รู้จริงทำจริง “ชัยยงค์ คชพันธ์” จากเด็กเร่ขายเห็ดทอด สู่ธุรกิจรายได้หลายสิบล้าน

รู้จริงทำจริง “ชัยยงค์ คชพันธ์” จากเด็กเร่ขายเห็ดทอด สู่ธุรกิจรายได้หลายสิบล้าน

รู้จริงทำจริง “ชัยยงค์ คชพันธ์” จากเด็กเร่ขายเห็ดทอด สู่ธุรกิจรายได้หลายสิบล้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ชีวิตที่มั่นคง และประสบความสำเร็จคงเป็นเป้าประสงค์ของทุกๆ คน หากมัวแค่คิดฝันแต่ไม่ลงมือทำ แค่คำว่าใกล้เคียง คุณอาจจะไปไม่ถึง สำหรับ “ชัยยงค์ คชพันธ์” เขาไม่คิดแบบนั้น เขาไต่เต้าจากเด็กขายเห็ดทอดตามสถานีขนส่งผู้โดยสาร

สู่เถ้าแก่ขายเห็ดทอดเจ้าแรกของประเทศไทยที่มีรายได้หลายสิบล้านบาทต่อปี Sanook! Men จะพาทุกคนไปรู้จักตัวตน วิธีคิด วิธีปฏิบัติ ว่าทำอย่างไรเขาถึงมายืนจุดนี้ได้


เล่าเรื่องราวชีวิตวัยเด็กให้เราฟังหน่อย

ผมเป็นคนบ้านนาโหนด จังหวัดพัทลุง เป็นลูกคนกลางในจำนวนพี่น้องสามคนที่เป็นผู้ชายทั้งหมด พ่อแม่รับราชการเป็นครูทั้งสองคนและปลูกเห็ดเป็นอาชีพเสริม มีทั้งเห็ดนางฟ้า เห็ดนางรมทั่วไป ผมเติบโตมากับการเห็นพ่อแม่ทำงานเป็นครูแล้วปลูกเห็ดขายตามตลาดนัด ความรู้สึกตอนนั้นเราก็ชินกับการค้าขาย เลยคิดว่าโตขึ้นอยากเป็นนักธุรกิจผลิตสินค้าและทำให้มันเติบโตขึ้น

แต่ตอนผมเรียนประถม มัธยม ผมเคยเล่นดนตรีอยู่วงโยธวาทิตของโรงเรียนเคยคิดว่าโตขึ้นอยากเป็นนักดนตรีเพราะคิดว่ามันเท่ ดูดี ตอนเรียนอยู่ ม. 5 ผมเอาเห็ดชุบแป้งทอดสูตรคุณแม่ไปลองขายหน้าสถานีรถไฟพัทลุงเป็นที่แรก ช่วงปิดเทอมชวนเพื่อนมาทอดเห็ดขายกะว่าจะหารายได้เล่นๆ แต่ปรากฏว่าขายดี จึงเริ่มขยายสาขาต่อ และทำให้ค้นพบตัวเองอีกครั้งว่าเราชอบค้าขายมาตั้งแต่เด็ก

เพราะว่าตอนเด็กบางทีคุณแม่ก็ซื้อผักซื้อผลไม้ให้ใส่ตะกร้ารถจักรยานปั่นไปขายแถวบ้าน ตอนนั้นจึงรู้ว่าเราชอบค้าขายมากกว่าเล่นดนตรี หลังจากนั้นก็สนใจเรื่องธุรกิจมาตลอด ตอนเรียนมหาลัยก็มาเรียนสาขาการตลาดที่ ม.กรุงเทพ เพื่อเติมเต็มความรู้ด้านการตลาดและด้านธุรกิจ

จุดเริ่มต้นจริงๆ ของการทำธุรกิจเริ่มต้นขึ้นได้อย่างไร
จุดเริ่มต้นทำธุรกิจต้องบอกว่าอยู่ตั้งแต่ ม.5 เริ่มทอดเห็ดขายสาขาแรก พอขายได้ ปิดเทอมอีกทีก็ชวนเพื่อนมาขาย พอเปิดเทอมก็เริ่มจ้างญาติๆ มาขายต่อ ปิดเทอมอีกทีก็ชวนเพื่อนไปเปิดสาขาอีกที่หนึ่ง ขยายการขายไปอีกจังหวัดหนึ่งธุรกิจจึงเริ่มตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แล้วทีนี้ตอนที่ไปเรียนต่อความรู้สึกครึ่งหนึ่งคือเราทำธุรกิจอยู่แล้ว อีกครึ่งหนึ่งคือเราไปเรียนต่อ จะไม่เหมือนคนอื่นที่ชีวิตมหาลัยอยู่กับการเรียน เรียนเสร็จแล้วค่อยทำงาน

แต่ของผมจะไปแบบครึ่งๆ ไปเลยเพราะว่าตอนที่เริ่มเรียนที่กรุงเทพฯ ก็เคยเอาเห็ดไปทอดขายที่กรุงเทพฯ ด้วย ตอนเรียนอยู่ปีหนึ่งเทอมสองก็เอาเห็ดไปทอดขายขยายกิจการที่กรุงเทพฯ แต่ทำไป 6 เดือน ไม่ประสบความสำเร็จ ขายแล้วขาดทุนก็เลยหยุดขาย

เจอแบบนี้รู้สึกท้อบ้างไหม มีวิธีการให้กำลังใจอย่างไร
ผมโชคดีหน่อย ม.5 ม.6 ผมชอบอ่านหนังสือแนว How Too และหนังสือแนวชีวประวัติซึ่งผมชอบอ่านชีวประวัติของนักธุรกิจ เราเห็นว่าความยากลำบากในชีวิตเขามันเยอะมาก กว่าเขาจะประสบความสำเร็จถึงจุดนั้น เพราะฉะนั้นปัญหาที่ผมเจอในปัจจุบันมันจึงกลายเป็นเรื่องเล็กไปเลยเมื่อเทียบกับไอดอลหรือคนที่เขาสำเร็จ เขาต้องเจอร้อยเรื่องกว่าจะไปถึงจุดนั้น

แต่เราเพิ่งได้สองสามเรื่องเองเพราะฉะนั้นเรื่องความลำบากของเรามันเป็นเรื่องเล็ก พอผมคิดแบบนี้ได้มันก็ไม่ท้อมันมีแรงสู้ต่อ อีกส่วนหนึ่งเหมือนการสร้างประวัติให้ตัวเรา ถ้าเกิดว่าตัวเราไม่สำเร็จบ้าง มีประวัติการต่อสู้บ้าง มันทำให้เรารู้สึกท้าทาย

หลังจากประสบปัญญาหาขาดทุนแล้วมีวิธีแก้ปัญหาอย่างไร
ผมเริ่มเข้ามาวิเคราะห์และหาเหตุผลว่าทำไมถึงขาดทุน ทำไมมันถึงขายที่กรุงเทพฯไม่ได้ ก็มาพบว่าเรายังไม่มีความเป็นมืออาชีพ ถ้ามืออาชีพจริงๆ ขายที่พัทลุงสำเร็จ ขายที่กรุงเทพฯ ก็ต้องสำเร็จ ก็เลยไปค้นหาว่าอะไรคือมืออาชีพ ตอนเรียนอยู่ปี 3 ผมเลยไปทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านแมคโดนัลด์หน้าเซียร์รังสิต ทำอยู่ 6 เดือน เพื่อดูว่าธุรกิจที่เขาขยายสาขาเป็นหมื่นสองหมื่นสาขาทั่วโลกเขาทำอย่างไร เข้าไปทำงานด้วยศึกษาไปด้วย

พออยู่ปี 4 ก็มีโอกาสไปทำพาร์ทไทม์ที่ร้านสตาร์บัคส์อีกประมาณ 6-7 เดือน เข้าไปทำเพราะอยากรู้ว่ามืออาชีพเขาทำงานกันอย่างไรเพราะว่าผมไปทอดเห็ดขายที่กรุงเทพฯ แล้วมันไม่สำเร็จ ขนาดเราขยายสาขาจากพัทลุงไปกรุงเทพฯเรายังเจ๊งเลย แล้วสตาร์บัคส์กับแม็คโดนัลด์ที่ขยายสาขาไปทั่วโลกเขามีระบบจัดการอย่างไร เราอยากรู้ก็เลยเข้าไปดู เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเขา เข้าไปลองคิดแบบมืออาชีพเขาคิดอย่างไร ทำอย่างไร 

มันก็ได้ประสบการณ์ได้ Know How มาเหมือนกันว่ามืออาชีพเป็นเรื่องของการสอนงานอย่างเป็นระบบ หัวใจมันอยู่ตรงนั้น พอผมเรียนจบก็กลับมาพัฒนาเห็ดทอดนาโหนดตามตลาดทั่วไป เริ่มเอาระบบการสอนงานเข้ามาใช้ ตั้งแต่เอาพนักงานเข้ามา ตอนนั้นมีอยู่ประมาณ 5-6 สาขาก็เอาสาขาทั้งหมดมารวมกัน และมาลิสต์หนึ่งร้อยคำถามที่ลูกค้าถามประจำแล้วก็ช่วยกันหาร้อยคำตอบที่เราต้องตอบลูกค้า

เพื่อว่าลูกค้าจะได้ประสบการณ์จากเห็ดทอดนาโหนดแบบเดียวกัน คือเริ่มเอาประสบการณ์ตรงนั้นเข้ามาใช้ในการพัฒนางานด้วย

ตั้งแต่ทำธุรกิจมาเจออุปสรรคหรือปัญหาอะไรบ้าง
ผมใช้คำว่าทำสินค้าระดับประเทศกับชาวบ้านที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นเห็ดทอดนาโหนด หรือ กาแฟเดอลองเป็นความภาคภูมิใจของคนนาโหนด เพราะผมก็เป็นชาวบ้านนาโหนดเหมือนกัน แต่ว่าการทำสินค้าระดับประเทศแล้วเราเป็นชาวบ้าน ส่วนหนึ่งที่เราต่างคือเรื่องภาวะทางการเงิน เพราะสินค้าของเราเข้าไปอยู่ใน 7-11 ทั่วประเทศแล้วเปรียบเทียบกับสินค้าอื่นที่อยู่ข้างเคียง

เขามีงบทางการตลาด เขามีงบโฆษณา ค่าอะไรหลายๆ อย่างที่จะซัพพอร์ทให้สินค้าพัฒนาได้ แต่ของเราไม่ เรามีแค่ทุนในการผลิตสินค้าและกระจายสินค้าเท่านั้น อันนี้เป็นอุปสรรคใหญ่ อีกเรื่องคือการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และเรื่องของคนเพราะสินค้าระดับประเทศนอกจากจะโดดเด่นแล้วมันต้องใช้ระบบการจัดการที่ดีด้วย ต้องหาคนเก่งๆ เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการเพื่อช่วยให้สินค้าเติบโต ต้องยอมรับว่าจังหวัดพัทลุงเองก็หาคนเก่งๆ ค่อนข้างยาก

อีกอย่างหนึ่งคือเห็ดทอดนาโหนดไม่สามารถก็อปปี้ได้ เป็นสแนคผักเจ้าแรกของประเทศไทย เราจึงขาดแคลนเครื่องจักรในการผลิตและความรู้ในการจัดการอย่างเป็นระบบ

ตอนนี้คุณคิดว่าคุณประสบความสำเร็จหรือยัง
ผมแบ่งความสำเร็จเป็นหลายระดับ เพราะว่าเมื่อไหร่ที่เราสำเร็จเราก็จะฉลองกันทีนึงเพราะฉะนั้นถ้าเราตั้งเป้าความสำเร็จยากเกินเราก็จะประสบความสำเร็จได้ยาก ผมจึงแบ่งความสำเร็จเป็นหลายๆ ขั้น เช่น ความสำเร็จทางธุรกิจ ความสำเร็จเรื่องการใช้ชีวิต อย่างในธุรกิจเรามองว่าถ้าเราเริ่มก่อสร้างธุรกิจแล้วในสัก 3-5 ปี ธุรกิจมันสามารถเดินได้ด้วยตัวมันเองอย่างมั่นคง และแข็งแรงก็ถือว่าเป็นความสำเร็จระดับหนึ่งแล้ว

ในทางธุรกิจความสำเร็จอันดับแรกเราเริ่มต้นก่อตั้งขึ้นมาแล้วลูกค้าตอบรับ ลูกค้านิยม นี่คือความสำเร็จขั้นแรก และสามารถเดินไปได้ด้วยตัวมันเองนี่คือความสำเร็จขั้นที่สอง เพราะว่าโดยส่วนตัวแล้ว ผมชอบทำธุรกิจ สร้างสิ่งใหม่ๆ ขึ้นมาแล้วรอดูว่ามันตอบโจทย์ลูกค้าหรือเปล่า เพราะฉะนั้นในอนาคตอาจมีโอกาสทำได้หลายธุรกิจที่อยากทำ

รายได้ต่อเดือนประมาณเท่าไหร่
ยอดขายประมาณ 5 ล้านบาทต่อเดือน คิดเป็นปีก็หลายสิบล้าน จุดเด่นคือการปรับตัว จากการทำธุรกิจเห็ดทอดอย่างเดียว ก็ขยายกิจการเป็นกาแฟสำเร็จรูปคือกาแฟสังข์หยดเป็นกาแฟทรีอินวันซึ่งกำลังเติบโต

เคล็ดลับที่ทำให้คุณมายืนอยู่ตรงจุดนี้คืออะไร
ผมว่าการทำธุรกิจต้องรู้จริงทำจริง ต้องศึกษาข้อมูลให้เพียงพอ อย่างตอนที่ผมเริ่มทำธุรกิจกาแฟเป็นอะไรที่ใหม่มากต้องหาข้อมูลว่ากาแฟท้องถิ่นอยู่อย่างไร กาแฟอินเตอร์อยู่อย่างไร ทรัพยากรต่างๆ อยู่อย่างไร

มีโครงสร้างอย่างไร กำไรขาดทุนส่วนต่างอยู่อย่างไร และก็ลงไปดูพื้นที่จริงว่า เมื่อเรารู้จริงแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือทำจริง เพราะถ้าเรารู้หรือแค่คิดแต่ไม่ลงมือทำ งานก็จะไม่เกิด รู้จริงทำจริง สิ่งนี้ทำให้ผมประสบความสำเร็จขึ้นมาได้

อะไรคือสิ่งที่ทำให้คุณประสบความสำเร็จได้ โชคชะตา โอกาส หรือความเพียร
ผมมองว่าความสำเร็จเป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างความพยายามบวกโอกาสมันถึงจะไปสู่จุดที่เรียกว่าสำเร็จ เพราะว่าถ้ามีแต่ความพยายาม แต่โอกาสไม่มามันก็ไม่ได้ หรือมีแต่โอกาสไม่พยายามมันก็ไม่ได้

ผมว่านัยยะมันคือแบบนี้ ทุกวันเราต้องพยายามตลอดเวลาและต้องพยายามไขว่คว้าโอกาสจุดนี้เป็นจุดที่เราจะสามารถเชื่อมต่อกันได้ มันต้องมองหาโอกาสอยู่ตลอดเวลา ถ้าเกิดว่าใครมีแต่ความพยายามแล้วรอให้โอกาสวิ่งเข้ามาชนมันก็จะถึงความสำเร็จยาก

ทำงานหนักขนาดนี้คุณมีวิธีทำให้ชีวิตของคุณสมดุลได้อย่างไร
ผมมองว่าการพักผ่อนกับการผ่อนคลายเป็นคนละเรื่องกัน พักผ่อนอย่างไรก็ต้องนอน ต้องจัดสรรเวลาให้ได้นอน ควรจะใช้แรงในการทำงานในแต่ล่ะวัน 80% ของแรงที่มี อย่าเหนื่อยเกินและอย่าให้ว่างเกิน ส่วนการผ่อนคลายก็จำเป็นต้องมี ท่องเที่ยวในแต่ล่ะปีบ้างครั้งสองครั้งก็พาครอบครัวไปเที่ยวหรือการทำอะไรตามใจตัวเองบ้าง เช่นฟังเพลงเพื่อการผ่อนคลาย ทั้งสองส่วนนี้จะเป็นการเติมพลังให้กับเราได้ พักผ่อนและก็ผ่อนคลาย

กำลังใจที่ทำให้คุณมาถึงวันนี้ได้คืออะไร
กำลังใจสูงสุดอยู่ที่ตัวเรา เรามีจุดกำเนิดกำลังใจของตัวเราเอง เป็นแบตเตอรี่หลักเพราะผมว่าถ้าเมื่อไหร่ตัวเราเข้มแข็งได้ ครอบครัวและคนรอบข้างเขาก็จะเข้มแข็งได้ อยู่ที่ตัวเราก่อน มันต้องมีจุดกำเนิดกำลังใจจากตัวเองและเวลาเราเจอภาวะอะไรต่างๆ เราก็จะมีกำลังใจที่จะผ่านไปได้ อันนี้คือก้อนใหญ่ที่สุด

ส่วนก้อนที่สองคือกำลังใจจากครอบครัว ก็หมายถึงภรรยาและลูกๆ การที่เราได้ใช้ชีวิตอยู่กับพวกเขาทุกๆ วันก็เหมือนเติมกำลังใจให้กับเราทุกๆ วัน กำลังใจในส่วนที่สามมาจากพนักงานในเครือทั้งหมดร้อยกว่าคนที่เขาฝากชีวิตไว้กับเรา กลายเป็นกำลังใจที่ต้องทำให้ชีวิตพวกเขาดีขึ้น

ถ้ามีคนอยากจะประสบความสำเร็จแบบคุณ ต้องเริ่มต้นอย่างไร ช่วยแนะนำหน่อย
ผมว่าการได้ทำในสิ่งที่รักมันจะมีพลังในการทำงาน แต่ใครสักกี่คนจะเจอว่าตัวเองชอบอะไรรักอะไร เพราะฉะนั้นจุดเริ่มต้นผมว่าต้องกลับมามองตัวเองว่าตัวเรามีจริตอย่างไร ถ้าตัวเรามีจริตเป็นผู้ประกอบการ เราก็ต้องรู้ว่าผู้ประกอบการมีองค์ประกอบของผู้ประกอบการอย่างไรบ้าง หรือ ถ้าเราไม่ชอบการเป็นผู้ประกอบการ เราอยากเป็นลูกจ้างมืออาชีพ เราก็ต้องรู้องค์ประกอบของลูกจ้างมืออาชีพเป็นอย่างไร

ผมว่าเรื่องที่จะให้ประสบความสำเร็จหรือมีความสุขในชีวิตได้ ผมตั้งคำถามว่าเหมือนเราโตขึ้นอยากจะเป็นใคร แล้วเราลองหาคำตอบว่าเมื่อเราอายุ 50 เราอยากจะเป็นใคร ถ้าเรานึกได้ว่าเราอยากจะเป็นคนนี้ เรารู้ได้เลยว่าถึงวันนั้นเราจะมีความสุขหรือเปล่า เป็นเหมือนเขาเราจะมีความสุขไหม สุขภาพแบบเขาเราโอเคไหม การงานอาชีพต่างๆ การใช้ชีวิตไลฟ์สไตล์ต่างๆ ถ้าโอเคโตขึ้นเราอยากเป็นแบบนั้น

ไปดูเลยว่าเรื่องราวชีวิตเขาผ่านอะไรมาบ้างกว่าจะมาถึงจุดนี้และวิธีการที่จะประสบความสำเร็จแบบคนๆ นั้น มากที่สุดต้องดูว่าเขาใช้เวลาว่างไปกับเรื่องอะไร เพราะฉะนั้นถ้าเรารู้เส้นทางนี้แล้ว เราก็ต้องปฏิบัติตัวอย่างนั้น และเราจะมีโอกาสประสบความสำเร็จเหมือนไอดอลของเราได้

“รู้จริงทำจริง” ข้อคิดง่ายๆ ที่ใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย หากคุณมีความพยายาม ริเริ่ม ตั้งใจทำและศึกษามันอย่างจริงจัง คุณจะสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างไม่ยากเย็น และที่สำคัญก็คือหาตัวตนที่แท้จริงของคุณให้เจอว่าชอบอะไร อยากทำอะไร อยากเป็นแบบไหน เท่านี้คุณก็สามารถทำงานหรือประกอบกิจการได้อย่างมีความสุข แล้วความสำเร็จก็ไม่ไกลเกินเอื้อมถึง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook