม่ทะเลาะกัน คือครอบครัวเรามีศิลปินอยู่เยอะ แล้วความอ่อนไหวมันเยอะการพูดจากับคนใกล้ตัวเรื่องพวกนี้มันคือธรรมนูญที่ต้องทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน เราจะรักกัน เรามีกฎระเบียบว่า ทำไม เกิดอะไรขึ้น เราต้องคุยกันนะ เชื่อถือซึ่งกันและกันนะ สามัคคีกันนะ ไม่ทิ้งกันนะ เพื่อต่อยอดไปยัง Gen ต่อๆ ไป แล้วเขาจะได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข จริงๆ อันนี้เป็นของรุ่น 1 คือคุณย่า รุ่น 2 เป็นรุ่นคุณอา คุณป้า เขาตั้งใจจะทำเพราะของเขา 4-5 คน เขาสามัคคีกันเขามองเห็นว่า 13 คน มันเริ่มใหญ่ เราสนิทกันนั่นแหละ แต่มันควรจะมีอะไรครอบเพื่อให้ทุกคนเข้าใจตรงกัน เพราะมันห่างกัน มันไม่เหมือน 4 คนแรกที่อยู่ด้วยกันตลอดเวลา เราเริ่มโตกันแล้ว แล้วเข้ามาทำงาน มันเริ่มจากการทำงานนี่แหละที่เราจะทะเลาะเบาะแว้งกัน ซึ่งก็มีกันบ้างตามประสา

การเป็นผู้กำกับสอนบทเรียนอะไรให้กับชีวิตคุณบ้าง
เป็นผู้กำกับมันเหมือนอยู่ในอีกโลกนึง เราสามารถควบคุมทุกอย่างในโลกนั้นได้ แต่อีกโลกนึงเราก็ต้องเปลี่ยนตัวเอง เพื่อจะควบคุมอีกโลกนึง เราไปอยู่ที่ไหนเราก็ต้องเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เหมือนผมก็พยายามปรับตัวไปเรื่อยๆ เหมือนผมมาที่นี่ผมอาจจะไม่ได้อยากมา แต่จะมาเพื่อประชาสัมพันธ์หนังของผมผมก็ต้องมา แต่การเป็นผู้กำกับมันเป็นการกำกับกองถ่ายด้วยนะไม่ใช่นักแสดงอย่างเดียว เพลงมันบรรเลงไปคนเดียวไม่ได้ มันก็เหมือนกับชีวิต มันต้องปรับเปลี่ยนตัวเองไปเรื่อยๆ มันไม่เหมือนสมัยก่อนที่ผู้กำกับต้องเบอร์ 1 มันไม่ใช่อย่างนั้น

สาระสำคัญที่คุณจะส่งต่อให้ลูกชาย ที่ถือว่าเป็นรุ่นถัดไปจากคุณคือเรื่องอะไร
ผมว่าก็คงเป็นเรื่องแนวคิดต่างๆ ที่เราคิดได้ วันนี้ผม 30 ผมคิดแบบนี้ ถ้าอายุมากกว่านี้ ผมไม่รู้ผมจะคิดยังไง โชคดีที่ลูกผมเป็นผู้ชายเราก็รู้ว่าลูกเราจะไปซุกซนที่ไหนอย่างไร เพราะเราก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน

นี่คืออีกแนวคิดของหนึ่งในลูกไม้ใต้ต้น “กัลย์จาฤก” นับจากนี้ไป เราคงต้องให้เวลา ความสามารถ ความมุ่งมั่นของเขาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเขาจะนำพา “กันตนา” ไปในทิศทางไหน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook