จากจินตนาการสู่นวัตกรรมจริง การเดินทาง 30 ปีของ "ไนกี้ แม็ก 2015"

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

ย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 30 ปีก่อน ภาพยนตร์ไตรภาค "Back to the Future II" ที่มีพล็อตเรื่องสื่อถึงจินตนาการของผู้สร้าง เมื่อผ่านเวลามาเกือบ 3 ทศวรรษมีบางอย่างในจินตนาการของผู้สร้างที่เคยถูกถ่ายทอดไว้บนแผ่นฟิลม์ได้เกิดขึ้นจริงแล้วในโลกยุคปัจจุบัน

หนึ่งในนั้นก็คือ "รองเท้าผูกเชือกอัตโนมัติ" ที่ "ไนกี้" ผู้นำนวัตกรรมผลิตภัณฑ์กีฬาและผู้ริเริ่มในการคิดต้นแบบรองเท้ารุ่นดังกล่าวได้ออกมายืนยันแล้วว่าสามารถพัฒนารองเท้าเสมือนกับต้นแบบได้จริง อีกทั้งยังจะเป็นรากฐานของการพัฒนารองเท้ากีฬาประเภทอื่น ๆ ต่อไปในอนาคต

ก่อนหน้านี้ในปี 2011 ทิงเกอร์ แฮทฟิลด์ ปรมาจารย์ด้านการออกแบบของไนกี้ได้เคยคิดค้นรองเท้ารุ่น ไนกี้ แม็ก 2011 (Nike Mag 2011) ที่ถอดแบบมาจากรองเท้าในเรื่อง Back to the Future II ตั้งแต่รูปทรง หน้าผ้า และแถบเรืองแสงในที่มืดแบบแอลอีดี เพื่อนำรายได้จากการประมูลประมาณ 9.4 ล้านเหรียญสหรัฐ จากจำนวน 1,500 คู่ เข้าสมทบทุนมูลนิธิไมเคิล เจ. ฟอกซ์ เพื่อการวิจัยโรคพาร์กินสัน

สำหรับรองเท้ารุ่น "ไนกี้ แม็ก 2015" นอกจากจะมีความพิเศษเป็นรุ่นที่ไนกี้พัฒนาขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสที่ ไมเคิล เจ.ฟ็อกซ์ นักแสดงนำของเรื่องสามารถเดินทางมาสู่โลกแห่งอนาคตที่ห่างกันเป็นระยะเวลา 30 ปีได้พอดี รองเท้ารุ่นนี้ยังมีความโดดเด่นในด้าน "การผูกเชือกรองเท้าแบบอัตโนมัติ" ด้วยเทคโนโลยี "เพาเวอร์เลสเซส" (Power laces) ที่เพียงแค่สวมเท้าลงไป เชือกรองเท้าก็จะทำงานให้รัดแน่นเข้ากับเท้าของผู้สวมใส่ได้ด้วยเอง และที่สำคัญยังสามารถปรับระดับความกระชับได้ตรงความต้องการว่าจะให้รัดแน่นขึ้นหรือคลายตัวลง โดยมีระบบไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ชนิดพิเศษรองรับการใช้งานสำหรับรองเท้าแต่ละคู่โดยเฉพาะ

มาร์ก พาร์คเกอร์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไนกี้ เผยแรงบันดาลใจถึงการสร้างสรรค์รองเท้ารุ่น ไนกี้ แม็ก 2015 ว่า "เราเริ่มคิดรองเท้ารุ่นนี้จากจินตนาการในโลกแห่งความฝันและสร้างสรรค์มันให้เกิดขึ้นสู่โลกแห่งความเป็นจริง ที่สำคัญไปกว่านั้น มันยังเป็นต้นแบบสำหรับรองเท้ากีฬาที่ไนกี้มีแผนพัฒนาในอนาคตอันใกล้อีกด้วย"

เพื่อเป็นเกียรติแก่ ไมเคิล เจ.ฟ็อกซ์ ไนกี้ ได้นำรองเท้าไนกี้ แม็ก 2015 ไปมอบให้แก่เขาเป็นคนแรกของโลก รวมทั้งจะผลิตในจำนวนจำกัดและจะจำหน่ายผ่านการประมูลเท่านั้น โดยไนกี้จะนำรายได้จากการประมูลทั้งหมด ส่งมอบต่อให้กับกองทุนไมเคิล เจ.ฟอกซ์ (Michael J. Fox Foundation for Parkinson′s Research) ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลสำหรับการวิจัยโรคพาร์กินสันที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่เน้นด้านการส่งเสริมหาแนวทางรักษา และปรับปรุงวิธีการรักษาเพื่อบรรเทาความเจ็บป่วยจากผู้ป่วยจากโรคนี้ ซึ่งรายละเอียดของการประมูลจะแจ้งให้ทราบใน http://news.nike.com/ และในทวิตเตอร์ @Nike อีกครั้ง